'หนี้นอกระบบ'กู้ง่ายแต่จ่ายเท่าไหร่ก็ไม่จบ!


เพิ่มเพื่อน    

 

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ไม่แน่ชัดว่จะสิ้นสุดเมื่อไหร่ และยังคงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เริ่มที่จะส่งผลกระทบต่อรายได้และการจ้างงานของประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของประชาชนที่มีรายได้น้อย รวมถึงผู้ที่ถูกบริษัทยกเลิกสัญญาจ้างไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ ทำให้ขาดสภาพคล่องกระทันหัน จนอาจจะต้องไปพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ

ทั้งนี้ ตัวเลขหนี้ครัวเรือนของไทยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2564 เท่ากับ 14.1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อจีดีพีที่ 90.5% โดยก่อนการระบาดของโควิด สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีของไทยอยู่ที่ 79.8% และเมื่อมาดูข้อมูลเชิงลึกจะพบว่าโครงสร้างของหนี้ครัวเรือนไทยเป็นหนี้เพื่อการบริโภค ทั้งสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิต ซึ่งเป็นหนี้ระยะสั้นและดอกเบี้ยแพงมีสัดส่วนสูงถึง 1 ใน 3 ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด อีกอย่างคือภาระการชำระหนี้ต่อรายได้ต่อเดือนของครัวเรือนไทยสูงมาก โดยจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดพบว่า ณ สิ้นปี 2563 ประมาณ 1 ใน 4 ของครัวเรือนไทยมีความเสี่ยงสูงที่จะไม่สามารถชำระหนี้ได้!

นอกจากนี้ ข้อมูลของสำนักงานสถิติการคลัง ระบุว่าผู้ถือบัตรสวัสดิการของรัฐที่มีหนี้นอกระบบ ณ เดือนมิถุนายน 2564 จำนวนมากถึง 1,300,000 คน หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 10%ของจำนวนผู้ที่พึ่งพิงสวัสดิการจากรัฐทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจในเดือนมิถุนายน ของ “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ที่พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินกู้นอกระบบมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 3.76%ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.47% นับเป็นข้อมูลที่สะท้อนสถานะทางการเงินของประชาชนเป็นอย่างมาก

การแพร่ระบาดที่ยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มข้น อย่าง “ล็อกดาวน์” เข้ามาควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งมาตรการดังกล่าวกลายเป็นอีกปัจจัยที่เข้ามาซ้ำเติมผู้ที่ตกงาน แรงงานที่รายได้ลดน้อยลง แม้ที่ผ่านมาจะพยายามเข้าถึงสินเชื่อในระบบ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ทำให้ท้ายที่สุดทางออกหนึ่งที่กลายเป็นตัวเลือกแบบเสียไม่ได้ นั่นคือ “เงินกู้นอกระบบ” ด้วยสภาพแวดล้อมที่กดดัน เพราะแทบทุกธุรกิจ รวมไปถึงแรงงานในภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบในขณะนี้เหมือนจะไม่มีสภาพคล่องหลงเหลือเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจแล้ว จึงต้องการนำเงินจากช่องทางต่าง ๆ เข้ามาเสริม เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตส่วนตัว หรือแม้กระทั่งเดินหน้าธุรกิจของตัวเองได้ต่อไป

เพราะเงินกู้นอกระบบเข้าถึงได้ง่าย ทำให้เงินกู้นอกระบบมีความน่ากลัวแอบแฝงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของดอกเบี้ยที่สูงมาก โดยบางกรณีเมื่อคำนวนออกมาแล้ว ผู้ที่กู้เงินนอกระบบจะต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 60%ถึง 2,000%ต่อปี นับว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก!เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในระบบที่กำหนดไว้ให้ดอกเบี้ยไม่เกิน 36%ต่อปี ทั้งยังไม่มีสัญญากู้ยืม หรืออาจจะมีสัญญากู้ยืมแต่ไม่ได้กรอกข้อมูลการชำระหนี้ที่ชัดเจน ซึ่งถือว่าเป็นการเอาเปรียบผู้กู้

นอกจากเรื่องดอกเบี้ยที่สูงเกินความเป็นจริงแล้ว อีกความน่ากลัวของการกู้หนี้นอกระบบก็ คือ วิธีการทวงถามหนี้แบบผิดกฎหมาย ซึ่งถ้าผู้กู้หนี้นอกระบบไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด จะถูกทวงถามหนี้ด้วยการบังคับข่มขู่ การประจาน และอาจถึงขั้นทำร้ายร่ายกาย หรือทำลายทรัพย์สินของผู้กู้ รวมไปถึงคนรอบข้างได้ ดังนั้น จึงยังไม่ควรรีบตอบรับข้อเสนอเงินกู้ประเภท กู้ง่าย ได้ไว ไม่ตรวจเครดิตบูโร โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเสนอผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์เงินกู้ออนไลน์ รวมไปถึงแอปพลิเคชันเงินด่วนที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอยู่ในขณะนี้

สำหรับคนที่หลงกลข้อเสนอที่ดึงดูดใจ และก้าวเข้าไปอยู่ในวงจรของหนี้นอกระบบแล้ว ขอแนะนำว่าอย่าแก้ปัญหาด้วยการกู้วนจากแหล่งเงินกู้นอกระบบเพื่อมาชำระหนี้ เนื่องจากจะไม่สามารถทำให้หลุดผลจากวงจรหนี้ได้ ทางออกของปัญหานี้คือ จะต้องเร่งปิดหนี้ให้เร็ว แต่ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ สามารถขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐที่รับปรึกษาปัญหาหนี้นอกระบบ เช่น ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.), ศูนย์ดำรงธรรม ของกระทรวงมหาดไทย รวมถึงศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมของกระทรวงยุติธรรม

ส่วนในกรณีประชาชนที่เดือดร้อนต้องการสภาพคล่องยังพอมีรายได้สามารถใช้บริการเงินกู้พิโกไฟแนนต์ พิโกพลัส หรือนาโนไฟแนนต์ได้ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ให้บริการเงินกู้ในระบบที่เปิดดำเนินการอยู่ผ่านทาง เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)และเว็ปไซต์กระทรวงการคลัง เพื่อป้องกันมิจฉาชีพ นอกจากนี้ยังมีแหล่งเงินกู้พิเศษของภาครัฐ เช่น สินเชื่อโครงการธนาคารประชาชนเพื่อแก้ไขหนี้นอกระบบ ของธนาคารออมสิน ก็นับเป็นอีกแหล่งเงินกู้ที่น่าสนใจเช่นกัน

อย่างไรก็ดี ทางออกที่ดีที่สุดของปัญหาดังกล่าว คือ การฝึกมีวินัยทางการเงินอย่างเคร่งครัด โดยควบคุมการใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น และหารายได้เสริมจากงานที่ถนัดหรืองานอดิเรก เพื่อมาจ่ายชำระหนี้เพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยประคองสถานการณ์หนี้ให้ดีขึ้นได้ รวมถึงไม่กู้ยืมหนี้เพิ่มเติมอีกด้วย


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"