บริษัทวัคซีนโกยกำไร 


เพิ่มเพื่อน    

ความวุ่นวายเรื่องวัคซีนไม่มีวันจบ       

                พอๆ กับไวรัสโควิด-๑๙ ก็ไม่มีวันจบเช่นกัน

                ต้องเรียนรู้กันไป

                "หมอยง ภู่วรวรรณ" บอกว่า

            "โควิด-๑๙ ไม่หมดไปแน่นอน

            โรคนี้จะบรรเทาลงเมื่อทุกคนได้รับวัคซีน

            และยอมรับว่าจะติดเชื้อได้ แต่ความรุนแรงของโรคจะต้องลดลง และลดการเสียชีวิตให้ได้ และต่อไปการพัฒนายารักษาก็จะมาช่วยอีกแรงหนึ่ง เราจะต้องอยู่กับโรคนี้ให้ได้

            เดิมทีเราคิดว่ามาถึงครึ่งทางแล้ว แต่ความเป็นจริงระยะทางอีกยาวไกล โดยที่ทุกคนจะต้องมีภูมิต้านทานอยู่ระดับหนึ่ง ในการป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงของโรค และโรคนี้จะติดเชื้อโดยธรรมชาติ

            เมื่อติดไปก็จะกระตุ้นภูมิต้านทาน ซ้ำแล้วซ้ำอีก เหมือนโรคหวัดที่เราเป็นในวัยเด็ก โตขึ้นมาก็จะมีภูมิต้านทาน และภูมิต้านทานนั้นก็จะทำให้เป็นซ้ำไม่รุนแรง ไม่ลงปอด โอกาสเสียชีวิตก็จะน้อยลง"

                ครับ..เราต้องอยู่กับโควิด-๑๙ ให้ได้

                ขณะเดียวกันต้องอยู่บนโลกที่มีแต่เฟกนิวส์โควิดและวัคซีนให้ได้ด้วย

                อยู่ด้วยการเสพข่าวจริงให้มากกว่าข่าวปลอม

                ตั้งแต่มี Pfizer ๑.๕ ล้านโดส ล็อตบริจาคจากอเมริกาเข้ามา มีเฟกนิวส์เกี่ยวกับวัคซีนล็อตนี้ ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันข่าวแล้ว

                ทั้งจากสื่อหลักที่ไปเอาข่าวจากสื่อใต้ดินมานำเสนอ 

                และจากสื่อร้อยพ่อพันแม่ในโลกออนไลน์ พากันกุข่าวไปตามจินตนาการของตัวเอง

                มันก็น่าละเหี่ยใจสำหรับคนทำงาน

                การจัดสรรวัคซีน วัคซีนหาย น่าจะจบลงได้แล้ว                                   

                กระทรวงสาธารณสุขสรุปกันหยดสุดท้ายแล้ว จัดสรรกระจายให้กับ ๔ กลุ่ม

                ๑.บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า และผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยโควิด-๑๙ ที่มีความเสี่ยงทั่วประเทศ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ช่วยงาน หรือพนักงานเก็บศพ จำนวน ๗๐๐,๐๐๐ โดส

                ๒.จังหวัดที่มีการระบาด มีการควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน ๑๓ จังหวัด ๖๔๕,๐๐๐ โดส

                ๓.ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทยและชาวไทยผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา รวม ๑๕๐,๐๐๐ โดส

                ๔.ทำการศึกษาวิจัย จำนวน ๕,๐๐๐ โดส

                ส่วนหลักเกณฑ์การให้วัคซีน

                ๑.บุคลากรที่ได้รับวัคซีน Sinovac หรือ Sinopharm ครบ ๒ เข็ม พิจารณาให้วัคซีน Pfizer กระตุ้น ๑ เข็ม

                ๒.บุคลากรที่ได้รับวัคซีนใดๆ มาแล้วเพียง ๑ เข็ม พิจารณาให้วัคซีน Pfizer เป็นเข็มที่ ๒ โดยกำหนดระยะห่างระหว่างโดสตามชนิดของวัคซีนเข็มที่ ๑ เป็นหลักตามที่เข็มแรกกำหนด เช่น เข็มแรกกำหนดว่า ให้ฉีดเข็ม ๒ ใน ๓ สัปดาห์ก็เป็นไปตามนั้น

                ๓.บุคลากรที่ไม่เคยได้รับวัคซีนใดๆ มาก่อน พิจารณาให้วัคซีน Pfizer ๒ เข็ม ห่างกัน ๓ สัปดาห์

                ๔.บุคลากรที่เคยติดเชื้อโควิดมาก่อน และไม่เคยได้รับวัคซีน พิจารณาให้รับวัคซีน Pfizer ๑ เข็ม โดยมีระยะห่างอย่างน้อย ๑ เดือน

                ก็เตรียมตัวไว้สำหรับคนทำงาน จากนี้จะมีข่าว VIP ได้ฉีด Pfizer ๒ เข็ม

                ส่วน "วัคซีนหาย" ก็จะถูกปั่นไปเรื่อยๆ

                มันก็ยากที่จะตามแก้ข่าว

                มีทางเดียวคือ กระบวนการจัดสรรต้องตรงไปตรงมา และเปิดเผย  

                แต่ประเด็นคนแพ้ Pfizer จะไม่ถูกพูดถึงมากนัก เพราะกลุ่มบูชาวัคซีนเทพ จะหลีกเลี่ยงที่จะแสดงความคิดเห็น

