แพ้หรือชนะอยู่ที่ความเป็นเอกภาพในการต่อสู้


เพิ่มเพื่อน    

 คนจีนที่ประสบความสำเร็จในการจัดการกับโควิด มองสถานการณ์ในเมืองไทย แล้วให้ข้อคิดว่าประเทศไทยกำลังล้มเหลวแก้โรคโควิด-19 ด้วยเหตุผลที่เราอ่านแล้วไม่อาจจะปฏิเสธได้ และถ้าหากเรายังคงเป็นดังเช่นที่เขาวิเคราะห์ออกมานี้ เห็นทีเราจะไม่สามารถเอาชนะโควิดได้ ที่สำคัญก็คือในการวิเคราะห์ของเขานั้น เขาชี้ให้เห็นเลยว่าความล้มเหลวของเรานั้นมาจากกระทำของทุกภาคส่วน ไม่ใช่ภาคส่วนใดภาคส่วนหนึ่งที่เราจะไปชี้นิ้วด่ากันได้ มาดูกันว่าเขามองความล้มเหลวของเราว่ามาจากสาเหตุอะไร

· เราจัดการกับระลอกแรกได้ดี (น่าจะรวมระลอก 2 ด้วย) ทำให้คนจำนวนหนึ่งไม่ค่อยรู้สึกถึงหายนะที่จะตามมา หากเกิดการระบาดระลอกใหม่ หลายภาคส่วนต่างๆ ของไทยการ์ดตก ประชาชนจำนวนหนึ่งออกมาใช้ชีวิตกันตามปรกติเป็นเวลานานจนเคยชิน หลายคนยังใช้ชีวิตปานประหนึ่งว่าเราไม่ได้เผชิญกับโรคระบาดที่ร้ายแรง พอเกิดการระบาดระลอกนี้เลยตั้งตัวไม่ทัน

· ปัญหาการเมืองแตกแยกเป็นหลายฝ่าย ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไร ก็จะมีคนแย้งและคัดค้านมาตรการของรัฐบาลไปทุกเรื่อง รัฐบาลก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ และไม่สามารถให้ความกระจ่างกับประชาชนได้ (การสื่อสารของรัฐสู้ฝ่ายตรงกันข้ามไม่ได้) ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งเชื่อข้อความของฝ่ายตรงกันข้ามมากกว่า และเริ่มไม่พอใจรัฐบาลมากขึ้น แต่เชื้อโรคมันไม่เลือกข้าง คนไทยทั้งมวลจึงเดือดร้อนกันหมด ไม่ว่าฝ่ายฉันหรือฝ่ายเธอ

· ขาดเอกภาพในการกระจายวัคซีน (หน่วยงานต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่ในการสั่งซื้อ การกระจาย และการจัดฉีด มีความขัดแย้งกันอย่างเห็นได้ชัด) ทำให้การสร้างเกราะป้องกันโรคให้แก่คนไทยล่าช้าไปมาก รอจนเกิดการระบาดระลอกใหม่ ค่อยมาเร่งฉีดวัคซีน ซึ่งสายเกินไปแล้ว แม้จะมีเสียงเรียกร้องให้เอกชนช่วยนำเข้าวัคซีนมาบริการประชาชน แต่ก็ยังติดขัดด้วยระเบียบราชการของไทย

· ประเทศไทยปิดประตูไม่มิดชิด ปล่อยชาวต่างชาติจากดินแดนที่กำลังมีการระบาดหนักเดินทางเข้าไทย รวมถึงปัญหาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายลักลอบเข้ามาตามชายแดนอย่างง่ายดาย (ที่สำคัญก็คือบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเปิดประตูให้แรงงานต่างด้าวจากดินแดนที่มีการระบาดหนักเข้ามาในประเทศ ยังไม่มีใครถูกลงโทษ ทำให้การเปิดประตูยังมีอยู่ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน)

· แผลแห่งความเหลื่อมล้ำอักเสบขึ้นมา เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้มีเงินออมในบัญชีมากมาย เป็นการทำงานแบบหาเช้ากินค่ำเป็นส่วนใหญ่ จึงต้องออกจากบ้านมาหาเงินทุกวัน (มาตรการปิดกิจการต่างๆ จึงไม่ได้รับความร่วมมือจากคนทำธุรกิจหลายๆ ประเภทที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐบาล รวมทั้งมีการฝ่าฝืน ด้วยการอ้างความจำเป็นที่ต้องทำมาหากิน) ส่งผลต่อการแพร่กระจายของโรคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

· ความแออัดของเมืองใหญ่ ประเทศไทยพัฒนาความเจริญแบบกระจุกตัว โดยเฉพาะ "กรุงเทพฯ" มีความหนาแน่นของประชากร บางชุมชนอยู่กันอย่างเบียดเสียด ทำให้โรคแพร่กระจายรวดเร็วและควบคุมได้ยาก (นอกเหนือจากความแออัดของชุมชนแล้ว เรายังมีความแออัดของที่พักคนงานในโรงงาน และคนงานก่อสร้างที่ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ) คนที่อยู่ในพื้นที่แออัดเหล่านี้ไม่มีการวางมาตรการทางด้านสุขอนามัยที่ดี และยังมีคนจำนวนมากที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ตั้งวงกินเหล้ากันบ้าง ตั้งวงเล่นการพนันกันบ้าง

