คุณอาจรอดเพราะ"ทีมหมอยง"


เพิ่มเพื่อน    

ผ่านมาปีครึ่ง
    อัปเดตสถานการณ์โควิดโลกกันหน่อยครับ
    อเมริกา ติดเชื้อ ๓๔,๗๖๖,๔๐๔ คน เสียชีวิต ๖๒๓,๐๒๙ คน
    อินเดีย ติดเชื้อ ๓๐,๙๐๔,๗๓๔ คน เสียชีวิต คน ๔๐๙,๓๓๘ คน
    บราซิล ติดเชื้อ ๑๙,๑๐๖,๙๗๑ คน เสียชีวิต ๕๓๔,๓๑๑  คน
    ฝรั่งเศส ติดเชื้อ ๕,๘๑๓,๘๙๙ คน เสียชีวิต ๑๑๑,๓๕๓ คน
    รัสเซีย ติดเชื้อ ๕,๘๓๓,๑๗๕ คน เสียชีวิต ๑๔๔,๔๙๒ คน
    ตุรกี ติดเชื้อ ๕,๔๘๖,๙๕๙ คน เสียชีวิต ๕๐,๒๗๘ คน
    อังกฤษ ติดเชื้อ ๕,๑๕๕,๒๔๓ คน เสียชีวิต ๑๒๘,๔๓๑ คน
    อาร์เจนตินา ติดเชื้อ ๔,๖๖๒,๙๓๗ คน เสียชีวิต ๙๙,๒๕๕ คน
    โคลัมเบีย ติดเชื้อ ๔,๕๓๐,๖๑๐ คน เสียชีวิต ๑๑๓,๓๓๕ คน
    ย่านอาเซียนเป็นอย่างไรกันบ้าง 
    อินโดนีเซีย ติดเชื้อ ๒,๕๖๗,๖๓๐ คน เสียชีวิต ๖๗,๓๕๕ คน
    ฟิลิปปินส์ ติดเชื้อ ๑,๔๘๑,๖๖๐ คน เสียชีวิต ๒๖,๐๙๒ คน
    มาเลเซีย ติดเชื้อ ๘๔๔,๘๗๐ คน เสียชีวิต ๖,๒๖๐ คน
    ไทย ติดเชื้อ ๓๕๓,๗๑๒ คน เสียชีวิต ๒,๘๔๗ คน
    พม่า ติดเชื้อ ๑๙๗,๒๒๗ คน เสียชีวิต ๓,๙๒๗ คน
    นี่คือตัวเลข ณ เย็นวันที่ ๑๓ กรกฎาคม 
    ที่ยกตัวเลขเหล่านี้มาให้ดู แค่จะบอกว่าวิกฤตนี้ยากลำบากกันทั้งโลก เสียชีวิตไปแล้วรวม ๔ ล้านกว่าคน ติดเชื้อใกล้แตะหลัก ๒๐๐ ล้านคนแล้ว 
    หลายประเทศเมื่อเทียบกับไทยแล้ว เรายังไม่สูญเสียเท่า
    คนไทยไม่ตายถึงหลักแสน
    เวลาเราลำบาก ให้นึกถึงคนที่ลำบากกว่าเรา อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้สู้ต่อ 
    จะสู้อย่างไรในภาวะเช่นนี้?
