​​​​​​​ความเป็นไทยกับกระแส 2 กระแส


เพิ่มเพื่อน    

ดูเหมือนว่า บ้านเรา ช่วงนี้...มันกำลังมีการปะทะกันไป-ปะทะกันมา สู้กันไป-สู้กันมา ระหว่างกระแสความคิด พฤติกรรม อยู่ประมาณ 2 กระแส ที่อาจไม่เกี่ยวกับเรื่อง  เหลือง กับ แดง หรือ เด็ก กับ ผู้ใหญ่ มากมายซักเท่าไหร่นัก แม้ว่าอาจเกี่ยวพัน โยงใย อยู่มั่งก็ตาม แต่ถ้าหากสรุปรวมๆ ต่างก็ถือเป็นกระแสที่อยู่ภายใต้สิ่งที่เรียกว่า ความเป็นไทย ด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งปวง นั่นแล...

                                                              -----------------------------------------

            คืออย่างที่เคยว่าๆ เอาไว้แล้ว...ว่าภายใต้สิ่งที่เรียกว่า  ความเป็นไทย นั้น มันมีทั้ง แง่บวก และ แง่ลบ ไหลไป-ไหลมา ผสมปนเป ชนิดแทบไม่อาจแยกออกจากกันและกันได้ง่ายๆ จนทำให้ ความเป็นไทย อาจเป็นอะไรที่พูดลำบาก พูดแล้ว กระดากลิ้น กระดากปาก อยู่พอสมควรเหมือนกัน คือในแง่ที่เป็นไปในทางบวกนั้น ก็คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่าเต็มไปด้วยน้ำใจ-ไมตรี ความเป็นห่วง-เป็นใย ความเอื้อเฟื้อ เอื้ออาทร ความปรารถนาดีต่อผู้อื่น ฯลฯ อันเป็นสิ่งที่ทำให้เมืองไทย กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกมาแล้ว ในบางช่วง บางระยะ เป็นเมืองที่ฝรั่งมังค่า แขกไป-ใครมา อยากจะใช้เป็นที่ปักหลัก ปักฐาน อยู่ยาวชนิดแทบถือเป็นบ้านเกิด เมืองนอน เอาเลยก็ยังมี...

                                                         ---------------------------------------------------

            แต่ในอีกแง่หนึ่ง ที่เป็นไปในทางลบ...ซึ่งก็ต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้อีกเช่นกัน ว่ามันชำแรกแทรกซึมอยู่ภายใต้ ความเป็นไทย มาโดยตลอด ไม่ว่าจะยุคใด สมัยใด นั่นก็คือความขี้ตื่น ความหูแหก-ตาแหก ไปจนถึงความขี้เบื่อ ขี้ลืม ขี้หงุดหงิด ขี้รำคาญ อย่างแทบไม่มีหลักเหตุผลใดๆ มาอธิบาย ฯลฯ ที่มันก่อให้เกิดอาการประเภท ไทยมุง หรือประเภท เจ๊กตื่นไฟ-ไทยตื่นข่าว ไปจนถึงประเภท ไทยไม่ทน ฯลฯ อะไรทำนองนั้น กระแสทั้ง 2 กระแส หรือทั้งแง่บวก แง่ลบ ในลักษณะที่ว่านี้นี่แหละ ที่มันกำลังปะทะกันไป-ปะทะกันมา สู้กันไป-สู้กันมา ภายใต้ฉากสถานการณ์โควิด หรือภายใต้การแพร่ระบาดระลอก 3  ระลอก 4 หรือระลอกที่เท่าไหร่ ก็คงต้องไปสรุปกันเอาเอง...

                                                         --------------------------------------------------

            แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ขณะที่มันทำให้เกิดสิ่งที่น่าชื่นชม น่ายินดี น่าปลื้มปีติ อยู่เป็นจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าในวงการหมอๆ แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ไปจนถึงปุถุชนคนธรรมดาโน่นเลย ที่ได้อาศัย ความเป็นไทยในแง่บวก ออกช่วยเหลือ เกื้อกูลแสดงออกถึงความเป็นห่วง เป็นใย ความปรารถนาดีต่อผู้อื่น อย่างชนิดมิรู้เหน็ด รู้เหนื่อย มีทั้งปิดทองหน้าพระ หลังพระ ไปจนถึงใต้ฐานพระ  ฯลฯ เอาเลยก็ยังมี แต่ขณะเดียวกันมันก็ก่อให้เกิดสิ่งที่น่าเกลียด น่าชัง น่าทุเรศ เวทนา แทรกซึม สอดส่าย เข้ามาภายในฉากเหตุการณ์ที่ว่านี้ อย่างชนิดน่าปวดเศียร เวียนเกล้า อยู่ไม่น้อยเช่นกัน เช่นการตื่นเต้ลล์ล์ล์ ตื่นข่าว โดยแทบไม่ได้สนใจว่าข่าวนั้นๆ มันจะเป็นข่าวจริง หรือข่าวปลอม ข่าวปล่อย หรือข่าวล่า-มาเรือ แต่ลองแวบเข้ามากระทบกับ ผัสสะ แห่งความเป็นไทยๆ ซะอย่างแล้ว ย่อมสามารถทำให้กระต่ายเผ่นหนีจากใต้ต้นมะพร้าว ชนิดหน้าเริด หน้าตั้ง ไปเป็นรายๆ...

