การกลายพันธุ์ของ 'อารมณ์-ความรู้สึก'


เพิ่มเพื่อน    

ไปซะแล้วอีกราย!!!... ฉลามเขียว-วีรจักร ก้อนทอง น้องนุ่งที่เคยเห็นๆ กันมาตั้งแต่ตีนยังเท่าฝาหอย (มือเสือ) แม้ว่าโดยอายุ-อานาม ยังไม่น่าจะเท่าไหร่ แต่ก็ดันโดนท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 ลากไปรับประทานซะดื้อๆ ทำเอาคิดไม่ออก-บอกไม่ถูกว่าจะแสดงความอำลา-อาลัย ความโศกเศร้า-เสียใจ ในรูปไหนกันดี...

                                                     ---------------------------------------------

            คือด้วยเหตุที่ ฉลามเขียว หรือ วีรจักร เขาเริ่มมา  เปิดซิง มา ขึ้นครู หรือมา เข้าวงการ ในช่วงจังหวะที่อันตัวข้าพเจ้าเองเป็นผู้ดูแล รับผิดชอบงานข่าว หรือบรรดา นักข่าว อยู่พอดิบพอดี เลยมีโอกาสได้เห็นเขาตั้งแต่ ตีนยังเท่าฝาหอย หรือขณะยังเป็นเด็กๆ เป็นนักศึกษา ที่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย แต่อยากจะเป็นนักข่าว เป็นผู้สื่อข่าวให้จงได้ และก็ด้วยความขยันขันแข็ง เอาการ-เอางาน  รวมทั้งปฏิภาณ-ไหวพริบ ที่ไหลลื่นกว่าผู้ที่อยู่ในวัยเดียวกันไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า เขาก็เลยผงาดขึ้นมาเป็นนักข่าว ผู้สื่อข่าว นับตั้งแต่บัดนั้น...

                                                     -----------------------------------------------

            แต่ก็ด้วยความ ไม่แน่นอน ของธุรกิจสิ่งพิมพ์ที่มีมานานแล้ว...หรือพูดง่ายๆ ว่าเพราะ การเจ๊ง ของหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับที่ถือเป็นเรื่องปกติ-ธรรมดามาโดยตลอด  ต่างฝ่ายต่างก็เลยแตกฉาน ซ่านเซ็น ไม่มีโอกาสได้เจอะหน้าเจอะตา เด็กหนุ่มรายนี้มากว่า 30-40 ปีเห็นจะได้ ได้แต่คอยเงี่ยหูฟังการเติบใหญ่ เติบโต ของ วีรจักร ที่กลายสภาพไปเป็น ฉลามเขียว คอลัมนิสต์ผู้โด่งดัง ระดับสะท้านฟ้า-สะเทือนดิน ในบางยุค บางสมัย ด้วยความปลาบปลื้มอยู่พอประมาณ ไม่ต่างอะไรไปจากบรรดาพวกครูๆ แก่ๆ ทั้งหลายที่อดปลาบปลื้ม ยินดี ต่อผู้ที่เคยผ่านการเรียนการสอนจากตัวเอง ไม่ว่ามากบ้าง น้อยบ้าง ไปตามสภาพ ส่วนอะไรที่ออกไปทางเสียๆ หายๆ ก็พยายามที่จะไม่รับรู้ รับทราบ  ถือซะว่า ทางใครก็ทางมัน ประมาณนั้น...

                                                        ----------------------------------------------

            แต่ไม่ว่าจะเจอกันโดยอุบัติเหตุ หรือเจอกันแบบแว็บๆ  แค่เห็นหน้า-เห็นตา ไม่มีโอกาสได้เจ๊าะๆ แจ๊ะๆ มากมายซักเท่าไหร่ ฉลามเขียว หรือ วีรจักร เขาก็พร้อมที่จะยกมือไหว้ แสดงออกถึงความผูกพันในอดีต อย่างไม่คิดจะหลงๆ ลืมๆ เอาเลยแม้แต่น้อย หรือยังถือเป็น น้อง ยังพอนับญาติ นับมิตร โดยไม่มีอะไรให้ต้องตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใด ดังนั้น...เมื่อจู่ๆ ดันเห็นข่าวว่าท่านเชื้อไวรัสโควิด ลากเขาไปรับประทานซะดื้อๆ ก็เลยอดไม่ได้ที่จะต้องรู้สึกอาลัย อาวรณ์  รู้สึกถึงความสูญเสียอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้เลย...

