สมาคมค้าปลีกไทย จี้รัฐกระจายวัคซีนให้เร็วที่สุด! ชี้ล็อกดาวน์ควรเจ็บแต่จบ


เพิ่มเพื่อน    

 


17 ก.ค. 2564 นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบใน 10 จังหวัดสีแดงเข้ม ประกอบด้วยกลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการทั้งในและนอกระบบประกันสังคม มีระยะเวลาในการช่วยเหลือ 1 เดือน โดยครอบคลุม 10 กลุ่มอาชีพ รวมทั้งลดค่าน้ำค่าไฟแก่ประชาชนทั่วประเทศอีก 2 เดือน เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของลูกจ้าง นายจ้างและประชาชนที่ได้รับผลกระทบในช่วงล็อคดาวน์ มองว่ามาตรการภาครัฐครั้งนี้ออกมาได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมได้ดีขึ้นกว่าเดิม แต่สิ่งที่ ต้องการจากรัฐบาลคือ การเร่งจัดหาและกระจายวัคซีนอย่างรวดเร็วและทั่วถึงให้กับบุคลากรของกลุ่มการค้าปลีกและบริการ เพื่อให้การล็อคดาวน์ครั้งนี้เจ็บแต่จบ  

 

ทั้งนี้ หากฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย ก็จะสามารถเปิดประเทศได้ แต่ขณะเดียวกันก็มองว่ามาตรการดังกล่าวยังไม่เพียงพอ และควรครอบคลุมผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนทุกกลุ่ม รวมทั้งขยายระยะเวลาในการเยียวยาให้ยาวขึ้น พร้อมเร่งดำเนินการให้เงินเยียวยาถึงมือโดยทันที 

 

สำหรับสมาคมผู้ค้าปลีกไทยขอเสนอ 3 มาตรการ ดังนี้ คือ 1.มาตรการจัดหาและกระจายวัคซีนที่ชัดเจน โดยใช้พื้นที่จุดฉีดวัคซีนที่ภาคค้าปลีกและบริการได้เตรียมไว้ทั่วประเทศ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมกับเร่งฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรของกลุ่มการค้าปลีกและบริการให้ทั่วถึง รวมถึงสนับสนุนชุดตรวจ Rapid Antigen Test ให้กับธุรกิจในภาคค้าปลีกและบริการเพื่อนำไปตรวจเชิงรุกให้กับบุคลากรในบริษัท เป็นการลดความเสี่ยงของการระบาด 

 

ส่วนมาตรการที่ 2.มาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประกอบการค้าปลีกและบริการ อาทิ ลดค่าน้ำ ค่าไฟ เพิ่มเป็น 50% เป็นระยะเวลา 6 เดือน ขณะเดียวกันยังควรเพิ่มมาตรการพักหนี้ ช่วยลูกหนี้ในพื้นที่ล็อกดาวน์ จาก 2 เดือน เป็น 6 เดือน พร้อมหยุดคิดดอกเบี้ยเงินกู้ ควบคู่ไปกับสนับสนุนให้ผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่เป็นผู้รับสินเชื่อ Soft Loan จากสถาบันการเงิน เพื่อนำไปให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 

 

ขณะที่มาตรการข้อ 3.มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะปรับกลไกโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ให้เหมือนกับโครงการ “ช้อปดีมีคืน” และเพิ่มวงเงินเป็น 100,000 บาท เพื่อกระตุ้นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง ควบคู่ไปกับส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมโดยจัดเก็บภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่มของธุรกิจอีคอมเมิร์ซตั้งแต่บาทแรก และห้ามขายสินค้าต่ำกว่าทุน และปลดล็อกขั้นตอนการออกใบอนุญาตเหลือเพียง 1 ใบ (Super License) จากเดิมที่ต้องขอใบอนุญาตกว่า 43 ใบ จาก 28 หน่วยงาน 

 

นอกจากนี้ ยังควรขยายเวลาโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับนักศึกษาจบใหม่ ซึ่งจะสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2564 ออกไปอีก 1 ปี และทดลองใช้ระบบการจ้างงานประจำเป็นรายชั่วโมง เพื่อสอดคล้องกับช่วงฟื้นฟูธุรกิจและเกิดการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้น 

 

“วิกฤตครั้งนี้ส่งผลกระทบรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สมาคมผู้ค้าปลีกไทยเล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยเหลือผู้ประกอบการค้าปลีกและบริการทั่วประเทศกว่า 100 บริษัท ครอบคลุมเอสเอ็มอีในห่วงโซ่การค้ามากกว่า 100,000 ราย นับเป็น 40% ของมูลค่าการบริโภคค้าปลีกทั้งประเทศ หรือ คิดเป็น 12% ของจีดีพี ซึ่งมีความสำคัญและถือได้ว่าเป็นเสมือนกระดูกสันหลังของระบบเศรษฐกิจไทย” นายญนน์ กล่าว 

 

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่ท้าทายนี้ สมาคมฯ พร้อมที่จะสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับภาครัฐด้วยสรรพกำลังทั้งหมดของสมาคมฯ และภาคีเครือข่าย เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งข้อเสนอทั้งหมดนี้ จะต้องทำให้เกิดขึ้นทันที เชื่อว่าด้วยการรวมพลังของเราทุกคน จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้กลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"