สู้หันมา 'ทำใจ' น่าจะเหมาะกว่า


เพิ่มเพื่อน    

ช่วงหลังๆ นี้...ดันไปเพ่ง ไปทุ่มเทสมาธิ อยู่ที่ มหกรรมโตเกียว โอลิมปิก ซะเป็นหลักใหญ่ เลยแทบไม่ได้ตามข่าว แทบไม่ได้สนใจ กับเรื่องอะไรต่อมิอะไรในบ้านเรา ไม่ว่าเรื่องคนไทยไปเก็บเห็ดฝั่งลาว เรื่องใครจะทำอะไรกับใครในวันที่ 7 สิงหาฯ หรือแม้แต่เรื่องตัวเลขคนติดเชื้อที่พุ่งทะลุ 2 หมื่น ฯลฯ เพราะสุดท้าย...มันคงเป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นพรรค์นั้นแหละ...

                                                            ---------------------------------------------------

            คือการหันไปให้ความสนใจกับการวิ่ง การกระโดด การขว้าง การเขวี้ยง การว่ายน้ำ โดดน้ำ ฯลฯ อะไรประมาณนี้ ที่แน่ๆ ก็คือ...มันพอช่วยให้สบายใจ ช่วยให้ผ่อนคลายจิตใจ ขึ้นมาได้มั่ง หรือถ้าจะเรียกว่าถือเป็นการ ทำใจ ก็คงไม่ผิดนัก เผลอๆ ดีกว่าการคว้ายา ทัมใจ กรอกใส่ปากเป็นซองๆ เอาเลยก็ไม่แน่!!! ต่างไปจากการหมกมุ่น มัวเมา มูมๆ มามๆ อยู่กับเรื่องประเภทที่มักก่อให้เกิดความโกรธ ความเกลียด ความเคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ริษยาและชิงชัง ที่สุดท้าย...นอกจากจะช่วยอะไรใครต่อใครแทบไม่ได้ ยังออกจะเป็นการทำร้าย ทำลาย ตัวของตัวเอง ไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อมก็แล้วแต่...

                                                               ------------------------------------------------

            ด้วยเหตุเพราะสิ่งที่กำลังถือเป็น ปัญหา อยู่ในทุกวันนี้...คงต้องยอมรับว่า ออกจะเป็นอะไรที่แก้ยาก แก้เย็น หาทางออก ทางไป หรือกระทั่งทางรอด ค่อนข้างจะยากซ์ซ์ซ์เต็มที ไม่ใช่แต่เฉพาะ บ้านเรา เท่านั้น แต่ไม่ว่าบ้านไหนๆ ก็เถอะ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน  ฯลฯ ประเภทประเทศรวยๆ แถมเต็มไปด้วยเสรีภาพและประชาธิปไตยไปด้วยกันทั้งนั้น ยังออกอาการ ไปไม่เป็น ไปด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น...บรรดาประเทศจน ประเทศกำลังพัฒนา ไม่ว่าจะประชาธิปไตยกันในแบบไหน ในลักษณะไหน จะไปเหลืออะไร??? แม้แต่ประเทศเผด็จการแบบคอมมิวนิสต์ทั้งแท่ง ทั้งด้าม อย่างคุณพี่จีนก็ตาม หลังๆ มานี้เห็นว่าเมื่อต้องเจอกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ อย่างสายพันธุ์ เดลตา ก็ชักจะเริ่มพัลวง พัลวัน ขึ้นมามั่งแล้ว...

                                                                     ----------------------------------------------

            การเจอกับปัญหาที่แก้ยาก แก้เย็น เผลอๆ...อาจเป็นอะไรที่แก้แทบไม่ได้เอาซะด้วย มีแต่ต้องยอมรับข้อเท็จจริง ความเป็นจริง ในการหาทาง อยู่ร่วมกัน กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสตัวนี้ ไปอีกตราบนานเท่านาน มันเลยหนีไม่พ้นต้องหาทาง ทำใจ หรือหนีไม่พ้นต้องหันมาปรับสภาพตัวเอง ไม่เพียงแต่ปรับวิถีการใช้ชีวิต เพิ่มความระมัดระวัง ในทางส่วนตัว หรือส่วนรวม ก็แล้วแต่ ยังต้องหันมาเพิ่มความอดทนและอดกลั้น หรือหันมาประคับประคอง ขันติธรรม ภายในตัวตนของตน ไม่ให้มันกลายเป็น ขันแตก ไปซะก่อน มันถึงจะเป็นกรรมวิธีที่น่าจะเข้าท่า หรือน่าจะสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง กว่ากรรมวิธีอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดการทำร้าย ทำลายตัวเองและผู้อื่น เกิดอาการหูแหก-ตาแหก  พล่านไป-พล่านมา โดยที่ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาได้เลย...