    ไม่ง่ายเลยครับ แต่ก็ต้องสู้ 
    หลายคนท้อ ก็ไม่แปลกครับ 
    ขนาด "คุณหมอยง ภู่วรวรรณ" ก็ยอมรับว่าท้อเหมือนกัน
    แต่ไม่ได้ท้อจากการสู้กับโควิด
    การเมือง ความไม่ชอบ ต่างหากที่ทำให้ท้อ  
    วานนี้ "คุณหมอยง" เปิดใจผ่านเฟซบุ๊ก น่าเห็นใจท่านครับ 
    "....โควิด ๑๙ วัคซีน การศึกษาวิจัยนำไปสู่การปฏิบัติจริง การสลับชนิดของวัคซีน
    ทางศูนย์ได้มุ่งมั่นทำการศึกษาวิจัย โดยทีมนักวิทยาศาสตร์และคณะแพทย์มากกว่า ๓๐ ชีวิตที่ทำอยู่ขณะนี้ โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่อง covid 19 vaccine ที่มีโครงการทำอยู่มากกว่า ๕ โครงการ เพื่อนำมาใช้อย่างเร่งด่วนในประเทศไทยให้เหมาะสมกับทรัพยากรที่มีอยู่
    การสลับชนิดของวัคซีน เราทำมาโดยตลอดและเห็นว่า การให้วัคซีนเข็มแรกเป็นชนิดเชื้อตาย แล้วตามด้วยไวรัส Vector จะกระตุ้นได้ดีมาก 
    การให้วัคซีนเชื้อตายที่เป็นทั้งตัวไวรัส เปรียบเสมือนการทำให้ร่างกายเราเคยติดเชื้อ และมีภูมิคุ้มกันขึ้นมาระดับหนึ่ง หรือสร้างความคุ้นเคยกับระบบภูมิต้านทาน เมื่อกระตุ้นด้วยต่างชนิดโดยเฉพาะไวรัสเวกเตอร์ จึงเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า booster effect เหมือนกับคนที่หายแล้วจากโรคโควิด ๑๙ และได้รับวัคซีนเสริมอีก ๑ ครั้ง ก็จะมีการกระตุ้นภูมิต้านทานขึ้นได้เช่นเดียวกัน ซึ่งเราก็ได้ทำการทดลองแล้ว
    การศึกษานี้เราไม่ได้ทำเฉพาะการตรวจวัดภูมิต้านทานเท่านั้น เรายังได้ทำภาวะขัดขวางไวรัส inhibition test ที่สามารถขัดขวางได้ดีมาก เฉลี่ยถึง ๙๕ เปอร์เซ็นต์ และมีหลายรายถึง ๙๙ เปอร์เซ็นต์ 
    ในทำนองเดียวกันการให้เชื้อตาย ๒ เข็ม ยิ่งสอนให้ร่างกายเหมือนกันติดเชื้อจริงแบบเต็มๆ หรือแบบรุนแรง แล้วเมื่อมากระตุ้นด้วยวัคซีนไวรัส Vector จึงมี Booster effect ที่สูงมาก
    การศึกษาวิจัยของเราไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เรากำลังทำการศึกษากับสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ delta และระบบภูมิคุ้มกันชนิดที่เรียกว่า T cell หรือ CMIR 
    แน่นอนการศึกษานี้ ฝรั่งไม่ทันแน่นอน เพราะฝรั่งไม่ได้ใช้วัคซีนเชื้อตาย และจีนก็ไม่ได้ใช้วัคซีนไวรัสเวกเตอร์อย่างกว้างขวางในขณะนี้
    ข้อมูลขณะนี้ผมมีเป็นจำนวนมาก มากพอที่จะสรุป เพราะทุกท่านให้ความร่วมมือดีมาก รวมทั้งอาสาสมัครที่อยู่ในการศึกษาเป็นจำนวนมาก ผมต้องขอขอบคุณอย่างยิ่ง
    ข้อดีที่ทำให้ทางกระทรวงสาธารณสุขยอมรับ และนำมาปรับใช้ในเชิงนโยบายจากการศึกษานี้
    ๑ ทำให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนได้ภูมิต้านทานที่สูงภายในเวลา ๖ สัปดาห์ ซึ่งเร็วกว่าการให้วัคซีนไวรัสเวกเตอร์ในประเทศไทยที่จะได้ภูมิต้านทานสูง ต้องใช้เวลา ๑๒ สัปดาห์ เหมาะสมกับการที่โรคกำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ซึ่งเรารอไม่ได้
