ซัด‘บิ๊กตู่’ค้าความตาย ฝ่ายค้านยื่นซักฟอก‘6รมต.’ ตั้งข้อหาหนักแก้โควิดเหลว


เพิ่มเพื่อน    

6 พรรคร่วมฝ่ายค้านลงชื่อยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ 6  รัฐมนตรีแล้ว “ชวน” คาดเปิดเวทีได้ปลายเดือนนี้หรือต้น ก.ย. เผยรายละเอียดญัตติพุ่งเป้า “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นหลัก ซัดเละไร้ความรู้ ไร้จิตสำนึก เหิมเกริม ค้าความตาย เป็นโรคโอหังคลั่งอำนาจ ซ้ำร้ายทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันในเรื่องวัคซีน “หมอหนู” โดนหางเลข ไร้ความรู้ มุ่งเน้นแต่หาวัคซีนลึกลับ-วัคซีนสายสัมพันธ์ “น้องเนวิน” โดนข้อหาเสเพล ส่วน "สุชาติ" เจอเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน “เฉลิมชัย”  ทุจริตต่อหน้าที่ “ชัยวุฒิ” ทำสังคมแตกแยก
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ที่สัปปายะสภาสถาน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน  พร้อมแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 151 ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร
    โดยนายสมพงษ์กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้าน 6 พรรคเห็นถึงความบกพร่องของรัฐบาลในปีที่ผ่านมา ทั้งการบริหารวัคซีน การจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 และการบริหารเศรษฐกิจ จึงมีความจำเป็นต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ 6 คน ได้แก่ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 2.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข  3.นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม 4.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ 5.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และ 6.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบและบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมเพื่อเป็นเรื่องด่วนต่อไป
    เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ยื่นขออภิปราย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ด้วย เหตุใดจึงถูกตัดชื่อออก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรค กล่าวว่า แต่ละพรรคมีรายชื่อบุคคลไม่น่าไว้วางใจของตัวเอง แต่ที่สุดต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ให้โฟกัส 6 คน ซึ่งจำเป็นต้องพูดคุยกัน และรักษาบรรยากาศของการทำงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน
    ขณะที่นายชวนกล่าวว่า สภาจะรับไปตรวจสอบความถูกต้องและตรวจสอบเนื้อหา หากไม่ขัดข้อบังคับจะได้บรรจุเป็นเรื่องด่วนต่อไป แต่ในทางปฏิบัติก็ต้องแจ้งนายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อหารือถึงเวลาอันสมควร ซึ่งเมื่อบรรจุญัตติแล้วผลทางกฎหมายจะยุบสภาในช่วงนี้ไม่ได้ และการอภิปรายตามรัฐธรรมนูญยังมีกระบวนการตามมาตรา  152 อภิปรายเพื่อขอคำชี้แจงและแนะนำโดยไม่ลงมติ ซึ่งทำได้อีกครั้งหนึ่งในรอบปีนี้
    “สภาจะใช้เวลาตรวจสอบความถูกต้องของญัตติ 7 วัน ถ้าไม่ผิดพลาดจะบรรจุเป็นญัตติด่วน และเรียกฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ครม.มาหารือกันเพื่อกำหนดวันเวลาที่เหมาะสม คาดว่าจะอยู่ในช่วงปลายเดือน ส.ค.หรือต้นเดือน ก.ย.” 
    ทั้งนี้ นายชวนยังกล่าวถึงการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 วาระ 2-3 ว่า จะใช้เวลาพิจารณา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 18-20 ส.ค. จนถึงเวลา 24.00 น.ของแต่ละวัน เพื่อให้การประชุมเสร็จภายในเวลา 
    ขณะที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ  ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)  กล่าวถึงกรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ฝ่ายค้านอยากได้ระหว่างวันที่ 31 ส.ค.-3 ก.ย.64 โดยระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 จะเชิญตัวแทน ครม.มาหารือเพื่อกำหนดวันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ขณะที่การประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่ กมธ.พิจารณาแก้ไขเสร็จแล้วในวาระ 2-3 นั้น จะกำหนดไว้วันที่ 23-24 ส.ค.นี้ จากนั้นต้องเว้นไว้ 15 วันตามรัฐธรรมนูญกำหนด เพื่อลงมติวาระ 3 ในวันที่ 10 ก.ย.64
ญัตติซัดประยุทธ์เละไม่มีชิ้นดี
