ทำอะไรทำเถิดอย่าเปิดผ้า-ทำอะไรไม่ว่าผ้าอย่าเปิด


เพิ่มเพื่อน    

แทบไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อนั่นแหละทั่น!!!...ว่าเฉพาะแค่เรื่อง วัคซีน  ประเภทฉีด-ไม่ฉีด ฉีดอะไร-ไม่ฉีดอะไร หรือฉีดผสม-ไม่ฉีดผสม ฯลฯ ก็ยังก่อให้เกิดการเถียงกันไป-เถียงกันมา ด่ากันไป-ด่ากันมา ได้อย่างชนิดหนักหน่วง รุนแรง เจ็บปวด รวดร้าว ทรมาทรกรรมได้ถึงเพียงนี้ สำหรับสังคมไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่เคยมี ความเป็นไทย เป็นเครื่องมือในการ อยู่ร่วมกันโดยสันติ มาได้โดยตลอด...

                                                              -------------------------------------------

                คืออย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละว่า...ท่ามกลางบรรยากาศแบบวิบๆ ไหวๆ วูบๆ วาบๆ สับสน ระส่ำระสายชนิดแทบไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร โอกาสที่ ความเป็นไทย มันจะไหลไปทาง ไทยมุง ชนิดไม่คิดจะ ไทยควรคำนึง เอาเลยแม้แต่น้อย มันจึงอาจต้องถือเป็น ธรรมชาติ ในอีกลักษณะหนึ่ง และด้วยเหตุที่ ธรรมชาติอีกลักษณะหนึ่ง มันก็ยังถือเป็นสาระ สำคัญ ในการหมุนเวียน เปลี่ยนแปลงไป-มาในสังคมไทย นั่นก็คือ ธรรมชาติทางการเมือง นั่นแหละทั่น การฉกฉวยโอกาส ฉกฉวยผลประโยชน์ จากความสับสน ระส่ำระสาย เพื่อให้เกิดอาการ  โทนี่-โทนาฟ สำหรับ ตัวกู-ของกู มันจึงเป็น ข้อเท็จจริง อันมิอาจปฏิเสธได้ซะอีกต่างหาก อะไรต่อมิอะไรมันเลยหนีไม่พ้นต้องสับสน วุ่นวาย ระส่ำระสาย หนักขึ้นไปใหญ่...

                                                              --------------------------------------------

                เพราะหลังจากเรื่องวัคซีน-ไม่วัคซีน...มันยังน่าจะมีอะไรตามมาอีกเยอะ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของสายพันธุ์ เดลตา และสายพันธุ์อะไรต่อมิอะไรอีกไม่รู้ ที่กำลังส่งผลต่อ ภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งเคยทำท่าว่าน่าจะเงยหัว น่าจะเงยหน้า อ้าปาก ในปีนี้ ปีหน้า ได้มั่งตามลำดับ แต่เมื่อต้องเจอกับการหวนกลับมา ล็อกดาวน์ หรือ เซมิล็อกดาวน์ อะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ อย่างเป็นระบบและเป็นกิจการในหลายต่อหลายประเทศ โอกาสที่จะเกิดการเงยหน้า อ้าปาก ฟื้นเนื้อ ฟื้นตัว ตามที่เคยคาดๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า มันเลยยิ่งต้องยืด ต้องเยื้อ และต้องยื้อ อีกนานเท่าไหร่ก็ยังมิอาจสรุปได้ และนั่นเอง...ที่มันจะทำให้เกิดประเด็น เกิดหัวข้อสนทนา เกิดการเถียง-การด่า กันไปอีกตราบนานเท่านาน...

                                                              --------------------------------------------

                ภายใต้สภาพเช่นนี้...ถ้าอยากจะให้บรรยากาศต่างๆ มันเปลี่ยนแปลงไปมั่ง ไม่ไหวจะด่า ไม่ไหวจะเถียง กันอีกต่อไปแล้ว มันคงต้องอาศัยปรากฏการณ์ ระดับ ฟ้าผ่าฟาดเปรี้ยง!!! จากสวรรค์ชั้นที่ 9 เอาเลยประมาณนั้น มันถึงจะพอตกตะลึง ตาค้าง เงียบเสียง หุบปาก ปากหุบ ไม่คิดจะเจ๊าะๆ แจ๊ะๆ เงาะๆแงะๆ อะไรอีกต่อไปแล้ว คืออาจเกิด  สติ โผล่พรวดๆ พราดๆ ขึ้นมาได้บ้าง โดยถ้าหาก สติ เกิดอุบัติขึ้นมาได้จริงแล้วๆ เรื่องของ สตัง ก็คงไม่น่าจะเป็นปัญหามากมายซักเท่าไหร่ พอได้ค่อยๆแก้ ค่อยๆ สางไปตามสภาพ โดยเฉพาะสำหรับประเทศที่ยังพอมี พื้นฐานทางเศรษฐกิจ ระดับเชื่อได้ ไว้ใจได้ อย่างประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ในทุกวันนี้...