    ๒ เป็นการปรับใช้ทรัพยากรที่เรามีอยู่ขณะนี้ที่จำกัดให้ได้ประโยชน์สูงสุด
    ๓ การกระตุ้นเข็ม ๓ ด้วย virus Vector สามารถทำได้ให้เกิดภูมิต้านทานที่สูงมาก โดยไม่ต้องรอวัคซีนชนิดอื่น เพื่อประโยชน์ของบุคลากรทางการแพทย์
    ข้อมูลที่ได้ขณะนี้มีเป็นจำนวนมากพอ โดยเฉพาะการฉีดสลับเข็ม ข้อมูลที่ถูกในบันทึกในหมอพร้อมมีมากกว่า ๑,๒๐๐ ราย โดยที่ไม่มีอาการข้างเคียงที่รุนแรงแต่อย่างใด
    ผมเองท้อใจหลายครั้งที่ไม่อยากจะมาโพสต์ให้ความรู้ และมีการหยุดเป็นครั้งคราว แต่ก็มีผู้ทักท้วงมาเป็นจำนวนมาก ว่าถ้าหยุดก็จะเข้าทางของผู้ไม่หวังดี ผมเองมุ่งทำการศึกษาวิจัยมาเกือบ ๔๐ ปี เพื่อให้ความรู้กับชาวโลก ไม่เฉพาะประเทศไทย เพราะเผยแพร่ในวารสารนานาชาติมาตลอด 
    สังคมไทยในภาวะวิกฤตแบบนี้ แทนที่จะร่วมมือกัน สามัคคี แต่กลับเป็นพยายามที่จะพูดจาถากถาง ดึงเข้าสู่การเมือง ในบางครั้งมีการกล่าวหาที่เลื่อนลอย และไม่เป็นความจริง 
    มีหลายคนเสนอให้กฎหมายเข้ามาจัดการ ผมเองไม่เคยไปสนใจอ่านเลยไม่เดือดร้อน แต่ที่เดือดร้อนมากกลับเป็นลูกศิษย์ที่ยังเคารพอาจารย์ ส่วนลูกศิษย์ที่ไม่เคารพก็ไม่เป็นไร ผมไม่เคยถือ และขณะนี้ก็ได้มีการจับแล้ว 1 คน และจะคงมีรายต่อๆ ไป โดยที่ผมจะยุ่งเกี่ยวให้น้อยที่สุด ขอให้เป็นไปตามกฎหมายบ้านเมือง เพราะบ้านเมืองมีกฎหมายที่ทุกคนต้องเคารพ และจริยธรรม ที่ต้องให้เกียรติกันและกัน..."
    ครับสิ่งที่ "คุณหมอยง" และทีมวิจัยทำในวันนี้คือ ทำอย่างไรให้คนไทยป่วยหนัก และเสียชีวิต น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ 
    ถามว่ายากหรือเปล่า? 
    ตอบเลยครับ ยากมาก แต่ไม่เกินความสามารถ
    เพราะปัจจัยหลักเกี่ยวกับการสู้กับโควิดคือ "วัคซีน" นั้น เป็นวัคซีนที่โลกนี้อนุมัติใช้เป็นกรณีฉุกเฉิน ไม่มีใครรู้ถึงผลเสียระยะยาวว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่
    สถานการณ์ในขณะนี้จึงเป็นการฉีดไปวิจัยไป 
    สิ่งที่ "คุณหมอยง" เขียนไว้ข้างต้น คือการช่วยชีวิตคนไทยจากโควิด 
     และการช่วยเหลือไม่ได้แบ่งแยกว่า ช่วยเฉพาะ FC ไม่ช่วยพวกเอาแต่ด่า 
    ช่วยทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย 
    ทีมนักวิทยาศาสตร์และคณะแพทย์มากกว่า ๓๐ ชีวิตที่ทำงานร่วมกันนี้ อาจช่วยชีวิตคนชาติอื่นจากผลวิจัยการสลับชนิดของวัคซีนในครั้งนี้ 
    คนที่เอาแต่ด่า วันหนึ่งอาจรอดชีวิตเพราะ ทีมคุณหมอยง ก็ขอให้รับรู้ว่า... 
    การเมืองไม่ใช่ทุกเรื่องของชีวิต. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"