หายป่วยเยอะกว่าติดเชื้อ คลัสเตอร์ตจว.คุมไม่อยู่


เพิ่มเพื่อน    

  สถานการณ์โควิดยังไม่ทุเลา พบติดเชื้อเพิ่ม 22,086 ราย แต่หายป่วย 23,672 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 217 คน คลัสเตอร์ต่างจังหวัดอีก 8 คลัสเตอร์ นำเข้าเพียบ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยกลุ่มผู้ที่เสียชีวิตร้อยละ 84 เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป โฆษกกลาโหมเผยยังพบพฤติกรรมขาดความรับผิดชอบ รวมกลุ่มดื่มสุรา มั่วสุมเสพยาและเล่นการพนันต่อเนื่อง

    เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 22,086 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 21,813 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ  17,406 ราย, มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 4,407 ราย, จากเรือนจำและที่ต้องขัง 270 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ3 ราย
    ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 885,275 ราย ผู้ป่วยหายเพิ่ม 23,672 ราย ยอดรวมหายป่วยสะสม 667,556 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 210,376 ราย อาการหนัก 5,590 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,151 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 217 ราย เป็นชาย 130 ราย หญิง 87 ราย อยู่ใน กทม.มากที่สุด 96 ราย โดยจำนวนนี้เป็นการเสียชีวิตที่บ้านและขณะนำส่งโรงพยาบาล 18 ราย อยู่ใน กทม. 17 ราย และสุพรรณบุรี 1 ราย
    โดยผู้เสียชีวิตเป็นหญิงตั้งครรภ์ 2 ราย ทำให้ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตสะสม 7,343 ราย ขณะที่การฉีดวัคซีนวันที่ 13 ส.ค. 683,832 โดส ทำให้ขณะนี้มียอดฉีดสะสม 23,192,491 โดส ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ป่วยสะสม 206,958,502 ราย เสียชีวิตสะสม 4,358,274 ราย
    สำหรับ 10 จังหวัดแรกที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 5,088 ราย,  สมุทรสาคร 1,819 ราย, สมุทรปราการ 1,598 ราย, ชลบุรี 1,254 ราย, นนทบุรี 867 ราย, นครปฐม 724 ราย, สระบุรี 686 ราย, อุบลราชธานี 395 ราย, พระนครศรีอยุธยา 379 ราย, ฉะเชิงเทรา 366 ราย โดยมีคลัสเตอร์ใหม่ 8 คลัสเตอร์คือ ที่ จ.สมุทรสาคร อ.เมืองฯ พบผู้ป่วยใหม่ที่บริษัทถุงพลาสติก 13 ราย, จ.สมุทรปราการพบ 2 คลัสเตอร์ คือโรงงานห้องเย็น อ.เมืองสมุทรปราการ พบผู้ป่วย 12 ราย และสถานคุ้มครองผู้พิการ อ.พระประแดง พบผู้ป่วย 30 ราย, จ.ชลบุรี อ.เมืองชลบุรี พบที่บริษัทอาหารทะเล  11 ราย
    นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้โรงพยาบาลทุกสังกัดยังคงมีผู้ป่วยโควิด-19 รับการรักษาเต็มศักยภาพ โดยเฉพาะผู้ป่วยอาการปานกลาง (สีเหลือง) และผู้ป่วยอาการหนัก (สีแดง) โดยในส่วนของโรงพยาบาลบุษราคัม รับผู้ป่วยโควิด-19 เข้ามารักษาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลวันที่ 13 ส.ค.2564 มีผู้ป่วยทั้งสิ้น 3,473 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยอาการปานกลางถึงค่อนไปทางหนัก 3,334 ราย และผู้ป่วยอาการหนัก 139 ราย ต้องใช้ออกซิเจนอัตราไหลสูง 132 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 7 ราย ส่วนศูนย์แรกรับและส่งต่อนิมิบุตร มีการรับผู้ป่วยไว้ดูแลถึง 211 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยอาการปานกลาง 85 ราย และอาการหนัก 19 ราย เนื่องจากการหมุนเวียนผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองและสีแดงยังทำได้จำกัด
ภูมิภาคนำเข้าเชื้อ