· ระบบสาธารณสุขไม่สมบูรณ์ พอเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา ทั้งบุคลากรและทรัพยากรต่างๆ จึงยากจะรับมือได้ทัน เราจึงเห็นคนป่วยทะลักออกมานอนรอการรักษาอยู่ภายนอกอาคารเป็นจำนวนมาก (ภาพของคนรอตรวจหาเชื้อ รอฉีดวัคซีน รอรถมารับไปโรงพยาบาล เป็นภาพที่ทำให้ฝ่ายค้านสามารถนำเอามาเผยแพร่เพื่อด้อยค่าการทำงานของรัฐบาลได้ ประชาชนเริ่มวิตกมากขึ้น) ปรกติเราก็เคยเห็น “คนจรจัด” นอนบนทางเท้าหรือเกาะกลางถนนจนเป็นภาพชินตา รอบนี้คนที่มีหน้าที่จัดการบางคนอาจจะเห็นว่าก็แค่เพิ่มผู้ป่วยนอนพื้นขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่ง จึงไม่เร่งแก้ไข

เป็นไงคะ อ่านแล้วรู้สึกไหมคะ เราต่างก็มีส่วนในการทำให้การแก้ไขเรื่องโควิด-19 ของไทยล้มเหลว หรือถ้าจะเอาชนะได้ก็จะล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น จริงอยู่หลายฝ่ายอาจจะกำลังทำงานหนักที่เราสมควรจะให้กำลังใจกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าในความพยายามทำงานหนักนั้น ก็มีส่วนถูกบ้าง ผิดบ้าง สำหรับคนไทยเราอาจจะไม่ตำหนิกัน ให้กำลังใจกัน แต่สำหรับคนต่างชาติเขาวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมา เราก็ต้องฟัง และสิ่งใดที่แก้ไขได้ เราก็ต้องช่วยกันแก้ เราต้องร่วมมือกันอย่างเป็นเอกภาพ อย่าเอาเรื่องของการจัดการกับโควิดมาเล่นการเมืองเพื่อล้มรัฐบาล ที่สำคัญก็คือประชาชนต้องให้ความร่วมมือ ปฏิบัติตามมาตรการที่ ศบค. แนะนำอย่างเคร่งครัด ไม่ประมาท การ์ดอย่าตก แต่เวลานี้สิ่งที่เราเห็นก็คือ มีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่ปฏิบัติตนตามมาตรการที่ ศบค. กำหนด ยังคงทำทุกอย่างตามใจตนเอง โดยไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นภาระสังคมอย่างไร

 ขอถามว่า มีไหมคนที่ไม่ใส่หน้ากาก เวลาออกนอกบ้าน มีไหมคนที่ไม่ยอมรักษาระยะห่างในการทำกิจกรรมร่วมกัน มีไหมคนที่ยังตั้งวงกินเหล้ากัน มีไหมคนที่ยังคงเล่นการพนัน มีไหมคนที่ยังจัดกิจกรรมที่มีคนมารวมตัวกันจำนวนมาก มีไหมคนที่ยังจัดงานเลี้ยง งานฉลอง งานบุญต่างๆ มีไหมคนที่ตรวจแล้วรอผลแต่ไม่ยอมกักตัว มีไหมคนที่ติดแล้วยังแอบเดินทางไปโน่นไปนี่ มีไหมคนที่ไม่ทำตามมาตรการของ ศบค.

มีไหมคนที่ทำผิดกฎหมายที่รัฐบาลประกาศใช้ในภาวะวิกฤตินี้

ถ้ามี จะประณามไม่ได้ใช่ไหม จะต้องปล่อยให้เขาทำตามใจใช่ไหม ถ้านายกรัฐมนตรีพูดว่าคนพวกนี้ทำตัวเป็นภาระของสังคม จะต้องด่านายกรัฐมนตรีว่าโทษประชาชน ไม่โทษตัวเอง เพราะคนที่ผิดคือนายกรัฐมนตรีที่จัดการเรื่องโควิดได้แย่มาก ดังนั้นนายกรัฐมนตรีไม่ควรจะโทษประชาชน อยากถามว่าคนที่บอกว่าอย่าโทษประชาชนนั้น ท่านมองว่าคนที่มีพฤติกรรมที่ว่ามานั้นไม่ผิด เราจะเอากันแบบนี้ใช่ไหม 

เราจะอยู่กันแบบนี้ใช่ไหม ใครอยากทำอะไรก็ทำ เป็นเรื่องสิทธิและเสรีภาพ นายกรัฐมนตรีและหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ มีหน้าที่จัดการ ก็ต้องจัดการให้ได้ อย่าผลักภาระมาให้ประชาชนด้วยการทำให้ประชาชนต้องจำกัดการกระทำของตนเอง ทั้งการทำมาหากิน และการใช้ชีวิตประจำวัน ต้องหา “วัคซีนคุณภาพ” มาฉีดให้ประชาชนโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปรกติหลังจากที่ได้ฉีดวัคซีนแล้ว เมื่อยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ความมีวินัย สำนึกรับผิดชอบ จิตสาธารณะ ทำตามมาตรการ ศบค. คือวัคซีนที่ดีที่สุด.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"