'ยุทธพงศ์'เปิดเอกสารแฉ'อดีตผบ.ทร.'เร่งซื้อเรือดำน้ำ2ลำกลัวการเมืองเปลี่ยน


เพิ่มเพื่อน    

18 ก.ค.64- นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.) แถลงข่าวถึงกรณีกองทัพเรือเดินหน้าซื้อเรือดำน้ำใน พ.ร.บ. งบประมาณปี 2565ว่า มีหลักฐานเป็นจดหมายที่พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ อดีต ผบ.ทร. ลงวันที่ 23 ก.ย.2563 ส่งถึงนายสูจาน ปิ้น รองประธานองค์กรบริหารงานของรัฐด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันการประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน (SASTIND)  ขอให้เร่งจัดส่งผู้แทนจากสถานทูตจีนในประเทศไทย มาลงนามในข้อตกลงการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2,3 ก่อนวันที่ 30 ก.ย.2563 มิฉะนั้นสถานการณ์การเมืองไทยอาจต้องทำให้มาเริ่มต้นการจัดหาใหม่ตั้งแต่ต้นอีก พร้อมร้องขอความช่วยเหลือ SASTINDกรณีที่กองทัพเรือได้เซ็นสัญญาต่อเรือ LPD Type 07 1E (เรือชั้นฉางไปซาน) กับทาง SASTIND ไปแล้ว 1 ลำ แต่เรือดังกล่าวยังไม่มีระบบอำนวยการรบ ระบบอาวุธ และอุปกรณ์ตรวจจับใดๆ มีแต่อุปกรณ์พอเดินเรือกลับประเทศไทยได้เท่านั้น

"อาศัยความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและจะได้ช่วยเหลือกันในอนาคตที่ทางจีนจะเข้ามาปฏิบัติการในภูมิภาคนี้ จึงขอความกรุณาให้ทาง SASTIND ช่วยสนับสนุนการติดตั้งระบบอำนวยการรบ อาวุธ และอุปกรณ์ตรวจจับให้มีขีด ความสามารถเท่าเทียมกับเรือชั้นนี้ของจีนด้วย เพื่อจะได้ปฏิบัติงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้พล.ร.อ.ลือชัย ต้องการลงนามในข้อตกลงซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และลำที่ 3 ก่อนเกษียณ"

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า  อีกประเด็นคือการไปร้องขอ SASTIND ในลักษณะดังกล่าว เป็นการแสดงให้เห็นว่า เร่งเซ็นสัญญาเรือ LPD 6,200 ล้านบาท ในช่วงที่ตนเองมีอำนาจเป็น ผบ.ทร.เท่านั้น โดยอ้างว่ามีงบประมาณจำกัด เอาตัวเรือมาก่อน ไม่ได้คำนึงถึงประสิทธิภาพของเรือแม้แต่น้อย เป็นการแสดงให้เห็นว่ากองทัพเรือไปต่อเรือลำนี้มาโดยไม่มีความพร้อมด้านการรบ เป็นการซื้อที่ขาดแผนงานและคำนึงแต่ประโยขน์ที่ได้ซื้อเรือเท่านั้น ที่เสียหายมากที่สุดคือ การไปร้องขอให้ SASTIND ติดตั้งระบบอำนวยการรบ ระบบอาวุธ และอาวุธต่างๆ ให้นั้น เป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียงของประเทศไทยและกองทัพเรือเป็นอย่างยิ่ง หนังสือดังกล่าวเชื่อถือได้ตนจะต้องรับผิดชอบ หากหนังสือไม่เป็นจริงให้ฟ้องร้องตนได้เลย

"เรือดำน้ำจีน 2 ลำ งบประมาณ 22,500 ล้านบาท ทางรัฐบาลและกองทัพเรือพยามผลักดันให้ผ่านในกระประชุมของกรรมาธิการงบประมาณในวันที่19 ก.ค. โดยเฉพาะกรรมาธิการงบประมาณในซีกของรัฐบาล ในสัญญา การซื้อขายเรือดำน้ำที่ประเทศไทยได้จัดซื้อเรือดำน้ำกับทางประเทศจีนแล้ว 1 ลำ โดยสัญญาบอกว่า รัฐบาลจีนมอบให้ตัวแทนของจีน และกองทัพเรือไทย ต่อเรือดำน้ำรุ่น S26T จำนวน 1 ลำ โดยมีพลเรือเอกลือชัย อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นตัวแทน และรัฐบาลจีนมีนายสู จีคี ประธานจากบริษัท China Shipbuilding&Offschre International Co.,Ltd ( Csoc ) เป็นตัวแทน ซึ่งในสัญญาที่ระบุว่าเป็นการซื้อจะขายแบบจีทูจี ตนมองว่ามีความไม่โปร่งใส เป็นจีทูจีจริงหรือไม่ หากเป็นจริงตอนจ่ายเงินจากประเทศไทยไปนั้น ให้รัฐบาลไทยสั่งจ่ายเงินไปที่บัญชีของบริษัท  Csoc ที่ Bank of China ปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อบอกเป็นการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐเหตุใด ไม่จ่ายเงินไปที่กระทรวงกลาโหมของประเทศจีน หรือจ่ายเงินไปที่รัฐบาลจีน"

