เสื้อแดงเทม็อบ3นิ้ว ประกาศเข้ากรุงป้องสถาบัน/ตร.พบข่าวก่อเหตุรุนแรง!


เพิ่มเพื่อน    

"บิ๊กตู่" ย้ำเจ้าหน้าที่ใช้ความอดทนดูแลม็อบ 7 สิงหาบุกวัง ยันผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขอทุกฝ่ายเลี่ยงการชุมนุมในช่วงนี้ ตร.เผยการข่าวจะเกิดความรุนแรง เตรียมกำลัง 38 กองร้อยรับมือ ลั่นไม่ให้ข้ามแนว รร.รัตนโกสินทร์ไปได้ "เสกสกล" ลั่นคนไทยรับไม่ได้พวกจาบจ้วง แฉมีไอ้โม่งหนุนหลังให้เกิดสงครามกลางเมือง "แกนนำหมู่บ้านเสื้อแดงรักษาพระองค์” พร้อมผนึกกำลังเข้าเมืองกรุงร่วมปกป้องสถาบัน กสม.ส่งตัวแทนลงพื้นที่ เครือข่ายองค์กร ปชช.แนะรัฐยึดหลักสิทธิมนุษยชนดูแลม็อบ
    การนัดชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือกลุ่ม 3 นิ้ว ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ที่พระบรมมหาราชวัง ขณะที่กลุ่มปกป้องสถาบันก็นัดรวมตัวที่บริเวณใกล้เคียงกัน  จนเป็นที่จับตาว่าจะเกิดการเผชิญหน้ากันหรือไม่
     โดยนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ย้ำว่าขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการดูแลความสงบเรียบร้อย โดยพยายามใช้ความอดทน รวมถึงหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและไม่ให้มีการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมที่เห็นต่าง ที่อาจจะออกมาแสดงความเคลื่อนไหวคัดค้าน ส่วนที่มีผู้ชุมนุมกลุ่มอีกฝ่ายระบุว่าจะออกมาแสดงพลังต่อต้านนั้น ย้ำว่าการชุมนุมในขณะนี้ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินจึงต้องขอความร่วมมือ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ดังนั้นไม่ว่าฝ่ายใดหรือกลุ่มใด ขอให้เลี่ยงการ รวมตัวหรือการชุมนุมกันในช่วงนี้
    ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ เวิร์กฟรอมโฮมทำงานที่บ้านพัก ภายในกรมทราบราบมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) โดยในวันเดียวกันนี้ นายกฯ ไม่มีกำหนดการหรือวาระงานทางการทั้งการประชุมหรือการพบหารือแต่อย่างใด คาดว่าจะใช้เวลาติดตามงานและเซ็นเอกสารต่างๆ 
    ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.กล่าวว่า ในวันดังกล่าวจะมีด้วยกัน 3 กลุ่ม 1.กลุ่มเยาวชนปลดแอก นัดหมายที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากนั้นมีการเชิญชวนเคลื่อนตัวไปที่พระบรมมหาราชวัง ในกลุ่มนี้มีการเชิญให้กลุ่มการ์ดวีโว่และกลุ่มราษฎรให้มาร่วมชุมนุม, กลุ่มที่ 2 กลุ่มอาชีวะประชาชน เพื่อประชาธิปไตย โดยนายธนเดช ศรีสงคราม นัดหมายกันที่เชิงสะพานผ่านฟ้าฯ ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนไปที่ทำเนียบรัฐบาลในลักษณะคาร์ม็อบ, กลุ่มที่ 3 จะเป็นกลุ่มแดงก้าวหน้า 63 กลุ่มแดงใหม่ภาคี 4 ภาค กลุ่มราษฎรลพบุรี สระบุรี นครนายก มีการรวมตัวกันในจังหวัดต่างๆ โดยมีเป้าหมายเคลื่อนตัวมาที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
    พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า บช.น.ขอแจ้งให้ทราบว่ากรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การประกาศชักชวนรวมตัวมั่วสุม หรือการชุมนุมไม่สามารถทำได้ตามกฎหมาย การกระทำดังกล่าวจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ การดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ ที่ผ่านมา มีการดำเนินคดีแล้วจำนวน 293 คดี สอบสวนเสร็จสิ้น 196 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน 97 คดี เตือนไปยังกลุ่มผู้ชุมนุม ผู้ที่จะมาร่วมชุมนุมหรือผู้ชักชวน หากมีการกระทำการใดๆ ในเขตกรุงเทพฯ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เน้นย้ำทุกๆคดีจะต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