                                                               ---------------------------------------------

            ยิ่งถ้าหากถูกนำไปสังเคราะห์ ในแบบ ใส่สี-ตีไข่ ได้อย่างเหมาะเจาะ เหมาะสมกับช่วงระยะเวลาแต่ละระยะด้วยแล้ว ยิ่งมีโอกาส โกบิ๊ก ไปกันใหญ่ ก่อให้เกิดอาการหูแหก-ตาแหก ที่สามารถตกผลึกกลายเป็นความหงุดหงิด งุ่นง่าน ความรังเกียจ รำคาญ ไปจนถึงความโกรธ เกลียด  เคียดแค้น อาฆาตพยาบาท ริษยาและชิงชัง เอาเลยก็เป็นได้  และอย่าไปคิด ประมาท กับ ความเป็นไทย ในลักษณะนี้เป็นอันขาด!!! เพราะภายใต้ เงื่อนไข และ เหตุปัจจัย ที่สังคมทั้งสังคม มันยังเต็มไปด้วยกองฟืนแห้งๆ ที่ถูกวางกองสุมเอาไว้ในแทบทุกซอก ทุกมุม ของประเทศ โอกาสที่มันจะเกิดการ จุดไฟในนาคร หรือเกิด ประกายไฟไหม้ลามทุ่ง ชนิดนำไปสู่การพลิกฟ้า-คว่ำดิน พลิกหน้ามือเป็นหลังตีน ย่อมเป็นไปได้เสมอๆ...

                                                                 ----------------------------------------------

            อันนี้นี่แหละ...ที่มันทำให้อะไรต่อมิอะไรออกไปทาง  ดีอย่าง แต่ เสียอย่าง ตามแบบฉบับ ความเป็นไทยๆ อย่างมิอาจปฏิเสธ ปัญหาเลยมีอยู่ว่า...สุดท้ายแล้ว กระแส ชนิดไหน ที่จะได้รับการสนับสนุน ส่งเสริม อุ้มชู ฟูมฟัก ให้สามารถเอาชนะกระแสอีกกระแสหนึ่งได้อย่างเบ็ดเสร็จและเด็ดขาด โดยเฉพาะในขณะที่กระแสแรก หรือกระแสที่เป็นไปในแง่บวกนั้น มันออกจะเป็นอะไรที่ต้องลงทุน ลงแรง เอามากๆ ต้องเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า อย่างเป็นพิเศษ ในการประพฤติและปฏิบัติ แถมถ้าหากดันไป ปิดทองหลังพระ หรือ ใต้ฐานพระ กันนานๆ ด้วยความ ขี้เบื่อ และ ขี้ลืม อันเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของความเป็นไทยๆ นั่นเอง อาจทำให้ผู้ที่คิดประพฤติ ปฏิบัติ ทำนองนี้ ต้องหมดเรี่ยว หมดแรง เอาง่ายๆ...

                                                                  ---------------------------------------------------

            ขณะที่กระแสอย่างหลัง หรือกระแสที่เป็นไปในแง่ลบนั้น...มันออกจะเบาแรง เบาสบายเอามากๆ แถมยังช่วยให้เกิดอาการ เอามันซ์ซ์ซ์ ซะอีกด้วยต่างหาก ก่อให้เกิดอาการซู้ดๆ ซ้าดๆ ซี้ดๆ ซ้าดๆ ในระหว่างที่กำลังเอาตีนราน้ำ หรือระหว่างที่ความฉิบหาย วายวอด เกิดการแพร่กระจายออกไปในวงกว้าง ตามการเสกสรร ปั้นแต่ง ให้อะไรต่อมิอะไรเป็นไปตามความปรารถนาและต้องการของตัวเองเอาง่ายๆ แม้ว่าสุดท้าย...ตัวเองอาจมีอันต้องฉิบหายไปด้วยก็ตาม อันเนื่องมาจากความล่มสลายของสังคมทั้งสังคมนั้น ย่อมไม่มีข้อยกเว้นให้กับผู้หนึ่ง-ผู้ใดเป็นอันขาด แต่ก็นั่นแหละ...แค่ได้มีโอกาสซู้ดๆ ซ้าดๆ ซี้ดๆ ซ้าด ในช่วงระยะสั้นๆ ก็ถือว่า มันซ์ซ์ซ์ แล้ว...

                                                                    -------------------------------------------------

            ด้วยความง่าย ความสบาย ในการประพฤติ ปฏิบัติ ในลักษณะทำนองนี้...จึงทำให้โอกาสที่กระแสอย่างหลัง หรือกระแสความเป็นไทยในแง่ลบ มันอาจนำไปสู่การพลิกหน้ามือ-เป็นหลังตีน พลิกฟ้า-คว่ำดิน ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้  โดยเฉพาะถ้าหากบรรดาผู้ที่ยังยึดมั่นอยู่กับความเป็นไทยในแง่บวก เกิดหมดเรี่ยว หมดแรง หมดอารมณ์ หมดแรงกระตุ้น แรงจูงใจ รวมทั้งหมดความมุ่งมั่น ความเพียรพยายาม ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ตาม โอกาสที่ความฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย จะเข้ามาเยือนประเทศไทย สังคมไทย จนนำไปสู่ ความเปลี่ยนแปลง แบบที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาซะเลย...

                                                                     -----------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก พระราชดำรัสในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9... “การทำความดีนั้น...โดยมากเป็นการเดินทวนกระแสความพอใจและความต้องการของมนุษย์ จึงทำได้ยาก และเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่ แล้วจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว...”

                                                                        ---------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"