รองหัวหน้าพรรค พท.ระบุว่า ขณะนี้สถานการณ์ในประเทศไทย มีประชาชนติดเชื้อ โควิด-19 ระบบสาธารณสุขสู้ไม่ได้ เห็นประชาชนรอคิวตรวจโควิดเป็นจำนวนมาก แต่รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ กลับจะซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ พลเอกประยุทธ์ อย่าปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องอย่า เพราะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะต้องเซ็นผ่านการซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ อย่ามาลอยตัวอย่าบอกว่าไม่เกี่ยว เป็นนายกรัฐมนตรีเคยคิดถึงประชาชนหรือไม่ แทนที่จะเอาเงินที่มีจำกัดมาช่วยเหลือประชาชน กลับเอาไปซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ นอกจากนี้เรือดำน้ำของจีนมี ยังมีความสงสัยในประประสิทธิภาพ ประชาชนจะเกิดคำถามถึงประสิทธิภาพเช่นเดียวกับวัคซีนซิโนแวคหรือไมเรือดำน้ำลำแรกยังไม่ได้ ยังไม่ได้ทดลองใช้ แล้วเหตุใดจึงเร่งรัดในการซื้ออีก

"ในวันจันทร์ที่ 19 ก.ค.นี้จะมีการประชุมกรรมาธิการงบประมาณฯ เวลา 9.00 น. อาคารสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นการสร้างประชุมอออนไลน์ ในฐานะกรรมาธิการงบประมาณซีกฝ่ายค้าน ได้พยามต่อสู้ แต่กรรมาธิการซีกรัฐบาล ไม่ยอมให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพ 4 คนมาชี้แจง อ้างว่ากลัวติดโควิด-19 ขณะเดียวกันผู้บัญชาการเหล่าทัพ กลัวถึงไม่กล้ามาสภาฯ จริงหรือ ขนาด ส.ส. ยังต้องมาทำหน้าที่ในการตรวจสอบงบประมาณ เพราะกฎหมายงบจะต้องแล้วเสร็จใน 105 วัน เรื่องนี้ต้องไปถามนายวิรัช รัตนเศรษฐ  และนายวิเชียร ชวลิต อะไรก็ตามขอให้ติดตาม การประชุมออนไลน์ที่เหมือนการปิดประตูตีแมว ทำการชี้แจงทางออนไลน์ ในการประชุมปกติก็ยากลำบากอยู่แล้ว ขณะเดียวกันรายการยุทธภัณฑ์ต่างๆของกองทัพ ก็เป็นความลับไม่ยอมเปิดเผย ซึ่งพวกเราในกรรมาธิการงบประมาณจึงมีความยากลำบากในการตรวจสอบ และพยายามจะปรับลดงบประมาณในส่วนของเรือดำน้ำ2 ลำ กรรมาธิการงบประมาณในซีกพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมด จะขอให้กรรมาธิการงบประมาณชุดใหญ่ปรับลด ตัดทิ้งเรือดำน้ำ 2 ลำไปเลยไม่ต้องเสียเวลาไปสู่อนุ กรรมาธิการครุภัณฑ์ เพราะไม่มีเหตุผลที่ต้องพิจารณาในสภาวะคนติดเชื้อ ล้มตายจำนวนมาก ไม่จำเป็นต้องพิจารณาอะไรมาก เรือดำน้ำ 2 ลำ ไม่มีความจำเป็น หากกรรมาธิการในซีกรัฐบาลไม่ยอมเราจะเสนอให้โหวต หากแพ้ก็แพ้ จะได้รู้ว่าใครจะเอาเรือดำน้ำบ้าง นอกจากนี้ตนยังมีหลักฐานแฉอีกว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำรอบนี้ไม่ใช่แบบจีทูจี"

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"