ชาววิไล???


เพิ่มเพื่อน    

เห็นว่า...แถวๆ ฝรั่งเศส แถวๆ เยอรมัน ไม่ว่ากรุงปารีส กรุงเบอร์ลิน และคงอีกหลายกรุง หลายเมือง หลายประเทศในช่วงนี้ ต่างเกิดอุบัติการณ์ประเภท คนม็อบ และ คาร์ม็อบ อันนำมาซึ่งความชุลมุน วุ่นวาย สับสน ระส่ำระสาย ไปจนถึงเสื่อมโทรมและเสื่อมทราม ไม่ต่างไปจากกันและกันมากมายซักเท่าไหร่...

                ----------------------------------------

                ฝรั่งเศสนั้น...น่าจะเป็นเพราะความไม่พอใจ พึงใจ ไม่ถูกใจที่รัฐบาลท่านคิดจะออก พาสปอร์ต วัคซีน มาใช้เป็นตัวควบคุม บังคับ กดดันใครต่อใครที่ไม่คิดจะฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 จนแทบไม่ต่างอะไรไปจากการแบ่งเขา-แบ่งเรา การล่วงละเมิดเสรีภาพทางร่างกาย ทางความรู้สึก อะไรประมาณนั้น เช่นเดียวกับชาวไส้กรอกเยอรมัน ที่เริ่มหงุดหงิด งุ่นง่าน กับมาตรการ คุมเข้ม ของรัฐบาล ที่ออกมาห้ามโน้น ห้ามนี่ เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด การติดเชื้อโควิด เลยแห่กันออกมา มีทั้งสวมหน้ากาก-ไม่สวมหน้ากาก ไล่ทุบ ไล่ตี ไล่กระทืบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชนิดอ่วมอรทัยกาญจนชูศักดิ์ ไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย...

     -----------------------------------

                ด้วยเหตุนี้...สำหรับบ้านเรา ที่เกิดการออกมา คาร์ม็อบ บีบแตรปี๊นๆๆ และทำให้ รถติด ชนิดวินาศสันตะโรไปเมื่อวันวาน ไปจนถึงไล่เขวี้ยง ไล่ขว้าง ก้อนหิน ก้อนอิฐ ไปจนระเบิดเพลิงใส่ตำรวจแถวๆ ดินแดน ก่อนที่จะโดนสวนด้วยกระสุนยาง ด้วยแก๊สน้ำตา จึงต้องถือเป็นเรื่อง ปกติและ ธรรมดา หรือไม่ได้ต่างอะไรไปจากบ้านอื่น เมืองอื่น เขานั่นแหละ ที่เมื่อความโกรธ ความเกลียด ความเคียดแค้น อาฆาตพยาบาท ริษยาและชิงชัง มันโผล่เข้ามาทางประตู ความอดทน อดกลั้น ความร่วมมือ-ร่วมใจ และความปรารถนาดีซึ่งกันและกัน ย่อมต้องไหลพรูออกไปทางหน้าต่าง อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้...

       --------------------------------

                เพียงแต่บ้านเรานั้น...มันอาจพยายามไปไกลเกินกว่า บิ๊กตู่ หรือเกินไปกว่า รัฐบาล ซึ่งคงต้องระมัดระวังเอาไว้ให้จงหนักเพราะถ้าปล่อยให้ลุกลาม บานปลาย ไปถึงสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ไปถึงค่านิยมทางสังคม วัฒนธรรม ประเพณี ฯลฯ อันซึมลึก ซึมซ่าน อยู่ใน ความเป็นไทย ขึ้นมาซะอย่างแล้ว มันออกจะเป็นอะไรที่ อันตราย ต่อสังคมทั้งสังคม ประเทศทั้งประเทศ ชนิดแทบไม่มีใครมีโอกาสชนะใครๆ ต่อไปได้อีกเลย มีแต่ แพ้ไปด้วยกันทุกฝ่าย หรือมีแต่นำไปสู่ ความล่มสลาย ของสังคมนั้นๆ อันเนื่องมาจากการพังทลายกันในระดับโครงสร้าง ขณะที่สิ่งใหม่ๆ หรือสิ่งที่คิดจะสร้างขึ้นมาใหม่ อาจเลวร้าย เลวทราม ยิ่งไปกว่าเดิมเอาเลยก็ไม่แน่...

 ------------------------------------------------

                อย่างไรก็ตาม...สำหรับความหงุดหงิด งุ่นง่าน ต่อ รัฐบาล แต่ละรัฐบาล ไม่ว่าประเทศไหน สังคมไหนในช่วงนี้ นอกจากต้องถือเป็นเรื่อง ไม่แปลก ยังอาจถือเป็นภาพสะท้อนของระบบและระบอบการเมือง ที่มักก่อให้เกิดการ ผูกติด ตัวเอง เข้ากับความเป็น รัฐบาล จนอาจกลายเป็นพื้นฐานทางวัฒนธรรม ทางอารมณ์-ความรู้สึกของสังคมแต่ละสังคมไปแล้วก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์-ความรู้สึกในทาง บวก หรือ ลบ ต่างก็ไหลไปรวมกันอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า รัฐบาล นั่นเอง จนนำมาซึ่งความเกลียด-ความรัก ความชอบ-ความชัง กันไปในแต่ละห้วง แต่ละระยะ...

