จาก 'ยิ่งลักษณ์-ธัมมี่' ถึง 'เมธี' มีเงิน-อำนาจ-บารมี 'รอดคุก'


เพิ่มเพื่อน    

 

        การตามจับ 1 พรหมที่เหลืออีก 1 รูปอย่างอดีตพระพรหมเมธี หรือ “อดีตเจ้าคุณจำนงค์” อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ไปๆ มาๆ อาจไม่ง่ายกว่าที่คิด

       หลัง “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ทำปฏิบัติการนิมนต์ “เจ้าคุณจำนงค์” จากเยอรมนีกลับสู่มาตุภูมิล้มเหลว เนื่องจากอดีตพระพรหมมีชื่อรูปนี้ ทำเรื่องขอลี้ภัยกับทางการประเทศเยอรมนีไปแล้วทันทีที่ล้อเครื่องบินแตะรันเวย์

       การขอลี้ภัยแบบรวดเร็วทันใจ เสมือนมีการเตรียมเอาไว้แต่เนิ่นๆ ลำพัง “อดีตเจ้าคุณจำนงค์” รูปเดียว คงไม่ง่ายดายขนาดนี้

        หากแต่ต้องมีคนกรุยทาง เตรียมการเอาไว้ให้อย่างเป็นระบบ เพราะอดีตพระพรหมรูปนี้ไม่ได้มีความชำนิชำนาญด้านการต่างประเทศ หรือกฎหมายเท่าไร เนื่องจากไม่ได้กำกับดูแลสายนี้

        แน่นอนว่า มีคนคอยให้การช่วยเหลือแน่ หากแต่เป็นใครต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวน แต่ถ้าดูจากจุดหมายปลาย คนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเครือข่ายวัดพระธรรมกาย

        มันไม่ใช่การปรักปรำ หรือหาเรื่องสาดโคลน แต่มาจากองค์รวมที่มีความเกี่ยวข้องและเป็นไปได้มากที่สุด เพราะประเทศเยอรมนีมีสาขาวัดพระธรรมกายถึง 7 แห่ง

        ได้แก่ วัดพระธรรมกายบาวาเรีย, วัดพระธรรมกายเบอร์ลิน, วัดพุทธฮัมบวร์ก, วัดพระธรรมกายแฟรงก์เฟิร์ต, วัดพระธรรมกายชวาร์ซวัลด์, วัดพุทธไฮล์บรอนน์ และวัดพุทธนอร์ดไรน์ เวสฟาว์เลน

        ขณะที่ “อดีตพระพรหมเมธี” เอง ถือเป็นพระผู้ใหญ่ที่มีความสนิทสนมกับวัดพระธรรมกาย และ “ธัมมชโย” อดีตเจ้าอาวาสจอมฉาว มากที่สุดคนหนึ่ง

        อย่างที่รู้กันที่ผ่านมา “อดีตเจ้าคุณจำนงค์” ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอดว่า เป็นพระสายธรรมยุตที่แตกต่างจากพระสายธรรมยุตรูปอื่นอย่างสิ้นเชิง จนถูกให้ฉายาว่าเป็น “ธรรมยุตนอกคอก”

       “อดีตเจ้าคุณจำนงค์” เคยได้รับเชิญไปร่วมพิธีกรรมทางศาสนาของวัดพระธรรมกายหลายครั้ง และระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่โฆษก มส. มักจะให้สัมภาษณ์ปกป้องอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายอยู่เสมอ

        การซุกปีกธรรมกายในต่างแดน ที่จัดว่าเป็นสายแข็ง มีอาณาจักรกว้างขวางใหญ่โต จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกประหลาดถ้าพิสูจน์ได้ว่า เป็นความจริง

        อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการ “มือเปล่า” ของ “บิ๊กแป๊ะ” และหากที่สุดปฏิบัติการตามล่าตัวมาดำเนินคดีล้มเหลว จะเป็นอีกครั้งที่คนที่มีอำนาจ-บารมี-เงิน รอดเงื้อมมือกฎหมายไทยได้อีกครั้ง

        รัฐจะถูกค่อนแคะ ถากถางด้วยคำเดิมๆ ว่า กฎหมายประเทศไทยบังคับใช้แค่กับ “คนจน” หรือคุกมีไว้แค่ขังคนจนเท่านั้น

        เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน ตอกย้ำตรรกะนั้นได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาในคดีรับจำนำข้าว และไม่สามารถเอาผิดใครได้เกี่ยวกับพาการหลบหนีในครั้งนั้น

        แม้ปัจจุบัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไปปรากฏตัวตามประเทศต่างๆ แต่ทางการไทยยังไม่สามารถนำตัวมาลงโทษได้ เช่นเดียวกับกรณี “ธัมมชโย” ผู้ต้องหาคดีรับของโจร และฟอกเงิน

        เจ้าหน้าที่มีการตรวจค้นวัดต่อเนื่องหลายวัน แต่จนแล้วจนรอดถึงบัดนี้ ยังไม่มีใครรู้ว่า “ธัมมชโย” อยู่ไหน ยังอยู่ในประเทศ หรือเตลิดออกไปต่างแดนแล้ว

        เรื่อยมาถึงกรณีของ “อดีตเจ้าคุณจำนงค์” โอกาสที่จะจบลงแบบ 2 รายแรกเริ่มถูกพูดถึงมากขึ้น เนื่องจากอดีตพระพรหมรูปนี้ มีเครือข่ายที่มีอำนาจ และเงิน ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้หลายต่อหลายคนหนีโทษทัณฑ์ออกจากประเทศไปใช้ชีวิตต่างแดนได้อย่างสบาย

        ถ้าคนพวกนี้เป็นเพียงตาสีตาสาธรรมดา ปัจจุบันคงมีจุดลงเอยไม่ต่างจากอดีตพระพรหม และพระผู้ใหญ่หลายรูปที่เข้าไปนอนเรือนจำ

        มันเป็นการแสดงให้เห็นอีกครั้งถึง “ช่องว่าง” ระหว่าง “คนรวย” และ “คนจน” รวมถึง “คนมีอำนาจ” และ “คนไร้อำนาจ” 

       ตราบใดที่ยังเป็นอยู่แบบนี้ ก็เป็นเรื่องยากที่จะเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมในไทยกลับมา.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"