โรงงานผลิตวัคซีนชีววัตถุ อภ. คว้ารางวัลระดับโลก 'FOYA' 2021


เพิ่มเพื่อน    

21 ส.ค.64-  นพ.วิฑูรย์  ด่านวิบูลย์  ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า โรงงานผลิต(วัคซีน)ชีววัตถุ ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ของ องค์การเภสัชกรรม ซึ่งเป็นโรงงานตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เข้าร่วมการประกวดรางวัล Facility of the Year Awards 2021 (FOYA) ของสมาคม International Society for Pharmaceutical Engineering หรือ ISPE ซึ่งเป็นองค์กรระดับนานาชาติมีสมาชิกที่ดำเนินการด้านเทคโนโลยีและวิศวเภสัชกรรมกว่า 18,000 ราย อยู่ในมากกว่า 90 ประเทศ โดยคณะกรรมการผู้ตัดสินรางวัลซึ่งล้วนเป็นผู้นำอุตสาหกรรมที่โดดเด่น และมีประสบการณ์ระดับโลกมากมาย ได้พิจารณาให้โรงงานผลิต(วัคซีน)ชีววัตถุ ของ อภ.รับรางวัลสาขา Social Impact จาก 6 สาขารางวัลที่มีการจัดมอบปีนี้ทั้งหมด ได้แก่ สาขา Facility Integration สาขา Operational Excellence สาขา Project Execution  สาขา Process Intelligence and Innovation สาขา Social Impact และรางวัลพิเศษ Special Recognition Award for Operational Agility: COVID-19 Impact 


“การที่โรงงานผลิตวัคซีนได้รับรางวัลระดับโลกในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งกำลังใจสำคัญสำหรับผู้ปฏิบัติงานให้มุ่งมั่นพัฒนาการผลิตวัคซีนที่มีคุณภาพ สร้างความมั่นคงและยั่งยืนด้านวัคซีนให้กับประเทศไทย ทั้งในสถานการณ์ปกติและสถานการณ์ที่มีการระบาดของโรค โดยพิธีมอบรางวัลอย่างเป็นทางการจะจัดขึ้นในงาน ISPE Annual Meeting and Expo ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2564 ที่เมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา” 


   ด้าน นายกิตติศักดิ์  ภูพิพัฒน์ผล ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ องค์การเภสัชกรรม ซึ่งรับผิดชอบงานด้านวัคซีนและชีววัตถุ กล่าวว่า โรงงานผลิต(วัคซีน)ชีววัตถุ ของ องค์การฯที่ ได้รับรางวัลระดับโลกครั้งนี้ มีผลงานที่โดดเด่น ด้านนวัตกรรมการพัฒนาและผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 นี้ ได้นำเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโดยใช้ไข่ไก่ฟักที่มีศักยภาพและความพร้อมอยู่แล้ว มาปรับใช้ในการผลิตวัคซีนโควิด-19 โดยองค์การฯได้ นำเชื้อไวรัสตั้งต้นที่ได้รับจากองค์กร PATH ภายใต้ข้อตกลงระหว่าง PATH กับโรงเรียนแพทย์ Icahn School of Medicine at Mount Sinai และมหาวิทยาลัยเทกซัส (University of Texas at Austin) มาวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19  ขณะนี้การศึกษาวิจัยในมนุษย์ในระยะที่ 1 ได้ผลการวิเคราะห์ภูมิคุ้มกันที่ 14 วัน หลังจากได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว และได้เริ่มทำการศึกษาวิจัยในมนุษย์ระยะที่ 2 แล้ว  และจะดำเนินการในระยะที่ 3 ต่อไป โดยจะเริ่มทำการผลิตในระดับอุตสาหกรรมหลังจากวัคซีนได้รับทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา คาดว่าภายในปี 2565 จะยื่นขอรับทะเบียนตำรับและเริ่มผลิตวัคซีนในเชิงอุตสาหกรรมเพื่อนำมาใช้ได้ โดยมีกำลังการผลิต 20-30 ล้านโดสต่อปี”


“ที่สำคัญโรงงานแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เชิงสังคม สร้างความมั่นคงยั่งยืนด้านวัคซีนของประเทศไทย เพิ่มการเข้าถึงวัคซีนทั้งสถานการณ์ปกติและป้องกันการขาดแคลนของวัคซีนในประเทศจากสถานการณ์การระบาดของโรคหรือเมื่อเกิดวิกฤตด้านสุขภาพภายในประเทศต่าง ๆ  โรงงานถูกออกแบบให้มีความยั่งยืนเป็นโรงงานสีเขียว (Green Factory) มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยของเสียออกสู่ภายนอก ด้วยระบบการกำจัดของเสียจากกระบวนการทำงานเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ลดการปล่อยคาร์บอน ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop ) ทุกอาคาร ซึ่งเป็นมิตรและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม” 
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"