ตั้งเป้ากระจายวัคซีน 10 ล้านโดสในเดือน ก.ค. ระดมฉีดผู้สูงอายุ-7 กลุ่มโรค ลดป่วยหนักเสียชีวิต


เพิ่มเพื่อน    

5 ก.ค.64 - นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า มาตรการควบคุมโรคจะมี 2 ส่วน คือ 1.พื้นที่ต่างจังหวัด ยังใช้มาตรการเฝ้าระวัง โดยเฉพาะจังหวัดที่ยังติดเชื้อไม่มาก จะต้องเฝ้าระวังในผู้ป่วยที่มีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ ปอดอักเสบ ที่เข้ารักษาใน รพ. การใช้มาตรการป้องกันตัวเอง DMHTT สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ และการคัดกรอง มาตรการค้นหาผู้ป่วย เพื่อสอบสวนโรคหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ และใช้มาตรการค้นหาเชิงรุก ดังนั้น เป็นการยกระดับมาตรการเดิมที่มีอยู่ให้มีความเข้มข้นขึ้น

2.พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ในส่วนที่เป็นศูนย์กลางระบาด ดังนั้นมาตรการเดือนก.ค.-ส.ค.จะมีการปรับให้สอดคล้องมากยิ่งขึ้น เน้นไปที่การป้องกันโรคในกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วยความสงสัยติดเชื้อที่มีโอกาสเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค โดยจะมีฟาสแทร็กให้กับ 2 กลุ่มนี้ เพื่อให้ได้รับการตรวจให้เชื้อและการรักษาในโรงพยาบาลทันที เพื่อลดอาการป่วยและเสียชีวิต สำหรับกลุ่มอื่นที่ยังไม่มีอาการที่เป็นวัยหนุ่มสาวอัตราการป่วยหนักน้อยกว่า จะให้ใช้วิธีการตรวจอื่นควบคู่กันไป ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเชิงรุก โดยรถพระราชทาน คลินิกชุมชน และหาวิธีการตรวจอื่นที่มีความสะดวก เพื่อทำให้ผู้ป่วยสูงอายุและผู้ป่วยเปราะบางได้รับการรักษาได้เร็วขึ้น

นอกจากนี้ปรับการสอบสวนควบคุมโรค จะเน้นไม่ให้เกิดกลุ่มก้อนหรือคลัสเตอร์ใหญ่ หาจุดเสี่ยงที่จะมีการระบาดให้ทันเวลา และสอบสวนเฉพาะราย หรือการหาไทม์ไลน์ ก็จะให้แต่ละจุดตรวจเป็นผู้ดำเนินการแทน และการควบคุมเชิงรุก จะเน้นย้ำระวังในกลุ่มซูเปอร์ สเปรดเดอร์ หรือผู้ที่ทำให้มีการกระจายเชื้ออย่างกว้างขวาง รวมทั้งมาตรการบับเบิล แอนด์ ซีล (Bubble and seal) ในแรงงานต่างด้าว โรงงาน สถานประกอบการ แคมป์คนงาน ตลาดสด ตลาดขนาดใหญ่ เรือนจำ รวมทั้งแหล่งที่มีคนรวมตัวกัน และสถานดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งจะเป็นมาตรการที่เราจะเสนอและดำเนินการร่วมกับ กทม.

นพ.โอภาส กล่าวว่า เราจะดำเนินการในเดือนก.ค.-ส.ค. สำหรับมาตรการวัคซีน โดยตั้งแต่วาระแห่งชาติ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. เรามีการฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย 6 ล้านโดส ส่วนเดือนก.ค. ตั้งเป้าหมายฉีดอย่างน้อย 10 ล้านโดส ซึ่งจะมีการกระจายวัคซีนลงไปทุกสัปดาห์ละ 2-2.5 ล้านโดส มีเป้าหมายสำคัญคือ 1.ลดการป่วยหนักและเสียชีวิต 2.ควบคุมการระบาด โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล 3.เพื่อเป้าหมายอื่นๆ เช่น การเปิดพื้นที่เศรษฐกิจ อาทิ ภูเก็ต แซนด์ บ็อกซ์ (Sand box) ที่เราดำเนินการได้อย่างราบรื่น และลำดับต่อไปคือ เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า

“ส่วนการระดมฉีดวัคซีนในกรุงเทพฯที่มีกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง รวม 1.8 ล้านคน ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 70 ภายใน 2 สัปดาห์ ส่วนปริมณฑลจะฉีดให้ได้เดือนก.ค.นี้ ส่วนจังหวัดอื่นๆใน 2 กลุ่มนี้อีก 17.85 ล้านคน ภายในเดือนส.ค. 2564” นพ.โอภาส กล่าวและว่า ส่วนการฉีดในกลุ่มที่มีความเสี่ยงระบาดในวงกว้าง เช่น โรงงาน ตลาด จะมีการฉีดวัคซีนรอบชุมชน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค รวมทั้งกลุ่มที่มีความเสี่ยงติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อไปผู้อื่นสูง โดยมีเป้าหมายการฉีดอย่างชัดเจน และจะมีการติดตามกำกับร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการโรคติดจังหวัดต่อไป

ทั้งนี้ นพ.โอภาส กล่าวว่า การยกระดับมาตรการทางสังคม ระดับองค์กร โดยเฉพาะประชาชนเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่มีการระบาดมาก ต้องขอความร่วมมือมาตรการทำงานจากบ้าน (work from home) ในสถานที่หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ สถานประกอบการเอกชนขนาดใหญ่ ขอให้ได้ร้อยละ 70 และส่งเสริมให้ประชาชนเพิ่มความเข้มงวดมาตรการบุคคล ประยุกต์มาตรการบับเบิล แอนด์ ซีล มาใช้กับตัวเองและครอบครัว เนื่องจากการติดเชื้อในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อในครอบครัวและที่ทำงาน จึงขอให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยให้ได้มากที่สุด ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน งดเว้นการทำกิจกรรมอื่นที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่นในที่ทำงาน จะต้องงดเว้นมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"