ยามวิบัติ...คนเราอยู่ได้ด้วยความหวัง!!!


เพิ่มเพื่อน    

ฮื่ออ์อ์อ์...ทะลุไปถึงระดับ 7,000 กันจนได้ ส่วนจะเลยไปถึงหลักหมื่นกันเลยหรือไม่ อย่างไร ตอนไหน คงต้องไปสวดมนต์ ภาวนากันเอาเองก็แล้วกัน สำหรับตัวเลข ผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ในบ้านเรา ที่ชักมาแรง แซงโค้ง ยิ่งเข้าไปทุกที ส่งผลให้ไม่ว่าผู้ติดเชื้อ-ไม่ติดเชื้อ ต่างเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า วูบๆ วาบๆ วิบๆ ไหว ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

                                                 ------------------

คืองานนี้...คงหนีไม่พ้นต้องเร่งปลุกอารมณ์ ไทยแลนด์สู้ๆ...ไทยแลนด์สู้ตาย ขึ้นมาอีกครั้งนั่นแหละทั่น!!! จะปล่อยเลยตามเลย ติดเชื้อกันไปเรื่อยๆ  นะจ๊ะ...นะจ๊ะ กันไปตามมี-ตามเกิด มันไม่น่าจะไหวกันซักเท่าไหร่นัก ต้องหาทาง ทำอะไร ที่มันพอให้เกิดกำลังขวัญ กำลังใจ หวนกลับคืนมาสู่อารมณ์-ความรู้สึกของผู้คนได้มั่ง แม้แต่เล็กๆ-น้อยๆ ก็ยังดี ส่วนจะ  เป็นอะไร นั้น ก็เกินกว่าขีดความสามารถ มันสมอง ของคนแก่-คนชรา อย่างอันตัวข้าพเจ้าเองจะนึกภาพ นึกออก หรือคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องผู้ซึ่งมีอำนาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบ ไปว่ากันเอาเองก็แล้วกัน...

                                                                 -----------------

อย่างที่พวกนักคิด นักปราชญ์ นับแต่ยุคโบร่ำ-โบราณ ท่านเคยเอ่ยเป็นวาทะ เป็นข้อสรุปด้วยคำพูดแบบสั้นๆ-ง่ายๆ นั่นแหละว่า...ในยามวิบัติ คนเราจะอยู่ได้ด้วยความหวัง หรือ In adversity a man is saved by hope.” อะไรประมาณนั้น แต่จะแปรสภาพคำพูดดังกล่าว ให้เป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ก็คงต้องยอมรับว่า...ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ!!! จะด้วยการหันมา ทำบุญประเทศ สวดมนต์ ภาวนา ให้ระงมไปทั้งบ้าน ทั้งเมือง แม้ว่าอาจพอได้ใน รูปแบบ แต่ในแง่ เนื้อหา แล้ว คงต้องยอมรับออกจะ หลังเขา อยู่ซักหน่อย คือมันชักไม่ค่อย เวิร์ก ซักเท่าไหร่แล้ว หลังจากเคยใช้ไป-ใช้มากันมาแล้ว หลายต่อหลายครั้ง...

                                                 -----------------------------

จะด้วยการ ด่าว่า-ด่าทอ หันมารวมมือ รวมส้นตีน ด่าผู้ปกครอง ผู้นำประเทศ ให้ฉิบหาย วายวาด คาปาก คาลิ้น ตามไปด้วย ก็อย่างที่ว่าๆ เอาไว้แล้วนั่นแหละว่า มันคงไม่ได้ช่วยให้อะไร ดีขึ้น เอาเลยแม้แต่น้อย รังแต่จะก่อให้เกิดการดิ้นไป-ดิ้นมา การแย่งยื้อ ช่วงชิงอำนาจ ช่วงชิงความได้เปรียบ-เสียเปรียบ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับการแก้ไข เยียวยา แก้ปัญหาอะไรต่อมิอะไรขึ้นมาได้อย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการ เผลอๆ...อาจทำให้ทุกสิ่งทุกอย่าง มีแต่ทรุด...กับ...ทรุด ลงไปซะอีก โดยเฉพาะเมื่อยังนึกหน้า นึกตา กันไม่ออก ว่าผู้นำรายใหม่ ผู้ปกครองรายใหม่ จะเป็นใคร??? ที่สามารถนำมาซึ่ง ความหวัง กำลังขวัญ กำลังใจ ด้วยเหตุเพราะเท่าที่เหลือๆ อยู่ ล้วนแล้วแต่หนักไปทางยิ่งก่อให้เกิดอาการแตกร้าว แตกแยก หนักขึ้นไปซะอีก เอาเลยก็ว่าได้...