                                                         -----------------------------------------------

            ทำไงได้ล่ะทั่น...ในเมื่อท่านเชื้อไวรัสโควิด ที่ผ่านการกลายพันธุ์ ผ่านการวิวัฒนาการ กลายมาเป็นสายพันธุ์ เดลตา ช่วงนี้ ท่านออกจะมาแรง แซงโค้ง เอามากๆ ไม่ใช่แต่เฉพาะ บ้านเรา เท่านั้น แต่ต้องเรียกว่า...แทบทั้งโลกนั่นแหละ ที่ต้องเจอกับการสูญเสีย เจอกับการล้มหาย ตายจาก ของผู้ที่เคยรู้จัก เคยผูกพันกันมา แบบชนิดระเนนระนาดเอาเลยก็ว่าได้ และก็แน่นอนนั่นแหละว่า...ย่อมก่อให้เกิด อารมณ์-ความรู้สึก โหวงๆ เหวงๆ อยู่พอประมาณ โดยถ้าหาก อารมณ์-ความรู้สึก เหล่านี้ ไม่ได้ถูกนำมาพินิจ พิจารณา นำมาใคร่ครวญกันโดย สติ โอกาสที่มันจะวิวัฒนาการ จะ กลายพันธุ์ ไปเป็นความโกรธ เกลียด  เคียดแค้น อาฆาตพยาบาท ริษยาและชิงชัง ย่อมมีความเป็นไปได้พอๆ กับท่านเชื้อไวรัสโควิดท่านนั่นแหละ...

                                                           --------------------------------------------------

            และโดยหลักๆ แล้ว...ผู้ที่จะต้องถูกลากไปรับประทานเป็นอันดับแรก คงหนีไม่พ้นไปจาก รัฐบาล โดยเฉพาะตัวผู้นำอย่างท่านนายกฯ บิ๊กตู่ นั่นแหละ ที่อาจเสียปอดไปแล้วกว่าครึ่งปอด ส่วนจะลงไปถึงม้าม ถึงตับ ถึงไต กันในตอนไหน เมื่อไหร่ ก็คงต้องคอยติดตามกันต่อไปเป็นระยะ  เพราะถ้าลองถึงขั้นต้องปรารภ รำพึง ออกมาดังๆ ว่า พวกคุณ...จะทิ้งผมก็ตามใจ อันนี้ต้องเรียกว่า...น่าจะหมดไปแล้วกว่าครึ่งปอด ครึ่งม้าม เอาเลยก็ไม่แน่!!! หรือชักเริ่มสะท้อนให้เห็นถึงความสับสน ระส่ำระสาย ภายใน ความเป็นรัฐบาล ขึ้นมามั่งแล้ว โดยจะ ซิงเกิล คอมมานด์ ต่อไปได้อีกมาก-น้อย ขนาดไหน เมื่อไหร่และอย่างไร? จึงถือเป็น คำถาม ที่ต้องไปหา คำตอบ ตาม รสนิยม ของใคร-ของมันไปตามสภาพ...

                                                              -------------------------------------------------

            แต่อันที่จริงแล้ว...ถ้าลองหันมาใช้ สติ ใคร่ครวญ พิจารณา ไปตามลำดับขั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...ไม่ใช่แต่เฉพาะบ้านเราหรือประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาเท่านั้น ที่ต้องเจอกับ อารมณ์-ความรู้สึก ทำนองนี้ กันทั้งบ้าน ทั้งเมือง แต่เกือบทุกๆ ประเทศนั่นแหละ ต่างต้องเสียยาก-เสียมาก-เสียน้อย กันไปตามลำดับ โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับ โจทย์ แบบชนิดยากซ์ซ์ซ์แสนยากซ์ซ์ซ์ คือต้องเลือกเอาระหว่างจะ อดตาย หรือ ป่วยตาย ก็ยิ่งหา คำตอบ แทบไม่เจอกันไปเป็นประเทศๆ การแก้โจทย์ แก้ปัญหาทำนองนี้ จึงใช่จะเป็นเรื่องง่ายๆ หนักซะยิ่งกว่า  ปัญหาปราบเซียน เอาเลยก็ว่าได้...

                                                             -------------------------------------------------------

            ยิ่งถ้าหากใช้ สติ บวกกับ ปัญญา แล้วอาศัย สมาธิ เข้าไปผสมด้วยแล้ว...คงต้องยอมรับว่า เรื่องของการอยู่-การตายนั้น เอาเข้าจริงๆ แล้ว...มันก็เป็นเช่นนั้นเอง  มันเป็นพรรค์นั้นแหละ เป็นไปตามหลัก มรณานุสติ อะไรที่เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ย่อมมีสิทธิ์ดับไป เปลี่ยนแปลงไป ได้เสมอๆ  ดังนั้น...ใครก็ตามที่ต้องเผชิญกับ อารมณ์-ความรู้สึก ทำนองนี้ สู้หันมาแสวงหา ความสงบ ภายในหัวจิต-หัวใจของตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องลากใครต่อใครมาเกี่ยวข้องด้วย  น่าจะเข้าท่ากว่า สบายใจกว่ากันเยอะเลย ส่วน รัฐบาล นั้น...ถ้าหาก วัคซีน เข็มสอง เข็มสาม เกิดมาช้าหรือไม่มา  ยังไงๆ...ท่านย่อม ตายไปเอง ไม่ต้องเสียเวลาไปเสือกไส ไล่ส่ง ให้ต้องเสียอารมณ์กันโดยใช่เหตุ...

                                                              ---------------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Cullen Hightower... There’s too much said for the sake of argument and too little said for the sake of agreement. - เราพูดมากเกินไปในทิศทางแห่งการถกเถียง และพูดน้อยเกินไปในทิศทางแห่งความร่วมมือ-ร่วมใจ การตกลงซึ่งกันและกัน...”

                                                               --------------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"