กสิกรไทยโชว์ผลกำไรครึ่งปีแรกโกยเกือบ 2หมื่นล้าน


เพิ่มเพื่อน    

 

21 ม.ค. 2564 นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 2564 ได้รับผลกระทบมากขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่สาม ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อทิศทางการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและธุรกิจ และยังทำให้ช่วงเวลาการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวต้องเลื่อนเวลาออกไป ทั้งนี้ แม้มาตรการเยียวยาเศรษฐกิจของภาครัฐและสัญญาณการขยายตัวของภาคส่งออกจะยังคงเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจต่อเนื่องในระยะข้างหน้า แต่แนวโน้มการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน โดยขึ้นอยู่กับการกระจายวัคซีนและการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับงวดครึ่งปีแรกปี 2564 จำนวน 19,521 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ปี 2564 จำนวน 8,894 ล้านบาท 


ผลการดำเนินงานสำหรับงวดครึ่งปีแรกปี 2564 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดครึ่งปีแรกปี 2563 


ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 19,521 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 9,971 ล้านบาท หรือ 104.40 % โดยในงวดครึ่งปีแรกปี 2564 ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss: ECL) ลดลง 39.32% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยงวดครึ่งปีแรกของปีก่อนธนาคารและบริษัทย่อยได้ตั้งสำรองฯ ในระดับที่สูงเป็นจำนวนถึง 32,064 ล้านบาท ภายใต้หลักความระมัดระวัง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อันเป็นวิกฤติการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในลักษณะนี้มาก่อน รวมถึงผลที่อาจจะเกิดขึ้นจากมาตรการของทางการที่ให้สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ทำให้ต้องติดตามดูแลคุณภาพหนี้อย่างใกล้ชิด แม้ภาวะเศรษฐกิจไทยในงวดครึ่งปีแรกของปี 2564 จะได้รับผลกระทบมากขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ธนาคารและบริษัทย่อยได้ประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวซึ่งคาดว่าการฟื้นตัวจะเลื่อนเวลาออกไป และยังคงให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่องผ่านมาตรการต่าง ๆ รวมถึงการปล่อยสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ลูกค้า  ธนาคารและบริษัทย่อยจึงได้พิจารณาตั้งสำรองฯ ในงวดนี้ทั้งสิ้นจำนวน 19,457 ล้านบาท ซึ่งยังคงเป็นระดับสำรองฯ ภายใต้หลักความระมัดระวัง ทั้งนี้หากเปรียบเทียบไตรมาส 2 ปี 2564 กับไตรมาสก่อน ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้น 24.93% กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้สำหรับงวดครึ่งปีแรกปี 2564 มีจำนวน 47,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,332 ล้านบาท หรือ 2.90% เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 2,686 ล้านบาท หรือ 4.87% จากการปล่อยเงินให้สินเชื่อแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยในงวดนี้อัตราการเติบโตอยู่ที่ 6.17% มาจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่มีศักยภาพ โดยธนาคารได้ติดตามดูแลคุณภาพเงินให้สินเชื่อของลูกหนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ 

 


อย่างไรก็ตาม ยังมีลูกค้าบางส่วนอยู่ภายใต้มาตรการความช่วยเหลือของธนาคาร ซึ่งรวมถึงมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยทำให้ธนาคารต้องมีการบริหารจัดการดอกเบี้ยค้างรับที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้ทั้งลูกค้าและธนาคารสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจปกติได้ นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเงินรับฝากลดลงจากอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ลดลง ทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest


ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2 ปี 2564 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2564  


ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้จำนวน 23,786 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจำนวน 290 ล้านบาท หรือ 1.23% โดยธนาคารและบริษัทย่อยพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มจำนวน 2,157 ล้านบาท หรือ 24.93% จากไตรมาสก่อน ทำให้กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2 ปี 2564 อยู่ที่ 8,894 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนจำนวน 1,733 ล้านบาท หรือ 16.31% โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 1,584 ล้านบาท หรือ 5.63% ส่วนใหญ่เกิดจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"