    สำหรับเนื้อหาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้านนั้น  ได้ระบุพฤติการณ์และเรื่องที่จะอภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้คุณธรรมจริยธรรม และไร้ความสามารถเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผู้นำประเทศ ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องเสียหายอย่างร้ายแรงทุกด้าน  ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ทั้งในภาวะปกติและในภาวะวิกฤติ  โดยเฉพาะในยามที่บ้านเมืองต้องประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบันกว่า 19 เดือนเศษ  พล.อ.ประยุทธ์ได้รวมศูนย์อำนาจแบบเบ็ดเสร็จ แต่กลับปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและไม่สุจริต มีพฤติการณ์ฉ้อฉลทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย มติ ครม.  และข้อสั่งการของตนในลักษณะกลืนน้ำลายตัวเอง ปล่อยปละละเลยต่อมาตรการป้องกันควบคุมการระบาดของโรคในหลายเรื่อง จนมีการแพร่ระบาดของโรคจากกลุ่มก้อนเล็กๆ กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศอย่างรวดเร็วจนยากที่จะควบคุม
“ระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลวเกินขีดความสามารถในการบริการประชาชน ปล่อยให้ผู้ป่วยรักษาตัวเองที่บ้าน บางรายทนไม่ไหวต้องตายกลางถนน ตายในรถ หรือตายคาบ้านตนเอง ตายยกครอบครัว  สร้างความหดหู่ใจ ถึงกับมีคำกล่าวว่าประเทศไทยเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร” ญัตติระบุ
ญัตติยังระบุถึงเรื่องการจัดหาวัคซีนของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ล่าช้า เลื่อนลอย ไม่แน่นอนว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนทางเลือกหรือไม่ การตรวจหาเชื้อก็ทำได้ในปริมาณน้อย มีมาตรการไม่แน่นอน เครื่องมือในการตรวจหาเชื้อไม่เพียงพอ และการจัดหาเครื่องมือเป็นไปโดยทุจริต ส่วนมาตรการควบคุมโรคก็ไร้ทิศทาง ผิดเป้าหมาย และแผนงานไร้ประสิทธิภาพ ทั้งการล็อกดาวน์ และการสั่งปิดสถานประกอบการ จนส่งผลกระทบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขณะที่การกู้เงินของรัฐบาลจำนวนมากแต่กลับนำมาใช้จ่ายอย่างไร้ทิศทาง ไม่ลำดับความสำคัญของการใช้เงินงบประมาณที่หมดไปกับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์รู้ดีว่าประเทศตกอยู่ในสงครามของโรคระบาด ไม่ใช่สงครามของการสู้รบ 
    “ท่ามกลางวิกฤตการณ์ดังกล่าวกลับพบว่า พล.อ.ประยุทธ์บริหารราชการแผ่นดินโดยไม่สุจริต มีพฤติการณ์ฉ้อฉล ทุจริตต่อหน้าที่ในหลายเรื่อง ทั้งการจัดหาวัคซีนที่มีพฤติการณ์ปิดบังอำพราง ไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ ไม่ทั่วถึง เลือกปฏิบัติ และไม่มีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งแอบอ้างว่ามีวัคซีนของบริษัทในพระปรมาภิไธยเพื่อมาฉีดให้กับประชาชน  เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบัน มีผลทำให้ยุทธศาสตร์การจัดหาวัคซีนผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น อีกทั้งยังปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและแสวงหาประโยชน์ของบรรดานักการเมือง พวกพ้อง และข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างกว้างขวางในหลายเรื่อง ทั้งการทุจริตเกี่ยวกับการจัดหาและจองวัคซีนล่วงหน้า”
อัดบิ๊กตู่ค้าความตาย
ญัตติระบุอีกว่า พฤติการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์มีลักษณะค้าความตาย เหิมเกริม คิดการใหญ่โตในการสร้างกำไรจากวัคซีนร่วมกับนายอนุทิน โดยหวังการกอบโกยผลประโยชน์บนซากศพและคราบน้ำตาของพี่น้องประชาชน และเมื่อประชาชนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ก็ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือข่มขู่เอาผิดกับประชาชนและลิดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนและประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ยังลุแก่อำนาจสั่งการให้ใช้กำลังปราบปรามประชาชนที่ออกมาชุมนุมอย่างรุนแรงเกินสมควรกว่าเหตุตลอดมา จนกล่าวได้ว่าประเทศกำลังขับเคลื่อนไปด้วยความคับแค้นเกลียดชัง 
ญัตติยังระบุอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลยังปล่อยปละละเลยให้รัฐมนตรีหลายคนกระทำการทุจริตต่อหน้าที่และจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย มติ ครม. และข้อสั่งการนายกฯ โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ละเว้นไม่ติดตามผลข้อสั่งการว่าได้รับการปฏิบัติหรือไม่ นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะ รมว.กลาโหม ยังเห็นชอบและปล่อยปละละเลยให้มีการเสนอและใช้จ่ายงบประมาณในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ไม่มีสถานการณ์การสู้รบใดๆ 
