17 ก.ค.64 - นายเสวก ประเสริฐสุข รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้เดินทางมามอบยาสมุนไพรเคอร่า (Kerra) ให้กับผู้นำชุมชนที่ร้องขอและโทรหาเพื่อนำไปรักษาประชาชนในพื้นที่ และผู้ที่ต้องการยาไปรักษาญาติพี่น้องของตนเอง ซึ่งบางรายขับรถจักรยานยนต์มาจากบางกระปิ กรุงเทพฯ

นายเสวก ประเสริฐสุข รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยว่าหลังจากมีกระแสข่าวว่ายาเคอร่า เป็นเฟกนิวส์และไม่มีผลวิจัยยอมรับนั้น ในวันนี้เราจึงต้องออกมาชี้แจ้งให้ประชาชนรับทราบ เราไม่เคยโฆษณาชวนเชื่อว่าสามารถรักษาอาการป่วยโควิดได้ มีเพียงแต่ผู้ป่วยโควิดที่ทานยาเคอร่าที่เรานำเอาไปให้ทานแล้วหายเป็นจำนวนมากจากนั้นก็บอกต่อๆกันไป จากสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบันจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องทำการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยที่กำลังได้รับผลกระทบจากการติดเชื้อโควิด-19

ทั้งนี้เราจะช่วยเหลือผู้ป่วยต่อไป ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แล้วให้ผู้ป่วยนอนรอเตียงให้รักษา ขนาดสื่อของรัฐยังมาสัมภาษณ์ตนเองแล้วจะมาหาว่าเป็นข่าวปลอมหรือเฟกนิวส์ได้ยังไง ที่ผ่านมาทางบริษัทก็นำยามาบริจาคให้กับโรงพยาบาลสนามอาชีวะรักษ์ปทุมของ อบจ.ปทุมธานี 3 หมื่นกล่องและให้ตนเองแจกจ่ายกับประชาชนที่ต้องการจะรับยาสมุนไพรทางเลือกนี้ไปรักษา และบางส่วนตนเองก็ได้ใช้เงินส่วนตัวซื้อมาเพื่อที่จะรักษาให้กับประชาชนผู้ติดเชื้อในพื้นที่

"อยากขอร้องให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันคิดวางแผนสนับสนุนนำสมุนไพรทางเลือกนี้มาแจกจ่ายให้กับประชาชนฟรี เพราะสถานการณ์แบบนี้ เราต้องให้ประชาชนมีทางเลือกในการรักษา และผลวิจัยก็บอกว่าสามารถยับยั้งเอนไซม์ main protease ที่ไวรัสโควิด-19 ใช้ในการขยายตัวเพิ่มจำนวนในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เวลานี้เราต้องทำทุกวิธีที่ให้ประชาชนปลอดภัยและเสียชีวิตให้น้อยที่สุด ซึ่งปัจจุบันเราก็ใช้ฟ้าทะลายโจรซึ่งเป็นสมุนไพรไทยมาร่วมรักษาให้กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดอยู่แล้ว และยาสมุนไพรเคอร่า (Kerra) ก็เป็นยาสมุนไพรทางเลือกในวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างมากในขณะนี้"นายเสวก กล่าว

นางสาวอัญชลี ผมหอม ซึ่งขับรถจักรยานยนต์มาจาก ซอยนวมินทร์33 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ตอนนี้ที่บ้านได้ติดโควิด 3 คนโดยมีผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ โรคปอด และเบาหวานนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้านเนื่องจากไม่มีโรงพยาบาลรักษา โดยคุณปู่แนะนำให้มาเอายาตัวนี้จากท่านรองนายก อบจ.ปทุมธานี ตนเองเลยโทรนัดกันแล้วขับรถจักรยานยนต์กับน้องสาวมาหาเพื่อที่จะนำยาไปรักษาอาการป่วยของคนในบ้าน อย่างน้อยก็เป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษา และที่ผ่านมามีคนหลายคนบอกว่าทานยาตัวนี้แล้วอาการป่วยดีขึ้น

