ยิ่งแก้...ยิ่งยากซ์ซ์ซ์!!!


เพิ่มเพื่อน    

จะ 7 สิงหาฯ หรือ 15 สิงหาฯ น่ากลัว-ไม่น่ากลัว น่าทุเรศ-ไม่น่าทุเรศ ฯลฯ แต่ก็ต้องถือว่า...ผ่านพ้นกลางเดือนสิงหาคมไปเรียบร้อยแล้ว  เพราะฉะนั้นคงเหลือเวลาอีกแค่ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ ที่จะได้ฤกษ์ ได้เวลา เปิดประเทศภายใน 120 วัน ตามที่ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ณ ซิงเกิล คอมมานด์ ท่านได้ป่าวประกาศเอาไว้ล่วงหน้า ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนาฯ ที่ผ่านมา อันนี้นี่แหละที่น่าสนใจกว่า เพราะภายใต้ภาวะที่ผู้คนยังคง ติดเชื้อ วันละเป็นหมื่นๆ หรือปาเข้าไปถึงสองหมื่น อะไรที่มันจะน่ากลัว-ไม่น่ากลัว น่าทุเรศ-ไม่น่าทุเรศ ก็น่าจะอยู่ที่อีตรงจุดจุดนี้นี่เอง!!!

                                                          ---------------------------------------------

            คือต้องยอมรับว่า...ไม่ว่ารัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย ท่านได้เพียรพยายามทุ่มเทอย่างชนิดมิรู้เหน็ดรู้เหนื่อย ที่จะหาทางไล่ทิ่ม ไล่จิ้ม ไล่ฉีดวัคซีนไม่ว่ายี่ห้อไหนต่อยี่ห้อไหนก็แล้วแต่ เพื่อหาทางทำให้อัตราส่วนของประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีน มีจำนวนมากพอที่จะก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Herd Immunity หรือ ภูมิคุ้มกันหมู่ ขึ้นมาในประเทศไทย สังคมไทย ให้จงได้ และนั่นเอง...ที่น่าจะถูกนำไปใช้เป็น มาตรฐาน ให้กับท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ท่านเกิดความกล้าหาญ ชาญชัย พอที่จะป่าวประกาศ เปิดประเทศภายใน 120 วัน ขึ้นมาให้จงได้...

                                                           -----------------------------------------------

            แต่ก็นั่นแหละ... ปัญหา มันคงไม่ได้อยู่ที่ความพยายามไล่จิ้ม ไล่ทิ่ม แต่เพียงอย่างเดียว แต่อาจอยู่ที่ จำนวนวัคซีน ที่มันออกจะกะปริดกะปรอย มามั่ง-ไม่มามั่ง ไม่ว่าวันมามากหรือวันไหนๆ อันกลายเป็นปัญหาของบรรดาประเทศจนๆ ประเทศกำลังพัฒนา หรือประเทศที่ไม่มีปัญญากักตุนวัคซีน เอาไว้ฉีด เอาไว้อาบ เหมือนอย่างประเทศใหญ่ๆ รวยๆ เขา แม้ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา จะถือเป็นประเทศผู้ผลิตวัคซีนบางตัว แต่คงมิอาจอาศัยอำนาจ บาตรใหญ่ใดๆ แม้แต่อำนาจระดับ ซิงเกิล คอมมานด์ ก็เถอะ ไปข่มเขา ข่มคอ ใครต่อใครให้กินหญ้า ไปล่วงละเมิดกฎหมายและความถูกต้องซะเอง จำนวนปริมาณวัคซีนสำหรับเอาไว้จิ้ม เอาไว้ทิ่ม บรรดาปวงชนชาวไทยทั้งหลาย จึงกลายเป็น ปัญหา หรือเป็นอุปสรรคอีกชนิดหนึ่ง ต่อห้วงระยะเวลาในการคิดจะ เปิดประเทศ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้...

                                                               -------------------------------------------------     

            แต่ยิ่งไปกว่านั้น...ยังมีบรรดา ผู้เชี่ยวชาญ บางราย อย่างเช่น ดร.  Amir Khan เป็นต้น ที่ออกมาสรุปเอาไว้สั้นๆ แต่ฟังแล้วน่าใจหาย นั่นก็คือการยืนหยัด ยืนยัน ประมาณว่า...ความพยายามเพิ่มอัตราส่วนผู้ฉีดวัคซีนให้มากๆ เข้าไว้ อาจไม่ได้ก่อให้เกิด Herd Immunity อย่างที่ใครเคยหวังและเคยคาดเอาไว้แต่อย่างใด โดยเฉพาะกับเชื้อไวรัสอย่างโควิด-19 ที่สามารถ กลายพันธุ์ ได้รวดเร็วเอามากๆ กลายเป็นสายพันธุ์ เดลตา สายพันธุ์ แลมบ์ดา ฯลฯ ที่วัคซีนแต่ละตัวชักจะ เอาไม่อยู่ อย่างเห็นได้โดยชัดเจน ต้องหันมา บูสต์ หันมาฉีดเข็มสอง เข็มสาม  เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่ค่อยๆ ลดๆ ลงไปตามลำดับ ไม่ว่าจะในอเมริกา หรือในอิสราเอล ฯลฯ ก็ตาม อันนี้...ก็ยิ่งทำให้เรื่องจำนวนปริมาณของวัคซีน ยิ่งเป็น ปัญหา หนักขึ้นไปใหญ่...