                ไม่เชื่อก็คอยดู

                เอาล่ะวันนี้ประเทศไทยมีวัคซีน  Pfizer ฉีดแล้ว และจะตามมาอีกในเดือนตุลาคม ๒๐ ล้านโดส ไปจนถึงสิ้นปี

                มีเรื่้องราวเกี่ยวกับ Pfizer ที่คนไทยต้องรับรู้ เพื่อจะได้ไม่หลงไปกับเฟกนิวส์

                สื่อต่างประเทศตีข่าวกันโครมๆ ว่า  สัญญาจัดซื้อวัคซีนล่าสุดของสหภาพยุโรป (อียู) พบว่า บริษัท Pfizer-BioNTech ยักษ์ใหญ่ด้านเภสัชกรรมของสหรัฐอเมริกา ได้ปรับเพิ่มราคาวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ ขึ้นอีก ๑ ใน ๔ ของราคาเดิม

                เช่นเดียวกับบริษัท Moderna ของสหรัฐอเมริกา ที่ปรับราคาวัคซีนขึ้นอีกราว ๑ ใน ๑๐ ของราคาเดิม

                ขณะที่ AstraZeneca ยังคงขายในราคาทุน

                คาดการณ์ว่า ทั้ง Pfizer และ Moderna จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้

                โดยเฉพาะเมื่อหลายประเทศพากันกระวนกระวายกับการแพร่ระบาดของเชื้อกลายพันธุ์เดลตาที่สามารถแพร่ได้เร็วมาก

                ต้องรอดูกันต่อไปครับว่า สถานการณ์ที่ว่านี้จะทำให้การส่งมอบ Pfizer ให้ไทยในเดือนตุลาคมนี้่ถูกเลื่อนออกไปหรือไม่

                มาดูราคาวัคซีนช่วงการระบาดของเชื้อเดลตากันหน่อย

                ราคาใหม่สำหรับวัคซีนของ Pfizer เพิ่มขึ้นเป็น ๗๔๐ บาทต่อเข็ม

                จากเดิมที่อยู่ที่ ๕๖๙ บาท 

                วัคซีนของ Moderna ปรับขึ้นเป็น ๗๙๔ บาทต่อเข็ม

                จากเดิม ๗๐๓ บาทต่อเข็ม

                ราคานี้ถ้ามาไทย ต้องบวกค่าขนส่ง ค่าเก็บรักษาเพิ่มอีก

                การคำนวณของบริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดชีววิทยาศาสตร์ แอร์ฟินิตี ระบุว่า ในปี ๒๐๒๒ ช่องว่างทางรายได้ของบริษัทผู้ผลิตวัคซีนจะถ่างกว้างขึ้นอีก

                โดยรายได้จากวัคซีน Pfizer จะสูงถึง ๕๖,๐๐๐ ล้านดอลลาร์

                Moderna ประมาณ ๓๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์

                ส่วน AstraZeneca จะมีรายได้จากการขายวัคซีนในปีหน้าเพียง ๑๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์

                แต่...ราคาวัคซีน Pfizer และ Moderna ในภูมิภาคอาเซียน อาจเป็น ๐ บาท หรือต่ำกว่าราคาตลาดหลายเท่าตัวได้

                เพราะอะไร?

                "กมลา แฮร์ริส" รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ถูกส่งมาเยือนสิงคโปร์และเวียดนามในอีกไม่กี่วันนี้

                มาในยามที่อาเซียนกำลังจมน้ำ และมือไขว้คว้าหาขอนไม้เกาะ

                แม้ภารกิจหลักคือ หาแนวร่วมต่อต้านจีน

                นักวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศพากันฟันธงว่า งานนี้มีวัคซีนโควิด-๑๙ เป็นน้ำจิ้มด้วย

                ถ้าเวียดนาม สิงคโปร์ ได้ Pfizer ในราคาถูกกว่าไทย ก็ขอให้รับรู้ว่า มันมีที่มาที่ไป ไม่ใช่เอะอะด่ารัฐบาลไทยโง่ซื้อแต่ของแพง

                นาทีนี้ หากอเมริกามาชวนไทยต่อต้านจีนแล้วสัญญาว่าจะแจก Pfizer ให้ ไม่ต้องคิดนานครับ ควักเงินซื้อเองคุ้มกว่า

                และหากมาพร้อมออปชันซื้ออาวุธ เหมือนที่้วิจารณ์กันวันสองวันก่อน ก็ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ 

                เพราะประชาชนสามนิ้วอยากได้ Pfizer ก็ต้องถามก่อนครับว่า แลกกับให้กองทัพซื้ออาวุธชาวสามนิ้วจะยอมหรือเปล่า

                ครับ...เรื่องวัคซีน มันไม่ใช่กลไกการตลาดเพียงอย่างเดียว แต่การเมืองระหว่างประเทศก็มีส่วนอย่างมากในการได้มา

                ก็ต้องหาจุดสมดุลครับ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"