                                                              --------------------------------------------

                แต่ก็นั่นแหละ...การที่จะเปรี้ยงๆ ดังเสียงฟ้าฟาด เอาให้ตกตะลึง ตัวชา ไปเป็นแถบๆ เผอิญว่ามันถูกทำให้เสียหมา เสียสุนัข มาแล้วก่อนหน้านั้น จนมันอาจจะเปรี้ยงไม่ออก ฟาดไม่ออก เพราะไม่รู้ว่าจะเปรี้ยงแบบไหนดี หรือฟาดแบบไหนดี การแก้ไข แก้ปัญหา แบบ เละกันต่อไปเรื่อยๆ จึงออกจะมีแนวโน้มสูงยิ่งกว่า และนั่นเอง...ที่อาจทำให้คุณพี่ โทนี่-โทนาฟ แห่ง คลับเห่า ท่านเลยถึงกับกล้าพยากรณ์ กล้าประเมินสถานการณ์เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าอาจต้อง ยุบสภา ประมาณเดือนมกรา.  กุมภา. ในช่วงประมาณต้นปีหน้า อะไรทำนองนั้น...

       --------------------------

                ส่วนจะจริง-ไม่จริง...เป็นไปตามนั้น-ไม่เป็นไปตามนั้น คงต้องไปคิดๆ เอาเองก็แล้วกัน อย่าเพิ่งด่วนไป เชื่อ หรือไป  เห็นควรด้วย ตามคำพูดของคุณพี่ โทนี่-โทนาฟ เอาง่ายๆ เพราะใครที่เคยเชื่อๆ ล้วนแต่ต้อง ออกลูกเป็นลิง มาโดยตลอด อีกทั้งการแก้ไข แก้ปัญหา ในแบบ เละกันต่อไปเรื่อยๆ แก้ไปตามระบบ ตามครรลอง ตามกระบวนการเท่าที่มีอยู่ หรือเท่าที่เคยเป็นมานั้น คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า ไม่เพียงต้องใช้ความอดทน อดกลั้น ไม่ใช่แค่ระดับ ขันติ เท่านั้น แต่อาจต้องระดับ โอ่งติ หรือ อ่างติ หรือต้องใหญ่กว่า ขัน ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า แถมยังต้องใช้ห้วงเวลาระยะยาว ในการค่อยๆ แก้ ค่อยๆ สาง ไปทีละเปลาะ-สองเปลาะ  อันเนื่องมาจาก ความเป็นไทย ที่มันแทรกซึมอยู่ในระบบ และระบอบ จนไม่อาจอาศัย มาตรการทางสากล ไปซะในทุกเรื่อง ทุกราว...

              ---------------------------------

                รวมทั้งระหว่างห้วงระยะเวลาดังกล่าว...ยังใช่ว่าจะแก้ได้ แก้ง่าย เสมอไป โดยเฉพาะภายใต้โลกยุคใหม่ สังคมใหม่ ที่สิ่งที่เรียกว่า เทคโนโลยี ซึ่งไม่ได้มีหัวจิต หัวใจใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย มันยิ่งก้าวหน้า ก้าวไกล ยิ่งเข้าไปทุกที และสามารถก่อให้เกิดปัญหา อุปสรรค ในแบบ...เพราะสิ่งหนึ่งจึงนำไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง จนกลายเป็นความซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศยิ่งๆ ขึ้นไป การแก้ไข แก้ปัญหา ในแบบ เละกันต่อไปเรื่อยๆ จึงกลายเป็นสิ่งที่นำมาซึ่ง คำถาม ต่อการหาทางออก ทางไปและ ทางรอด ของสังคมไทย ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ยิ่งเข้าไปทุกที!!!

       -----------------------------

                แต่ก็นั่นแหละ...บรรดาสิ่งทั้งหลาย ทั้งปวง เหล่านี้ คงต้องถือเป็นเรื่องของผู้ซึ่งมีอำนาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบจะต้องไปว่ากันเอาเองก็แล้วกัน เพราะสำหรับผู้ที่แก่แล้ว ชราแล้ว ปลดระวางไปนานแล้ว อย่าง ท่านขุนน้อย และพรรคพวกทั้งหลายเป็นต้น คงต้อง สารภาพ เอาไว้ ณ ที่นี้ ว่าชัก นึกภาพไม่ออก ว่ามันควรเป็นไปในแบบไหน อย่างไร สุดท้าย...เลยหนีไม่พ้นต้องหันไปหาข้อสรุป แบบเดียวกับคนแก่ คนเฒ่า ที่ใกล้แง้มฝาโลงเข้าไปทุกที ผู้มีนามกรว่า ปีย์ มาลากุล นั่นเอง คือ จะทำอะไร...ก็รีบทำๆ เข้าเถอะ ทำนองนั้น...

       ------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก “Michael Cibenko”... One problem with gazing too frequently into the past is that we may turn around to find the future has run out of us. – ปัญหาของการมัวแต่เหลียวหลังมองอดีต ก็คือ พอหันกลับมาอีกที อาจพบว่า...อนาคตได้ผ่านเลยเราไปแล้ว...”


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"