แอสตร้ามอบ61ล้านโดสแน่ ดันยอดวัคซีนเร็วกว่าแผน!


เพิ่มเพื่อน    

นายกฯ ประชุมทางไกลกับซีอีโอแอสตร้าเซนเนก้า  ได้รับคำยืนยันส่งมอบวัคซีนครบ 61 ล้านโดสภายในปีนี้แน่นอน ดันยอดวัคซีนรวม 120 ล้านโดส ครอบคลุมประชากรกว่า 60 ล้านคน เร็วกว่าแผน! ปีหน้าซื้อสูตรใหม่อีก 60 ล้านโดส ขณะที่คนไทยฉีดวัคซีนแล้ว 27 ล้านโดส
    เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมเรื่องวัคซีน ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือถึงแนวทางการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในประเทศไทยให้เป็นไปตามเป้าหมายในปีนี้ 100 ล้านโดส
    นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า  พล.อ.ประยุทธ์ประชุมทางไกลร่วมกับนายปาสคาล โซริออต (Mr.Pascal Claude Roland Soriot) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า จำกัด หารือกรอบความร่วมมือด้านสาธารณสุขในการป้องกันโควิด-19 ในภาวะที่มีการแพร่ระบาดจากไวรัสกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว โดยบริษัท แอสตร้าเซนเนก้าฯ ได้ประสานความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ยืนยันจะเร่งส่งมอบวัคซีนที่เหลือให้ครบ 61 ล้านโดส ภายในเดือนธันวาคม 2564 อย่างแน่นอน 
    ซึ่งจะช่วยทำให้จำนวนยอดการจัดหาวัคซีนทุกประเภทในสิ้นปีนี้มีรวมกันเกินกว่า 120 ล้านโดส ครอบคลุมประชากรกว่า 60 ล้านคน  ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่ตั้งเป้าจะจัดหาวัคซีน 100 ล้านโดส สำหรับประชากร 50 ล้านคน ถือเป็นข่าวดีต่อการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ที่เร็วขึ้น  ลดภาระระบบสาธารณสุขไทย ช่วยให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติและฟื้นฟูเศรษฐกิจได้เร็วขึ้นอีกด้วย
    โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า จำกัด ได้หารือในการเตรียมป้องกันโควิด-19 ในปีหน้าที่อาจมีการกลายพันธุ์เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัท แอสตร้าเซนเนก้าฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 สูตรใหม่เพิ่มประสิทธิภาพ ให้สามารถป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ได้ดียิ่งขึ้น โดยไทยยังมีสิทธิ์เลือกวัคชีนสูตรใหม่นี้เพื่อรับมือวิวัฒนาการของไวรัสได้ดีขึ้นด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลไทยยังมีแผนสั่งซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเพิ่มอีก  60 ล้านโดสสำหรับปี 2565 ซึ่งคาดว่าข้อตกลงดังกล่าวจะสรุปได้ภายในเดือนกันยายน 2564
    นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โควิด-19 (ศบค.) แถลงว่า เมื่อวันที่ 22 ส.ค. มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 206,820 โดส ทำให้มียอดรวมฉีดไปแล้ว 27,038,999 โดส โดยจำนวนนี้เป็นเข็มแรก 20,430,028 โดส ซึ่งการฉีดวัคซีนเข็มแรกจะทำให้ลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิตลงได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนสูงอายุและมีโรคประจำตัว ซึ่งในกรุงเทพฯ มีผู้สูงอายุฉีดวัคซีนไปแล้วร้อยละ 80-90 แต่ในภาคอีสานพบปัญหาคนสูงอายุที่ไม่ค่อยได้เดินทางไปไหน ไม่อยากได้รับการรักษา รวมถึงไม่อยากฉีดวัคซีน อีกทั้งยังพบบางชุดข้อมูลทำให้คนกลุ่มนี้กลัวการฉีดวัคซีน   
    กระทรวงสาธารณสุขพยายามเปลี่ยนความคิดคนกลุ่มนี้ เพื่อให้เข้ามารับวัคซีนลดการเสียชีวิตและป่วยหนัก ให้คนอีสานได้รับฟังข้อมูลตรงนี้ โดยขณะนี้มีวัคซีนกระจายตัวไปต่างจังหวัดเป็นล้านโดส ถ้าได้ฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรกและได้เข็มสองใน 3 สัปดาห์ จึงขอสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในภาคอีสานเข้ามาฉีดวัคซีนโดยเร็ว 
    นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวถึงกรณีมีการเปิดจองวัคซีนไฟเซอร์แบบจ่ายเงินว่า กระทรวงสาธารณสุขและคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องวัคซีนแจ้งว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเฟกนิวส์ เป็นข่าวเท็จ จึงขออย่าได้แชร์ บางคนนำสลิปการจ่ายเงินมาแสดง ต้องบอกว่าตอนนี้กำลังถูกแก๊งหรือคนที่ไม่ประสงค์ดีหลอกลวง เนื่องจากไฟเซอร์เป็นหนึ่งในวัคซีนที่รัฐจัดหาให้  และล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุขได้ลงนามสัญญา ขณะที่บริษัทยืนยันว่าจะส่งมอบให้ไตรมาส 4 ดังนั้นการฉีดไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ถ้ามีการบอกว่าให้ชำระเงินมาก่อนแล้วจะได้เร็วขึ้น ยืนยันว่าไม่ใช่ และขอให้ประชาชนฟังข้อมูลข่าวสารจากภาครัฐที่นำมาแถลงให้ทราบ
    นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “ขยับเข้าใกล้เป้าหมาย 100 ล้านโดส ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ผมเอาใจช่วยให้รัฐบาลสามารถฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าปี 64 ที่ 100 ล้านโดส และผมก็หวังว่าคนไทยทุกคนเอาใจช่วยให้รัฐบาลทำสำเร็จ เพราะนี่คือแผนที่จะทำให้เราสามารถจัดการกับโรคได้ หากใครมานั่งแช่งในเรื่องนี้ก็แย่เต็มทน แต่ผมก็เชื่อว่ามีแน่นอน  เพราะการเมืองไทยระยะหลังเล่นกันแรงมาก มาถึงจุดนี้ผมเชื่อว่าเป้าฉีดให้ได้ 100 ล้านโดส เราจะไปถึงจุดนั้นได้ ด้วยปัจจัยบวก 2 ข้อ คือ 1.จำนวนวัคซีนที่ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ และ 2.การขยายจุดฉีดที่กระจายไปยังต่างจังหวัด
    ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ ผมลองทำใจให้สงบแล้วหาข้อมูล ก่อนจะพบว่ารัฐบาลไทยสามารถสั่งวัคซีน เพื่อนำมาฉีดให้ประชาชนในฐานะสิทธิด้านสุขภาพกว่า 110 ล้านโดส แบ่งเป็นแอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส ซิโนแวค 19.5 ล้านโดส และไฟเซอร์ 30 ล้านโดส เหล่านี้บรรลุสัญญาแล้ว และมีการทยอยส่งมอบตลอดปีนี้แน่นอน ยังไม่นับรวมจำนวนวัคซีนที่นานาชาติสนับสนุนไทย ไปจนถึงวัคซีนทางเลือกที่มีการสั่งเข้ามาตลอด เท่ากับเราได้คลี่คลายปัญหาเรื่องการจัดหาไปได้ ในส่วนของการกระจายฉีดวัคซีน นโยบายภาครัฐล่าสุดคือ ให้ระดมฉีดในต่างจังหวัด หลังจากฉีดกลุ่มเสี่ยงในกรุงเทพฯ ได้ตามเป้า ล่าสุดเร่งให้ รพ.สต.ทั่วประเทศเป็นจุดบริการวัคซีน เพราะมีทั้งความพร้อมและเครื่องมือ  เท่ากับเราจะมีจุดฉีดเพิ่มขึ้นมาอีกจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่  ขณะที่ฝ่ายหนึ่งจ้องวิจารณ์ แต่คนทำงานก็ยังคงขันแข็งปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เนื่องจากประเทศไทยมีคนอยู่ 2 กลุ่ม คือ คนที่วิจารณ์กับคนที่ทำงาน และเราเดินไปข้างหน้าได้เพราะคนกลุ่มนี้ สู่เป้าหมาย 100 ล้านโดส"
    นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนเอาผิดอธิบดีและรองอธิบดีกรมควบคุมโรค,  ผอ.สถาบันบำราศนราดูร นนทบุรี และอภิสิทธิ์ชนอีก 214 คน ที่ได้รับการฉีดเข็มที่ 4 ไปแล้ว ฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. 2561 
    "เชื่อว่าน่าจะเป็นพวกอภิสิทธิ์ชนที่เป็นพรรคพวกเดียวกันกับผู้อนุมัติอนุญาต ซึ่กรณีดังกล่าวรัฐบาลโดย ศบค.ปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้อย่างไร ไม่ละอายใจกันบ้างเลยหรือไร ยิ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย ที่มีมูลเหตุมาจากพวกอภิสิทธิ์ชนและผู้มีอำนาจเหล่านี้นี่เอง" นายศรีสุวรรณกล่าว
    ที่เทศบาลตำบลบ่อทอง ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี สาธารณสุขจังหวัดร่วมกับเทศบาลตำบลบ่อทองเปิดบริการฉีดวัคซีนให้ประชาชน 1,000 คน ปรากฏว่าเกินเป้า เนื่องจาก พ.จ.อ. มาหามุ หวังจิ นายกเทศมนตรีตำบลบ่อทอง ใช้เงินส่วนตัวลงทุนซื้อข้าวสารขนาด 5 กิโลกรัม กว่า 1,000 ถุง แจกให้ผู้มารับวัคซีนทุกคน อีกทั้งมีการจับฉลากรับเงินรางวัล 10,000 บาทอีกด้วย และเมื่อชาวบ้านทราบข่าวก็อยากได้ข้าวสารกับเงินรางวัลดังกล่าว ส่งผลให้ชาวบ้านทุกสารทิศแห่มารับวัคซีนกันอย่างคึกคัก.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"