                                                                        ------------------------------------------------

            ดังนั้น...การหันไป ลุ้น บรรดานักกีฬาโอลิมปิกในช่วงนี้ ใช่ว่าจะเป็นแค่การหาความสนุกสนาน บันเทิง รื่นเริง โดยปกติธรรมดาก็หาไม่  แต่อาจถือเป็นการควบคุมและสะกดกลั้นอารมณ์-ความรู้สึกของตัวเอง  ไม่ให้ต้องถูก ปรุงแต่ง โดยสิ่งร้ายๆ สิ่งที่อาจนำมาซึ่งความฉุนฉิว กริ้วโกรธ ความหดหู่ เวทนา ความแห้งๆ เหี่ยวๆ ฯลฯ ไปจนถึงความเกลียด เคียดแค้น อาฆาตพยาบาท ริษยาและชิงชัง อันเป็นอะไรที่ไม่น่าจะ เข้าท่า ไปด้วยกันทั้งสิ้น มีแต่ทำให้ตัวเองอาจต้องตกเป็น เหยื่อ ของข่าวปลอม ข่าวปล่อย ข่าวที่ไม่ประเทืองปัญญา ฯลฯ ที่แพร่ระบาดไปตามช่องทางต่างๆ ไม่ต่างอะไรไปจากการแพร่ระบาดของเชื้อโรค หรือเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เก่า สายพันธุ์ใหม่ นั่นเอง...

                                                                            ---------------------------------------------

            การหมกมุ่น มัวเมา การเพ่งสมาธิ อยู่กับเรื่องทำนองนี้ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้มีอำนาจ-หน้าที่ มีความเกี่ยวข้อง เกี่ยวพัน กับความรับผิดชอบใดๆ แต่อย่างใด ไปๆ-มาๆ...กลับยิ่งทำให้น่าปวดหัวและปวดหำ หนักยิ่งขึ้นไปใหญ่ คือมันเต็มไปด้วยกูรู กูรู้ ผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ ที่พยายามเสนอข่าวสาร ข้อมูล จนเล่นเอาแทบไม่รู้จะฟังใคร แทบไม่รู้จะเชื่อใครกันดี เพราะต่างรู้ลึก รู้จริงไปด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่อาจไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร หรือกำลังพูดอะไร ทำอะไร เหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร ฯลฯ อันยิ่งก่อให้เกิดอาการพล่าน อาการหูแหก-ตาแหก ไปจนถึงอาการ เพ้อ ฝันเห็น  วัคซีนเทพ จนต้องเจอกับ วัคซีนทิพย์ ไปซะแทนที่ ถูกหลอก ถูกต้ม  ถูกตุ๋น ถูกทำให้โกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ริษยาและชิงชัง โดยที่ตัวเองแทบไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...

                                                                           -----------------------------------------------

            อันนี้นี่แหละ...เลยทำให้ตัดสินใจปิดประตู ปิดหน้าต่าง ไม่พยายามที่จะไปรับรู้ รับฟัง สิ่งที่พยายามไหลเข้ามา ปรุงแต่ง อารมณ์-ความรู้สึกตัวเอง ให้ออกไปในทางที่ไม่น่าจะเข้าท่า ไม่น่าจะได้เรื่อง ไม่น่าจะได้ประโยชน์ใดๆ ต่อส่วนตัว ส่วนรวม หันมาแง้มประตู แง้มหน้าต่าง ให้กับ มหกรรมโตเกียวโอลิมปิก ไปแทนที่ เพราะอย่างน้อย...ก็พอได้ซู้ดๆ ซ้าดๆ ซี้ดๆ ซ้าดๆ โดยไม่จำเป็นต้องไป เบียดเบียน ผู้อื่น หรือแม้แต่ตัวเองแต่อย่างใด เกิดความสบายอก สบายใจ เกิดการ ทำใจ แม้ต้องอยู่ท่ามกลางฉากสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม จนพอจะนำมาซึ่งความรัก  ความห่วงใย ความปรารถนาดีต่อผู้อื่น ความมีน้ำใจไมตรี ความเอื้ออาทร หรือยังพอจะสามารถดำรงรักษา ความเป็นไทย มิให้สูญหาย ไปจากตัวตนของตนเอาง่ายๆ...

                                                                             ----------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก Shakespeare’s Othello... What can’t be cured must be endured. - สิ่งใดที่แก้ไขไม่ได้...ต้องอดทนต่อสิ่งนั้น...”

                                                                                -----------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"