    "การชุมนุมในวันที่ 7 ส.ค. กลุ่มผู้ชุมนุมที่รวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จะใช้ถนนราชดำเนิน โดยเจ้าหน้าที่จัดตั้งแนวสุดท้ายที่หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ จะไม่ยินยอมให้ข้ามแนวไปมากกว่านั้น" พล.ต.ต.ปิยะกล่าว   
    ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวเพิ่มว่า แค่มีการประกาศเชิญชวนก็ผิดแล้ว การตั้งแนวรั้งหน่วงเป็นการป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นอาจนำไปสู่ความวุ่นวาย สร้างผลกระทบต่อประชาชน เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลายสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน
    พล.ต.ต.ปิยะกล่าวอีกว่า ผู้ร่วมชุมนุมหรือบุคคลที่มีหมายจับ เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ขอให้มั่นใจ ถ้าพบตัวเมื่อไหร่ก็ต้องจับตัว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราตามไปจับตัวอยู่ ส่วนการป้องกันเหตุ บช.น.ได้มีการตั้งจุดตรวจโดยรอบพื้นที่ที่จะมีการชุมนุม ตั้งจุดตรวจทั้งหมด 14 จุด เส้นทางที่จะเข้ามาบริเวณที่ชุมนุมในการตรวจค้นอาวุธป้องกันเหตุร้าย ป้องกันบุคคลที่ 3 ที่จะมาก่อเหตุ ส่วนการป้องกันตามมาตรฐานสากล ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำทุกครั้ง 
การข่าวพบจะเกิดรุนแรง
    "การชุมนุมในวันที่ 7 ส.ค.นี้ การข่าวว่าจะมีการกระทบกระทั่งที่รุนแรง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและผู้สื่อข่าว เราได้ประสาน ผบ.พื้นที่ ควรจะอยู่ในพื้นที่ไหน เวลาไหนจะถึงจะปลอดภัย โดยฟังสัญญาณจาก ผบ.พื้นที่ อยากให้ทุกคนปลอดภัยทั้งเจ้าหน้าที่ ผู้สื่อข่าว ประชาชนที่สัญจรไปมา ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ที่ใช้ในการดูแลความสงบเรียบร้อย โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ 38 กองร้อย" พล.ต.ต.ปิยะกล่าว
    ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเคลื่อนขบวนไปยังพระบรมมหาราชวัง ทำให้ประชาชนคนไทยที่ปกป้องและจงรักภักดีรับไม่ได้กับวิธีคิดเช่นนี้ อย่าให้ประชาชนคนไทยที่จงรักภักดีปกป้องสถาบันต้องออกมาชุมนุมคัดค้านกับกลุ่มนี้เลย เป็นการจาบจ้วง ก้าวล่วงที่มิบังควร คนไทยส่วนใหญ่ไม่ยอมเด็ดขาด อาจจะมีมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ความรุนแรง เราไม่ต้องการเห็นการเกิดความรุนแรงขึ้น จึงขอเตือนม็อบว่าเดินทางไปที่พระบรมมหาราชวัง การชุมนุมมีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังที่ต้องการให้เกิดความรุนแรงหรือสงครามกลางเมือง เพื่อให้ประเทศไทยเกิดความวุ่นวาย
    นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ว่า การชุมนุมวันที่ 7 ส.ค. ไม่ได้ดำเนินการในรูปแบบคาร์ม็อบ ทราบมาว่าการเคลื่อนขบวนคาร์ม็อบจากทั้งกลุ่มของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยังไม่เกิดขึ้นวันที่ 7 ส.ค. หากดำเนินการเรื่องดังกล่าว จะมีคาร์ม็อบเพียงสายเดียวจากสมุทรปราการ เพียงสายเดียวจะไม่สามารถแสดงพลังได้เต็มที่ อยากให้การเคลื่อนขบวนคาร์ม็อบเกิดขึ้นหลายสายพร้อมกัน เพื่อให้เห็นถึงพลังประชาชนที่ต้องการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จึงขอเลื่อนการเคลื่อนขบวนคาร์ม็อบจากสมุทรปราการออกไปก่อน 
    นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้ประชุมทำความเข้าใจกับอดีตแกนนำหมู่บ้านเสื้อแดง และปัจจุบันนี้เราเปลี่ยนมาเป็น “หมู่บ้านเสื้อแดงรักษาพระองค์” ทางประธานแต่ละภูมิภาคก็ได้แจ้งมาว่าพร้อมที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ล่าสุดตนได้ประสานงานพูดคุยกับนายสุพล หมื่นศรีพรหม ผู้นำอดีตสหายเก่า ผกค.ภาคอีสาน พร้อมที่จะผนึกกำลังกันออกมาปกป้องสถาบันกันอีกครั้ง การที่ม็อบดีเดย์จะบุกพระบรมมหาราชวัง ในวันที่ 7 ส.ค.นั้น หมายความว่า จะลอกเลียนแบบอดีตสหายเก่า ผกค. ที่ประกาศเอาวันที่ 7 ส.ค. เป็นวันเสียงปืนแตก หลอกให้ทหารออกมาใช้อาวุธปราบปรามประชาชนเพื่อจะหาความชอบทำให้กับกลุ่มม็อบ อยากบอกว่าอย่าทำเลยไอ้น้อง เพราะพี่ทำมาก่อนแล้ว จนหมู่บ้านเสื้อแดงเพื่อนอดีตเสื้อแดงหลายจังหวัดได้บอกมาว่างานนี้ “ม็อบล้มเจ้าจบไม่สวย" 
    นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ไม่ใช่เป็นการชุมนุมเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง สิ่งที่กระทำนั้นกลับกระทำการที่สวนทางกันทั้งหมด จุดมุ่งหมายหลักของแกนนำผู้ชุมนุม มีทั้งการใช้ถ้อยคำหยาบคาย ข่มขู่ คุกคาม ก้าวล่วง จาบจ้วงสถาบัน และประชาชนมองออกว่าเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ นับวันยิ่งเหิมเกริม ทำแต่สิ่งที่ไม่สมควร เชื่อมั่นว่าเป็นสิ่งที่คนไทยไม่สามารถรับได้อย่างแน่นอน จึงขอให้เจ้าหน้าที่ได้มีหลักในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดตามหลักการที่ถูกต้อง ดำเนินการอย่างเฉียบขาด ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดความวุ่นวายตามมา รวมทั้งที่ผ่านมาก็มีข้อมูลสนับสนุนชัดเจนว่ามีพรรคการเมืองบางพรรคให้ท้ายสนับสนุนด้วย ถ้าวันที่ 7 ส.ค.มีผู้ชุมนุมคิดก้าวล้ำทำร้ายจิตใจคนไทย ก็ขอให้หยุดความคิดและการกระทำดังกล่าว 
แนะยึดหลักสิทธิมนุษยชน
    ขณะที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอให้พิจารณาถอนประกันตัวนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน กับพวก รวม 29 คน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันชุมนุมก่อความวุ่นวาย จากเหตุการณ์ที่ผู้ต้องหาทั้ง 29 คนได้รวมตัวกันที่หน้า บช.ปส. ถนนวิภาวดีรังสิต ถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในลักษณะเดิมๆ เป็นพฤติการณ์ของคนที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง และได้มีการออกหมายจับนายจตุภัทร์แล้ว ประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเจอสามารถจับได้ทันที ใครจับได้ขอตั้งรางวัลนำจับ 500 บาท เหมือนโจรห้าร้อย และในสัปดาห์หน้าตนก็จะไปยื่นเอาผิดกับ ส.ส.อีแอบ ที่อ้างว่าไปสังเกตการณ์ในที่ชุมนุมโดยที่ไม่ได้รับการมอบหมายใด 
    สำนักงาน​คณะกรรมการ​สิทธิ​มนุษยชน​แห่งชาติ​ (กสม.)​ ออกเอกสารระบุว่า กสม.มีมติมอบหมายนางปรีดา คงแป้น,  นายสุชาติ เศรษฐมาลินี, น.ส.ศยามล ไกยูรวงศ์ และนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กสม.พร้อมด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองในวันดังกล่าว เพื่อติดตามเฝ้าระวังว่า เสรีภาพในการชุมนุมและการแสดงออกของประชาชนได้รับการคุ้มครองหรือไม่ ผู้ชุมนุมได้ดำเนินการชุมนุมให้เป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธหรือไม่ 
    นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และแกนนำกลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย กล่าวเรียกร้องรัฐบาลไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งประกาศจัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 7  สิงหาคมนี้ รวมถึงจะต้องดูแลความปลอดภัยของผู้ชุมนุม ประชาชนมีความชอบธรรมที่จะแสดงออกแม้จะมีความคิดที่แตกต่างกัน ทุกฝ่ายต้องดำเนินการตามวิถีทางประชาธิปไตย และมีวุฒิภาวะหากเหตุการณ์ซ้ำรอยความวิปโยคเหมือนในอดีต ประเทศไทยจะไม่มีทางกลับมาเป็นสังคมที่สงบสันติได้อีกเลย ประเทศไทยจะพลิกแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เพียงแค่ พล.อ.ประยุทธ์ลาออก 
    คณะไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย แถลงว่า มีความวิตกกังวลอย่างยิ่งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้ความรุนแรงในการปราบปรามผู้ชุมนุม จนเป็นเหตุให้เกิดความรุนแรงมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมทุกกรณี และให้จัดการอย่างเข้มงวดไม่ให้มือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงได้ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจทำผิดกฎหมาย ทำผิดหลักสากล คณะไทยไม่ทนจะดำเนินการเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านั้น ไม่เว้นแม้แต่กรณีเดียว
     คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และเครือข่ายองค์กรประชาชน ประกอบด้วย คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา '35, สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.), มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา, สถาบันสังคมประชาธิปไตย ออกแถลงการณ์ห่วงใยต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่มีแนวโน้มที่จะขยายความรุนแรงขึ้น จึงขอทุกฝ่ายโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องใช้หลักสิทธิมนุษยชนเป็นวิธีการจัดการปัญหา เพื่อหยุดอาชญากรรมแห่งรัฐและความรุนแรงทางสังคมโดยสันติ และขอเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์แก้ไขปัญหาความขัดแย้งโดยวิถีทางการเมือง เช่น โดยการลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ในทันที
    นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล ผลสำรวจภาคสนามและประมวลผลข้อมูลการศึกษา เรื่อง ประชาชนรู้ทันม็อบ 3 นิ้ว 7 สิงหาคม พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.4 รู้ทันว่า มีขบวนการอยู่เบื้องหลัง ม็อบ 3 นิ้ว ต้องการให้เกิดความรุนแรง, ร้อยละ 97.0 รู้ทันว่ามีขบวนการออกแบบให้เกิดความรุนแรงบานปลายจากการเผชิญหน้า ดึงทหารออกมาล้อมปราบ เกิดความสูญ,  ร้อยละ 99.2 กังวลต่อการเกิดคลัสเตอร์แพร่ระบาดโควิดเพิ่มขึ้น ซ้ำเติมปัญหาให้บุคลากรทางการแพทย์ไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้, ร้อยละ 97.4 เชื่อว่ามีขบวนการท่อน้ำเลี้ยงจากต่างชาติ นักการเมือง กลุ่มนายทุน และร้อยละ 97.1 เช่นกัน ระบุกังวลต่อความรุนแรงบานปลายและความสูญเสีย ร้อยละ 98.7 ระบุม็อบต้องหยุดคุกคามสถาบันหลักของชาติ. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"