ด้าน ดร.ภัทร หนังสือ ประธานกรรมการ บริษัท อีสเทิร์นเฮิร์บ และเวชกรโอสถ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเคอร่า (Kerra)และ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย ทีมวิจัย แถลงข่าวว่า ผลการวิจัยผลิตภัณฑ์สมุนไพรเคอร่ามีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ที่ไวรัสโควิด-19 ใช้ในการขยายตัวสูงกว่าฟ้าทะลายโจรถึง 100 เท่าจากผลการวิจัยในหลอดทดลองของห้องปฏิบัติการชีวเคมีคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่พบว่า ยาเคอร่ามีประสิทธิภาพในการยับยั้งเอนไซม์ main protease ที่ไวรัสโควิด-19 ใช้ในการขยายตัวเพิ่มจํานวนในร่างกายโดยมีประสิทธิภาพสูงกว่าสาร Andrographolide ซึ่งเป็นสารสำคัญในฟ้าทะลายโจรถึง 100 เท่า ซึ่งในฟ้าทะลายโจรผงมีสาร Andrographolide เพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นโดยน้ำหนัก

ดังนั้นยาเคอร่าจึงมีประสิทธิภาพการยับยั้งเอนไซม์ main protease ที่สูงกว่าฟ้าทะลายโจรผงและสูงกว่ายาแผนปัจจุบันหลายชนิดที่เป็นยาต้านไวรัส และในปัจจุบันยาเคอร่าได้รับการยอมรับให้ใช้ในโรงพยาบาลรัฐบาลและโรงพยาบาลสนามหลายแห่ง ซึ่งพบว่าการรักษานั้นได้ผลดี ซึ่งผลการวิจัยนี้บริษัทได้ลงทุนหลายล้านบาท ให้เป็นความหวังสำหรับคนไทยในยามวิกฤติ ผลการวิจัยประสบความสำเร็จ รายการผลิตยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งไวรัสที่ดี ซึ่งเทียบกับยาแผนปัจจุบันที่ใช้ต้านไวรัสในประเทศไทยยาเคอร่ามีฤทธิ์ยับยั้งไวรัสที่ดีกว่าหลายเท่า

โดยทางบริษัทต้องการ แจกยาเคอร่า 100,000 กล่อง มูลค่า 40 ล้าน ฟรีให้ประชาชน สำหรับผู้ประสงค์ขอรับยาให้ลงทะเบียนผ่านไลน์ @heroline แล้วกดช่องขอรับยาฟรี จากนั้นส่งรูปถ่ายสำเนาบัตรประชาชนขีดฆ่าเขียนข้อความ “เพื่อการรับยาเคอร่า” แล้วลงลายมือชื่อรับรองส่งในไลน์ @herbline และบริษัทฯจะแจ้งกำหนดการรับยาฟรี (ท่านละ 2 กล่อง) ผู้ที่ลงทะเบียนซ้ำจะถูกตัดสิทธิทุกกรณี โดยบริษัทฯจะแจ้งวันเวลาที่ให้เข้ารับยาโดยรับได้ที่สํานักงาน บริษัท อีสเทิร์นเฮิร์บ จำกัด เลขที่ 829/29-30 ซอยประชาชื่น 27 แขวงและเขตบางซื่อ กทม. ซึ่งจะแจกจ่ายยาตามวันและเวลาที่กำหนดเท่านั้นโดยกำหนดแจกตามบัตรคิวที่จะแจ้งผ่านทางไลน์ @heroline เพื่อไม่ให้คับคั่งจนเกินไป หากครบจำนวนจะแจ้งผ่าน Line @ ต่อไป และเริ่มลงทะเบียนขอรับยาได้ตั้งแต่วันที่ 18-25 ก.ค. 2564

ดังนั้น การที่มีบางเพจออกมาให้ข้อมูลว่า ยาเคอร่าไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัท รวมทั้งทำให้ประชาชนเสียโอกาสในการเข้าถึงยาสมุนไพรที่มีคุณภาพ จึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท และนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จตามพรบ.คอมพิวเตอร์ซึ่งบริษัทจะได้แจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุดต่อไป