                                                    ------------------------------------------------------

แต่ก็นั่นแหละ...ครั้นจะ นะจ๊ะ...นะจ๊ะต่อไปเรื่อยๆ มันก็น่าจะไม่ไหวจะฮา ไม่น่าจะเกิดอารมณ์ตลก อารมณ์ขันใดๆได้เลยแม้แต่น้อย มีแต่ เคียดแล้ว-เคียดอีก (เครียด) อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ ด้วยเหตุนี้กับ คำถาม ง่ายๆ ว่าด้วยการสร้าง ความหวัง ในลักษณะที่ว่า โดย คำตอบ มันจึงไม่ถึงกับง่ายดายกันซักเท่าไหร่นัก แต่ยังไงๆ...คงต้องออกแรงค้นหากันต่อไปให้จงได้นั่นแหละทั่น ต้องหาทางนำเอาอารมณ์-ความรู้สึกประเภท ไทยแลนด์สู้ๆ...ไทยแลนด์สู้ตาย หวนกลับคืนมาสู่สังคมไทยให้จงได้ ก่อนหน้าที่แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง มันจะสึก มันจะกร่อน เกินไปกว่านี้ อันอาจนำไปสู่สิ่งที่น่าห่วง น่ากังวล เป็นอย่างยิ่ง นั่นคือนำไปสู่ ความล่มสลาย ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้...

                                ----------------------

อย่างไรก็ตาม...ถ้าว่ากันในยุคก่อนๆ นั้น ก็ใช่ว่าประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา จะไม่เคยผ่านจุดจุดนี้มาก่อนเลย เพราะหลายครั้ง หลายครา มาแล้ว ที่สังคมไทยเคยเผชิญกับภาวะความเป็นไปในลักษณะดังกล่าว ไม่ว่าจะครั้ง 14 ตุลา, 6 ตุลา, พฤษภาทมิฬ อะไรทำนองนั้น ที่อาจหนักหน่วง รุนแรง ซะยิ่งกว่า แต่ด้วยเหตุเพราะช่วงนั้น พระสยามเทวาธิราช ท่านยังคงมีเรี่ยว มีแรง มีพละกำลัง วังชา หรือไม่ อย่างไร ก็ยากที่จะสรุปได้ แต่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยามของหมู่เฮา ก็สามารถผ่านช่วงเหตุการณ์ ช่วงระยะเวลาดังกล่าว ได้แบบ “สมูธ แอส ซิลค์”อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย...

                                                         -------------------------

                ไม่ถึงกับต้องคิดเล็ก คิดน้อย หรือคิดมาก...แต่มาถึงช่วงระยะนี้ แม้ว่าโดยลักษณะเหตุการณ์ ฉากสถานการณ์ อาจไม่ถึงกับเร่าร้อน รุนแรง ถึงขั้นนั้น แต่ก็คงต้องยอมรับนั่นแหละว่า นับวัน...มันชักก่อให้เกิด คำถาม ประเภทพูดง่ายแต่ทำยากปรากฏให้เห็นชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที ส่งผลให้การหาทางออก ทางไป หรือ ทางรอด นับจากนี้ ชักเป็นอะไรที่  ลำบาก ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ นอกเสียจากการหาทางนำเอา ความหวัง นำเอากำลังขวัญ กำลังใจ ในระดับ  ไทยแลนด์สู้ๆ...ไทยแลนด์สู้ตาย กลับคืนมาสู่สังคมได้โดยถ้วนหน้า โดยเป็นเอกภาพ เป็นระบบและเป็นกระบวนการ เท่านั้นเอง...

                                                            --------------------

และอันนี้นี่เอง...ที่มันออกจะเลยขีดความสามารถ เลยวัย หรือกระทั่งเลยทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่คนแก่-คนชราจำนวนไม่น้อย เคยพอหลงเหลือติดไม้ ติดมือ ติดปลายนวมเอาไว้มั่ง การเผชิญหน้ากับฉากสถานการณ์ที่บรรดา ความหวัง ต่างๆ ออกจะริบๆ หรี่ๆ ลงไปเรื่อยๆ จึงเป็นอะไรที่น่าห่วง น่ากังวล มิใช่น้อย ด้วยเหตุนี้...เลยคงหนีไม่พ้นต้องหันไปสวดมนต์ ภาวนา ตั้งจิตอธิษฐานในทางส่วนตัว ต่อไปเรื่อยๆ นั่นแหละทั่น ทำไงได้...เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนอยู่ภายใต้ กฎเหล็กแห่งธรรมชาติ ไปด้วยกันทั้งสิ้น นั่นก็คือ... ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไปนั่นแล...

                                                   --------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Anon” (อีกครั้ง)... “Sorrow looks back, worry looks round, faith looks up. - ความทุกข์มองไปข้างหลัง ความวิตกกังวลมองไปรอบๆ ความหวัง...มองสู่เบื้องบน...”

                                                    ------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"