  ---------------------------------------

                โดยถ้าเป็นไปในทาง บวก ทางที่รัก ที่เชื่อใจ ไว้วางใจ เชื่อมั่นและศรัทธา ไม่ว่าระดับไหนต่อระดับไหน ระดับพร้อมตามไปแหกทวารดมได้ทุกเมื่อ หรือแค่พร้อมหย่อนบัตรเลือกตั้งภายใน 4 วินาทีในคูหาเลือกตั้งแต่ละครั้ง ก็ต้องถือว่า...สบายไป โอกาสที่จะเกิดกระทบกระทั่งภายในสังคมแต่ละสังคม น่าจะลดๆ ระดับลงมามั่ง แต่ถ้าหากเป็นไปในทาง ลบ ในทางโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาตพยาบาท ริษยาและชิงชัง ยิ่งๆ ขึ้นไป อะไรต่อมิอะไรมันก็คงหนีไม่พ้นต้องออกไปทาง คนม็อบ หรือ คาร์ม็อบ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและมิอาจปฏิเสธนั่นเอง...

      ----------------------------------

                การ ผูกติด ตัวเอง...เอาไว้กับความเป็น รัฐบาล ในลักษณะเช่นนี้ มันจึงก่อให้เกิดการ ปรุงแต่ง ทางอารมณ์-ความรู้สึกไปตาม รสนิยม ของใคร-ของมัน ไม่ว่าบวกหรือลบ ขาวหรือดำ ดีหรือเลว ฯลฯได้เสมอๆ ขึ้นอยู่กับว่าอารมณ์-ความรู้สึกนั้นๆ จะถูก ปรุงแต่ง ขึ้นมาจาก ผัสสะ หรือจากความรับรู้ใดๆ และคงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้อีกด้วยเช่นกันว่ายิ่งนานวัน...บรรดา ผัสสะ ของผู้คนโดยส่วนใหญ่ มันมักออกไปทางเละตุ้มเป๊ะ เละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อันเนื่องมาจากสภาวะแวดล้อมทางสังคมที่เปลี่ยนไป รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ไปจนความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ฯลฯ ที่ทำให้การ ปรุงแต่ง ทางอารมณ์-ความรู้สึกของผู้คน มันออกจะหนักไปทางหงุดหงิด งุ่นง่าน ได้ง่ายมาก หรือไม่เอื้ออำนวยต่อการดำรง คงอยู่ ของ รัฐบาล มากมายซักเท่าไหร่ ไม่ว่ารัฐบาลนั้นๆ จะน่ารัก น่าเกลียด น่าชัง หรือน่าทุเรศ หรือไม่ เพียงใด ก็ตามที...

  -----------------------------------------

                อันนี้นี่แหละ...ที่เลยก่อให้เกิด ปัญหา ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายประชาชนพลเมือง จนยากที่จะนำไปสู่ ความสงบเรียบร้อย ของสังคมแต่ละสังคม หรือประเทศทั้งประเทศ ยิ่งโดยเฉพาะประเทศที่เต็มไปด้วย เสรีภาพ เต็มไปด้วย ประชาธิปไตย ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะด้วยความหงุดหงิด งุ่นง่าน ของผู้คนพลเมือง ที่นับวันมีแต่เพิ่มขึ้นกับเพิ่มขึ้น ขณะความอดทน อดกลั้น มีแต่น้อยกับน้อยลงไปเรื่อยๆ แม้แต่ความมีเหตุ-มีผล มีคุณธรรมและศีลธรรม ที่ย่อมลดน้อยถอยลงยิ่งเข้าไปทุกที ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง ที่ทำให้การผูกติดตัวเองเอาไว้กับความเป็นรัฐบาล ส่งผลให้เกิดความสับสน วุ่นวาย ความระส่ำระสาย ไปจนความไม่สงบ อุบัติตามมากันเป็นประเทศๆ....

          -----------------------------

                การหาทางเลิก ผูกติด ตัวเองกับ รัฐบาล ในแต่ละรัฐบาล หันมาสร้างความเป็นอิสระ  เสรี ทางอารมณ์-ความรู้สึก ด้วยการยืนหยัด พึ่งตนเอง หรือหันมา อัตตาหิ อัตตโนนาโถ ให้มากๆ เข้าไว้ จึงไม่เพียงแต่ถือเป็นทางออก ทางไป และทางรอด แต่เฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิด หรือช่วงขณะนี้เท่านั้น เพราะถ้าหากลงมือ ลงไม้ ร่วมมือ-ร่วมใจกันจริงๆ ไม่แน่นักว่า...อาจนำมาซึ่ง ระบบใหม่ หรือ ระบอบใหม่ เอาเลยก็ไม่แน่!!!

                                                                          -------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Lao-tse (อีกครั้ง)... He who conquers other is strong; he who conquers himself is mighty. - ผู้พิชิตคนอื่นคือผู้เก่งกล้า...ผู้พิชิตตัวเองคือผู้เกรียงไกร...”

                                                                                ------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"