“พล.อ.ประยุทธ์และพวกพ้องไม่ยึดประโยชน์ของประเทศและประชาชนโดยส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ใจดำ ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน ไม่เห็นใจในความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน และจากความโอหังและการเสพติดในอำนาจ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในสภาพของคนเป็นโรคโอหังคลั่งอำนาจ ไม่อยู่ในภาวะที่จะเป็นผู้นำประเทศได้อีกต่อไป ดังนั้นหากปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์บริหารราชการแผ่นดินต่อไป จะทำให้ประชาชนติดเชื้อและเสียชีวิตมากยิ่งขึ้นจนไม่สามารถหาสถานที่ฌาปนกิจได้ทันและเพียงพอ และไม่มีหนทางที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ทั้งจากโรคและการดำรงชีวิต บ้านเมืองจะไร้ซึ่งความสงบสุขร่มเย็น อันนำมาซึ่งความหายนะของประเทศชาติอย่างแท้จริง ตามที่มีการกล่าวกันว่าผู้นำโง่เราจะตายกันหมด เพราะคนโง่คือภัยอันตรายร้ายแรงเมื่อได้กลายเป็นผู้มีอำนาจ" 
    ส่วนนายอนุทินนั้น ญัตติระบุว่า ขาดซึ่งองค์ความรู้ ไร้ซึ่งภูมิปัญญาและความสามารถในการกำกับดูแลงานด้านสาธารณสุขของประเทศ มีพฤติกรรมคุยโม้โอ้อวด ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ฉ้อฉล หลอกลวงประชาชน ส่งผลให้การบริหารงานของ สธ.ล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะการรับมือโรคโควิด-19 มุ่งเน้นแต่จะจัดหาวัคซีนลึกลับแต่ด้อยคุณภาพ วัคซีนสายสัมพันธ์ เป็นการกอบโกยผลประโยชน์บนคราบน้ำตาและความเป็นความตายของประชาชน
    ด้านนายสุชาติ ญัตติระบุว่า เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญาและไร้ความรู้ความสามารถที่จะบริหารราชการของกระทรวงแรงงาน ทำให้ผู้ใช้แรงงานได้รับผลกระทบทั้งระบบ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย กระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ส่อว่าจงใจและมีผลประโยชน์ทับซ้อน ปล่อยปละละเลยให้แรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายปะปนอยู่ในระบบแรงงาน และเกิดการแสวงหาประโยชน์จากแรงงานผิดกฎหมายดังกล่าว จนเป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ซัดน้องเนวินเสเพล
    สำหรับนายศักดิ์สยามนั้น ญัตติระบุว่า มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่  จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง มุ่งแต่แสวงหาและกอบโกยผลประโยชน์จากโครงการขนาดใหญ่ของหน่วยงานที่อยู่ในกำกับดูแล รู้เห็นและปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในการประมูลโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต เข้าบุกรุกครอบครองที่ดินของรัฐเพื่อนำมาเป็นของตนและเครือญาติโดยการฉ้อฉล ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐอย่างร้ายแรง ประพฤติตัวเสเพลไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง 
    ส่วนนายเฉลิมชัย ญัตติระบุว่า บริหารงานด้านการเกษตรล้มเหลวทั้งระบบ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต เข้าไปมีส่วนได้เสียในการเรียกรับผลประโยชน์จากโครงการของหน่วยงานที่กำกับดูแล สร้างความเสียหายแก่รัฐจำนวนมาก
    และนายชัยวุฒิ ญัตติระบุว่า มีพฤติการณ์จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ใช้ตำแหน่งหน้าที่และสื่อของรัฐเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงและสร้างความแตกแยกในสังคม ทำลายบรรทัดฐานอันดีของสังคม มุ่งประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี 
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังระบุว่า การบริหารสถานการณ์โควิด-19 จะเป็นหัวข้อสำคัญในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ  จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมการดำเนินงานของรัฐบาลทุกด้านให้นายกฯ รองนายกฯ และรัฐมนตรีใช้โอกาสนี้ชี้แจงให้ประชาชนรับทราบข้อเท็จจริง และต้องมีการสื่อสารลงไปในระดับพื้นที่ด้วย
ขณะที่นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า เท่าที่ได้อ่านญัตติมีการใส่ดรามาเข้าไปเยอะเหลือเกินเพื่อโจมตีนายอนุทิน และยังแปลกใจว่านี่หรือคืองานนำเสนอของผู้ที่เรียกตัวเองว่าผู้แทนราษฎร เป็นการตัดแปะข้อมูลมาผสมให้คนอ่านเกิดความเกลียดชัง สร้างความแตกแยกให้สังคม ไม่สนใจความเป็นไปของทั้งโลก อ่านเอกสารยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วละเหี่ยใจ ไม่มีพัฒนาการ ดีแต่ใช้คำรุนแรง ด่าเหน็บแนมเสียดสี ดูหมิ่นดูแคลน  มันควรเป็นเวทีเพื่อตรวจสอบการทำงาน หาทางพาบ้านเมืองไปข้างหน้า ไม่ใช่อีเวนต์มาสาดโคลนใส่กัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"