     นพ.เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์ในส่วนภูมิภาค มีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากการเดินทางกลับภูมิลำเนา รวมถึงการติดเชื้อในครอบครัว สถานที่ทำงาน สถานประกอบการ และชุมชน จึงขอความร่วมมือให้ประชาชนเดินทางเท่าที่จำเป็น พร้อมทั้งเคร่งครัดมาตรการป้องกันตนเอง สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยงและแออัด ส่วนผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ขอให้ไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตามที่สถานพยาบาลนัดหมาย เพื่อลดโอกาสเกิดอาการรุนแรงและเสียชีวิต ทั้งนี้ได้ให้ขยายจุดฉีดที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเพื่อให้กลุ่มเสี่ยงและประชาชนทั่วไปเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น
    นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ของโรคโควิด-19 ในขณะนี้ยังมีแนวโน้มพบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลพบว่าในกลุ่มของผู้ที่เสียชีวิต ประมาณร้อยละ 84 เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มโรคเรื้อรัง เนื่องจากมีระดับภูมิต้านทานต่ำ และส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน เมื่อติดเชื้อโควิด-19 จะทำให้มีอาการป่วยรุนแรง จึงขอให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ซึ่งมี 3 กลุ่ม คือ  1.กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 2.กลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคอ้วนน้ำหนักตัวมากกว่า 100 กิโลกรัม โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคไตวาย และ 3.กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ขึ้นไป ให้รีบเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเดือน ส.ค.นี้ ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทั่วประเทศฟรี เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันโรค และโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด จะต้องเร่งเข้ารับบริการฉีดเข็มที่ 1 โดยเร็ว
    พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม นำประชุมติดตามการสนับสนุนรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19 ร่วมกับ กอ.รมน. หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ และ ตร. ผ่านระบบ VTC ณ ศาลาว่าการกลาโหม
    สำหรับภาพรวม ฝ่ายความมั่นคง ทหารตำรวจยังคงตรวจพบและจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองได้ต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ 1-12 ส.ค.64 จับกุมได้ 1,864 คน สำหรับการควบคุมโรค เจ้าหน้าที่ยังคงตั้งจุดตรวจและด่านตรวจบริเวณรอยต่อจังหวัดสีแดงเข้ม และจัดชุดเคลื่อนที่เร็วตรวจในพื้นที่ เพื่อลดการเคลื่อนย้ายและจำกัดกิจกรรมตามเคหสถานที่เป็นปัญหา โดยยังพบพฤติกรรมขาดความรับผิดชอบ รวมกลุ่มดื่มสุรา มั่วสุมเสพยาและเล่นการพนันต่อเนื่อง
    ขณะเดียวกัน กองทัพได้เร่งขยายขีดความสามารถทางการแพทย์ใน รพ.ทหารแต่ละเหล่าทัพ โดยจัดตั้งห้อง ICU รองรับผู้ป่วยสีแดงเพิ่ม 80 เตียง และผู้ป่วยสีเหลือง 306 เตียง ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างเร่งจัดตั้ง รพ.สนาม และ CI ในพื้นที่หน่วยทหารทั่วประเทศเพิ่ม ร่วมกับ สธ.จังหวัด พร้อมกันนี้ได้เรียกระดมบุคลากรทางการแพทย์แถว 2 กว่า 500 คน เข้ามาเสริมการทำงาน เพื่อรองรับการดูแลประชาชน
ในคุกยังมีโควิด
    สำหรับ รพ.สนาม ใน มทบ.11 ในพื้นที่ กทม. อยู่ระหว่างปรับเพิ่มให้สามารถรองรับการตรวจเชื้อคัดกรองโรคได้เพิ่ม 500 คนต่อวัน ในลักษณะขับรถยนต์มารับการตรวจ (Drive Thru)
    ขณะที่ รพ.สนามศูนย์คัดกรอง สโมสรกองทัพบก ในพื้นที่ กทม. มีประชาชนมารับการบริการแล้วเกือบ 10,000 คน ให้บริการครบวงจรตรวจคัดกรองเชื้อ เอกซเรย์ปอด พบแพทย์ รับตัวเข้ารักษาในระบบ รวมทั้งจ่ายยาและพากลับบ้าน