                                                             -------------------------------------------------------

            หรือพูดง่ายๆ ว่า...มีแต่การ ป้องกัน เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากาก หมั่นล้างมือ-ล้างไม้ การเว้นระยะห่าง หรือแม้แต่การปิดบ้าน  ปิดช่อง ปิดหน้าต่าง ปิดประตู ไม่ให้ใครเข้า-ใครออกได้ง่ายๆ มันถึงจะพอช่วยลดปริมาณการติดเชื้อ แพร่เชื้อ ได้ยิ่งกว่าความเชื่อในเรื่อง ภูมิคุ้มกันหมู่ ที่ชักเป็นไปไม่ได้สำหรับเชื้อไวรัสตัวนี้ยิ่งเข้าไปทุกที และนั่นเท่ากับยิ่งทำให้ความปรารถนาและต้องการที่จะ เปิดประเทศภายใน  120 วัน ของท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ยิ่งน่าจะรางเลือนยิ่งขึ้นไปใหญ่ โดยไม่ว่าจะพลิกลิ้น กลับลำ เด้งเชือก ฉากหลบตัดเวทีออกมาเต้นย็อกๆ แย็กๆ กันในลักษณะใดก็ตาม แต่คงไม่ได้ช่วยลดความ น่ากลัว ได้เลยแม้แต่น้อย...

                                                              ----------------------------------------------------

            ด้วยเหตุเพราะประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮานั้น...คงปฏิเสธไม่ได้ว่า รายได้หลักและรายได้ประจำ ปริมาณถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี มันมาจากการ เปิดประเทศ เอาไว้ต้อนรับบรรดา นักท่องเที่ยว กันโดยเฉพาะนั่นเอง ถ้าหากดันเปิดไม่ได้ แง้มประตู แง้มหน้าต่าง แทบไม่ได้เอาเลย การหดหายของรายได้จำนวนมหาศาลในแต่ละปี ย่อมส่งผลให้โอกาสที่จะ ตาย...กับ...ตาย หรือ ไม่ตาย...ก็เลี้ยงไม่โต ไปอีกนาน ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ นั่นยังไม่นับรวมถึงสิ่งที่ต้องไป กู้ เอามาใช้เยียวยา บรรเทาเบาบาง ความทุกข์ ความเดือดร้อนต่างๆ ของผู้ที่กำลัง อดตาย กันไปเป็นรายๆ...

                                                            ------------------------------------------------------

            อันนี้นี่แหละ...ที่ออกจะเป็นอะไรที่น่าปวดหัวฉิบหาย แถมน่ากลัว น่าเกลียด น่าทุเรศ ยิ่งกว่าพวกคาร์ม็อบ ควายม็อบ ฯลฯ ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า เพราะมันแทบหาทางออก ทางไป หรือทางรอด ไม่ได้เอาเลย มีแต่ต้องหันมายอมรับสภาพ หรือหันมา ทำใจ กันให้หนักๆ เข้าไว้ ซึ่งออกจะเป็นอะไรที่ยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ สำหรับ สังคมไทย ยุคนี้ หรือยุคที่ เทคโนโลยี ชักไปไกลกันในระดับ 4.0 แต่ การเมือง กลับดัน 0.4 อยู่เช่นเดิม โดยเฉพาะ ระบบราชการ ที่กลายมาเป็น ปัญหา ชนิดแม้แต่ความพยายามโน้มน้าวผู้คนให้หันกลับไปสู่แนวทาง เศรษฐกิจพอเพียง อันถือเป็นทางออก ทางรอด ที่เหมาะสม สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและยุคสมัยเอามากๆ ยังต้องพลอยสะดุดหัวทิ่ม หัวตำ ตามไปด้วยจนได้!!!

                                                           --------------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก “Michael Levine”...Successful  people are very lucky. Just ask any failure. - ผู้คนที่ประสบความสำเร็จนั้น...ถือว่าโชคดีเอามากๆ แต่คงต้องลองหันไปถามผู้ที่ล้มเหลวดูบ้าง...”

                                                          -------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"