ไทยขอบคุณสหรัฐ-อังกฤษ สยบข่าวฉีดไฟเซอร์วีไอพี


เพิ่มเพื่อน    

นายกฯ ขอบคุณรัฐบาลสหรัฐ-อังกฤษ รับมอบไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส แอสตร้าฯ 4.1 แสนโดส ย้ำบริหารให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนไทย สธ.แจงยิบแผนกระจายวัคซีน สยบข่าวฉีดวีไอพี ยันไฟเซอร์ยังเก็บอยู่ในคลัง เริ่มจัดส่งให้ รพ. 3 ส.ค.นี้ ตร.เจอทุจริตขายคิวฉีดวัคซีนบางซื่อ
    ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม เวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีรับมอบวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยมีนายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนรัฐบาลสหรัฐอเมริกา 
    โดยนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นพิธีว่า นายกฯ กล่าวขอบคุณรัฐบาลสหรัฐ สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมิตรแท้และความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของทั้ง 2 ประเทศที่มีมายาวนานกว่า 188 ปี รวมถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทย-สหรัฐ ที่ต้องการจะแก้ไขสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ร่วมกัน พร้อมขอขอบคุณ นางแทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐอเมริกา ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ได้ผลักดันและสนับสนุนให้ไทยได้รับวัคซีนเพิ่มเติมอีกจำนวน 1 ล้านโดส ทั้งนี้ยืนยันว่ารัฐบาลจะนำวัคซีนทั้งหมดไปบริหารจัดการอย่างเหมาะสมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนคนไทยต่อไป
    นายไมเคิลกล่าวว่า การส่งมอบวัคซีนวันนี้นับเป็นการยกระดับความร่วมมือระหว่างสหรัฐและไทยให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น และขอบคุณรัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้ดูแลประชาชนชาวสหรัฐในไทยเป็นอย่างดีในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมหวังว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของไทยจะคลี่คลาย
    สำหรับวัคซีนดังกล่าวของบริษัทไฟเซอร์ ไบโอเอ็นเทค (Pfizer-BioNTech) จำนวน 1,503,450 โดส ได้จัดส่งถึงไทยแล้วเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2564
    ต่อมาเวลา 09.30 น. นายกฯ เป็นประธานในพิธีรับมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากรัฐบาลสหราชอาณาจักร โดยมีนายเอวาน โจนส์ อุปทูตรักษาราชการแทนเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนรัฐบาลสหราชอาณาจักร
    จากนั้นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯ ได้กล่าวถวายพระพรแด่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในนามของรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทย ขอให้ทรงพระเกษมสำราญ พระพลานามัยแข็งแรง และฝากความระลึกไปยังนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณในมิตรไมตรีและความห่วงใยของรัฐบาลสหราชอาณาจักร ผ่านการสนับสนุนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 415,040 โดส เชื่อมั่นว่าการสนับสนุนวัคซีนครั้งนี้ช่วยให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคง 
    นายบอริสได้ถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ และกล่าวว่า ยินดีที่ได้มีส่วนช่วยเหลือประเทศไทยในสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งในวันที่ 3 ส.ค. วัคซีนดังกล่าวจะเดินทางถึงประเทศไทย 
    พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า ยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทย 1 ส.ค. จำนวน 180,552 โดส ทำให้มียอดฉีดวัคซีนสะสม จำนวน 17,866,526 โดส ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานมาด้วยว่า ตั้งแต่ พ.ค.เป็นต้นมา ได้มีการฉีดวัคซีนให้ชาวต่างชาติแล้วกว่า 2 แสนโดส 
    ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงว่า ขณะนี้ผู้สูงอายุฉีดเข็มแรกแล้ว 2,897,520 คน หรือ 23% แต่ยังเป็นสัดส่วนน้อย ภายในเดือน ส.ค.จะมีวัคซีน 10 ล้านโดสขึ้นไป ทั้งแอสตร้าเซนเนก้า, ซิโนแวค และไฟเซอร์ โดย กทม.ได้รับวัคซีนจำนวนมากในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง ส.ค.จะได้รับการจัดสรรวัคซีน 1 ล้านโดส ส่วนที่เหลือจะกระจายไปต่างจังหวัดให้มากขึ้น โดยจะกระจายสัปดาห์ละ 1-2 ล้านโดส ฉีดในสูตรสลับไขว้ซิโนแวคและแอสตร้าฯ
    นพ.โสภณกล่าว​ว่า​ ขณะนี้ได้สำรวจจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในแต่ละจังหวัด และจะทยอยจัดส่งในวันที่ 3 ส.ค. ทั้งโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป ขอให้ผู้ที่ประสงค์รับวัคซีนได้ไปรับตามโรงพยาบาลที่กำหนด พร้อมย้ำวัคซีนไฟเซอร์ 1 ขวด ฉีดได้ 6 คน ฉะนั้นต้องนัดหมายให้ดี พร้อมกำชับให้เปิดเผยจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับวัคซีนต่อสาธารณชนเพื่อความโปร่งใส 
    นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยว่า เมื่อ 2-3 วันที่แล้ว มีกระแสสังคมค่อนข้างมากเรื่องการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์สำหรับที่จะฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไป เมื่อเช้าวันที่ 2 ส.ค.นี้ ทาง สธ.ได้มีการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข และมีมติเห็นชอบในการนำเสนอความก้าวหน้าการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ โดยจะมีจัดสรรกระจายให้กับ 4 กลุ่ม คือ 1.บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า และผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีความเสี่ยงทั่วประเทศ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ช่วยงาน หรือพนักงานเก็บศพ จำนวน 700,000 โดส 2.จังหวัดที่มีการระบาด มีการควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 13 จังหวัด 645,000 โดส 3.ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทยและชาวไทยผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา รวม 150,000 โดส และ 4.ทำการศึกษาวิจัย จำนวน 5,000 โดส 
    ทั้งนี้ ในกลุ่มอื่นๆ กรณีที่คิดว่าจะมีประเด็นปัญหาตกหล่น ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ หรือหน่วยบริการทุกหน่วย สามารถเสนอผ่านมาทางนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ให้ส่งข้อมูลมาที่กรมควบคุมโรคได้ สำหรับพื้นที่ 13 จังหวัดที่มีการควบคุมสูงสุดและเข้มงวดให้ติดต่อทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ส่วนกรุงเทพฯ ให้ประสานกับสำนักอนามัย ขณะที่ส่วนต่างวัคซีนที่เหลือหลังจากจัดสรรให้ตามกลุ่มเป้าหมาย คณะทำงานด้านบริหารจัดการวัคซีนจะมีการปรึกษากันอีกครั้งในการจัดสรรต่อไป โดยต้องดูถึงความจำเป็นเพื่อลดภาระการติดเชื้อให้ได้มากที่สุด
    นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีกลุ่มวีไอพีออกมาโพสต์ทางสื่อโซเชียลว่าได้รับวัคซีนไฟเซอร์แล้ว โดยเฉพาะวัคซีนที่ได้จากสหรัฐนั้นว่า วัคซีนไฟเซอร์เพิ่งได้รับมาจากสหรัฐ ลงเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิตอนตีสี่ของวันที่ 30 ก.ค. จากนั้นมีการนำเข้าไปเก็บที่คลังบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา (ประเทศไทย) จำกัด ในอุณหภูมิ -70 องศา ขณะนี้วัคซีนทั้งหมดยังคงเก็บอยู่ที่คลัง ยังไม่ได้มีการกระจายออกไป เนื่องจากจะมีระบบการควบคุมอุณหภูมิ ดังนั้นกระแสข่าวที่มีกลุ่มบุคคลได้รับวัคซีนไฟเซอร์จากที่ไหนอย่างไร ยืนยันว่าไม่ใช่วัคซีนของ สธ.ที่มีการจัดสรรในรอบนี้ 
    วันเดียวกัน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนางศิริลักษณ์ อุบลเหนือ รองผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจรถไฟนพวงศ์ ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเข้าไปแก้ไขข้อมูลการลงทะเบียนรับวัคซีนโดยมิชอบ เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ว่า ตามที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมี พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้าคณะนั้น  วันนี้ พล.ต.ต.ไพบูลย์ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อรวบรวมรายละเอียดข้อเท็จจริง เอกสาร คำให้การของผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนพยานหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ 
    โดยจากข้อมูลของกรมการแพทย์และบริษัทที่เกี่ยวข้อง พบความผิดปกติของข้อมูลการลงทะเบียนฉีดวัคซีนในหลายส่วน เช่น มีการลงข้อมูลในช่วงนอกวัน-เวลาทำการของเจ้าหน้าที่ (หลังเวลา 20.00 น.) ซึ่งการลงข้อมูลจะต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งโปรแกรมเฉพาะของกรมการแพทย์ ซึ่งตั้งอยู่ ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อเท่านั้น และพบว่ามีการลงข้อมูลจำนวนมากในวันและเวลาเดียวกันทั้งหมด อีกทั้งพบว่ามีการแก้ไขข้อมูลบัญชีผู้ใช้ในการลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นต้น โดยคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจะได้นำข้อเท็จจริงที่ปรากฏไปตรวจสอบ และเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาทำการสอบสวน เพื่อหาตัวกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยหากบุคคลใดได้รับการติดต่อให้มาพบพนักงานสอบสวน ขอให้มาพบตามที่นัดหมาย พร้อมทั้งนำพยานหลักฐานหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวมามอบให้พนักงานสอบสวนด้วย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"