    ทั้งนี้ พล.อ.ชัยชาญได้ย้ำนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ขอให้ทุกเหล่าทัพเร่งสนับสนุนการจัดตั้ง รพ.สนาม และ CI ในหน่วยทหาร เพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่สีแดงเข้ม และให้เข้าไปเสริมสนับสนุนการจัดชุดตรวจเชิงรุก และเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากชุมชนและตามบ้าน ที่ยังพบและมีอยู่เข้ามารักษาในระบบโดยเร็ว
    พร้อมทั้งขอขอบคุณกำลังพลตำรวจและทหารทุกเหล่าทัพ ที่เข้ามาสนับสนุนและเสริมการทำงานของ สธ.และ กทม.อย่างใกล้ชิดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคทั้งในเขตเมืองและชุมชนทั่วประเทศต่อเนื่องมา โดยกำชับให้ใช้ความระมัดระวังและไม่ประมาทในการปฏิบัติงาน เพื่อมิให้เกิดการสูญเสียในทุกชีวิต
    นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานว่า ข้อมูลวันที่ 13 ส.ค.2564 เวลา 16.00 น. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 270 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 235 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 35 ราย) รักษาหายเพิ่ม 432 ราย เสียชีวิต 2 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 5,968 ราย (กลุ่มสีเขียว 86.6%, สีเหลือง 12.9% และสีแดง 0.5%) เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 219 ราย ปริมณฑล 1,708 ราย และต่างจังหวัด 4,041 ราย
    นายอายุตม์กล่าวว่า ในวันที่ 14 ส.ค.​ มีเรือนจำที่พ้นการระบาดเพิ่ม 2 แห่ง คือ เรือนจำจังหวัดสมุทรสาครและเรือนจำจังหวัดสงขลา อีกทั้งไม่พบเรือนจำระบาดเพิ่ม ทำให้มีเรือนจำสีแดงที่พบการระบาดลดลงอยู่ที่ 34 แห่ง และเรือนจำสีขาวที่ไม่มีการแพร่ระบาด 108 แห่ง โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 46,220 ราย หรือ 87.3% ของผู้ติดเชื้อสะสม 52,923 ราย เสียชีวิตสะสม 84 ราย คิดเป็นอัตรา 0.16% ของผู้ติดเชื้อสะสม
    สำหรับผู้เสียชีวิต เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำกลางสมุทรสงครามและเรือนจำกลางปัตตานี ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง และมีโรคประจำตัว แม้ว่าได้ดูแลรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ และส่งต่อการรักษายังโรงพยาบาลภายนอกแล้ว แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เสียชีวิตลง กรมราชทัณฑ์ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย
    นายอายุตม์กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีแนวโน้มที่ดีขึ้นค่อนข้างมาก โดยจะพบว่าสถิติย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1-14 ส.ค.2564 มีจำนวนผู้ติดเชื้อระหว่างรักษาลดลงไปกว่า 44.5% ขณะที่พื้นที่ต่างจังหวัด ลดลงเพียง 9.3% เนื่องจากเป็นพื้นที่พบการระบาดใหม่ทำให้ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการเร่งตรวจคัดกรองเชิงรุก เพื่อให้เข้าสู่แผนการรักษา และแผนการสิ้นสุดการระบาดของโรค หรือ EXIT ได้อย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีเรือนจำสีแดงที่เข้าสู่แผน EXIT แล้วจำนวน 18 แห่ง ซึ่งได้เริ่มทยอย EXIT ไปแล้วตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค.เป็นต้นมา
สมุทรปราการพุ่งพรวด
    นพ.พรณรงค์ ศรีม่วง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรปราการ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 1,598 ราย เป็นผู้ป่วยในพื้นที่จำนวน 1,394 ราย อำเภอเมืองสมุทรปราการ จำนวน  688 ราย, อำเภอพระประแดง จำนวน 224 ราย, อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จำนวน 40 ราย, อำเภอบางพลีจำนวน 259 ราย, อำเภอบางบ่อจำนวน 97 ราย, อำเภอบางเสาธง จำนวน  86 ราย, โรงพยาบาลเอกชนรับมารักษาต่อในสมุทรปราการ จำนวน 204 ราย เสียชีวิต 7 ราย
    ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ รายงานข้อมูลสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2564 ถึงวันที่ 13 ส.ค.2564 ของ จ.บุรีรัมย์ ว่ายังคงน่าเป็นห่วง พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นอีกจำนวน 387 ราย แยกเป็น ผู้ป่วยติดเชื้อพบในพื้นที่จังหวัด 31 ราย ติดเชื้อมาจากนอกพื้นที่ 356 ราย แยกเป็น ติดเชื้อมาจากจังหวัดเสี่ยง 144 ราย และติดเชื้อมาจากจังหวัดเสี่ยง (พบก่อนเข้าสถานกักกันตัว) LQ 212 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 9,056 ราย เสียชีวิตสะสม 13 ราย หายป่วยสะสม 4,053 ราย ยังรักษาอยู่ 4,990 ราย กระจายตามโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่จังหวัด
    นพ.ประภาส วีระพล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ (สสจ.) กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 จังหวัดอำนาจเจริญ วันที่ 14 ส.ค.64 มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่เพิ่ม 83 ราย เป็นผู้ติดเชื้อเดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทันทีที่มาถึง จำนวน 82 ราย มีภูมิลำเนากระจายไป 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองอำนาจเจริญ จำนวน 13 ราย, อ.ชานุมาน จำนวน 8 ราย, อ.ปทุมราชวงศา จำนวน 24 ราย, อ.พนา จำนวน 15 ราย และ อ.ลืออำนาจ จำนวน 5 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในจังหวัดอำนาจเจริญ จำนวน 1 ราย ที่ อ.เมืองอำนาจเจริญ รวมมีผู้ป่วยยืนยันสะสม ระลอก 3 จำนวน 1,992 ราย
    นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ประธานกรรมการโรคติดต่อ จ.สงขลา เปิดเผยว่า จ.สงขลา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 278 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต รวมผู้ติดเชื้อสะสม 15,839 ราย เสียชีวิตสะสม 82 คน รักษาหายแล้ว 12,825 คน ที่นอนโรงพยาบาล 2,932 คน หายป่วยวันที่ 14 ส.ค. จำนวน 386 คน
    จากการตรวจคัดกรองเชิงรุกพบผู้ติดเชื้อสูงในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงในชุมชนหัวเขา และผู้สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน อ.สิงหนคร 147 คน รองลงมากลุ่มผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อในพื้นที่ 109 คน และมีกลุ่มรอการสอบสวนโรค 10 คน และผู้เดินทางมาจากต่างจังหวัด 8 คน ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในโรงงานเหลือ 5 คน ต้องมีการระดมเจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองเชิงรุก
    เมื่อช่วงเช้าวันที่ 14 ส.ค.64 ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุผู้ป่วยโควิด-19 เป็นชายอายุ 24 ปี ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสนามสงขลา อาคารเทพรักษา ซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงพยาบาลจิตเวชสงขลาราชนครินทร์ ในเขตเทศบาลนครสงขลา ได้ฉวยโอกาสหลบหนีออกจากโรงพยาบาลสนามสงขลา ขณะที่มีเพื่อนคนหนึ่งนำของมาฝากปะปนกับญาติผู้ป่วยรายอื่น และขึ้นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า ฟีโน่ ไม่ทราบสีและทะเบียนซ้อนท้ายออกไปกับเพื่อน หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสงขลา
      และทางตำรวจได้ติดตามไปที่บ้านพักในซอย 2 ถนนทะเลหลวง เขตเทศบาลนครสงขลา แต่ก็ไม่พบตัว และให้ญาติช่วยโทรศัพท์ติดต่อแต่ก็ไม่รับสาย เบื้องต้นได้มีการประสานไปยังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเช่น อ.หาดใหญ่ ให้ช่วยตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่พาหลบหนี แต่ก็ยังไม่พบตัว.
   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"