11ส.ค.64-นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก  หัวข้อ ของฟรีจะมีหรือ มีเนื้อหาดังนี้

เมื่อ 10 สิงหาคม 64   นางลินดาโทมัส กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็นได้เดินทางมาไทยและมาพบกับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย   และเสนอให้ความช่วยเหลือไทย จำนวน 5 ล้านเหรียญ เพื่อให้บุคคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดวัคซีนและเสริมสร้างศักยภาพระบบสาธารณสุขของไทยในการต่อสู้กับโควิด

นอกจากนั้น  จะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจำนวน 50 ล้านเหรียญ  แก่ภาคีองค์กรระหว่างประเทศและองค์กรนอกภาครัฐโดยตรง  เพื่อให้อาหารในกรณีฉุกเฉิน อุปกรณ์ช่วยชีวิต  ที่พักและบริการสาธารณสุข แก่ประชากรเมียนมา ซึ่งรวมถึงผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ(เมียนมา)​ กว่า 700,000 คน

ฟังดูดีนะ  แต่  ในส่วนความช่วยเหลือ 50 ล้านเหรียญแก่องค์การระหว่างประเทศและองค์กรนอกภาครัฐ (เอ็นจีโอ)​  โดยระบุถึง ผู้ลี้ภัย ผู้พลัดถิ่นในประเทศ  ที่พัก  อุปกรณ์ช่วยชีวิต  นั้น  มีคำนิยาม (เทคนิคัลเทอม)​ ที่ไทยต้องให้ ความสนใจ  และระมัดระวังอย่างยิ่งด้วยความกังวลใจ

เนื่องจากทุกวันนี้  ทางการไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเบื้องต้นทั้งด้านการแพทย์และอาหารแก่ผู้หนีภัยสงคราม และผลักดันกลับไปพม่า และในความเป็นจริงมีชาวพม่านับแสนคนที่ฝรั่งเรียกว่า คนพลัดถิ่นในประเทศ หรือ Displaced Persons  จ่อตามแนวชายแดนไทยพม่านับหลายแสนคน  ถามว่า คนกลุ่มนี้จะมั่นใจได้หรือไม่ว่า  ไม่ติดเชื้อโควิด

หากรับคนพม่าเหล่านี้มาตั้งค่ายพักหรือค่ายผู้อพยพในไทย  จะมั่นใจได้อย่างไรว่า  คนเหล่านี้จะไม่หลบหนีออกจากค่ายอพยพและออกมาหางานทำในไทย  ทุกวันนี้ เฉพาะคนไทยที่ติดเชื้อโควิดต่อวันก็นับว่าสูงมากอยู่แล้ว  ไทยยังพร้อมจะแอ่นอกรับผู้อพยพพม่าเหล่านี้ไหวอีกหรือ

ไทยจะกลายเป็นเตี้ยอุ้มค่อม เนื่องจากทุกวันนี้  ค่ายอพยพตามแนวชายแดนไทยพม่า  มีผู้อพยพที่ทางการไทยต้องดูแลนับแสนคนอยู่แล้ว