สถานการณ์โควิดและวัคซีน


เพิ่มเพื่อน    

ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 สถานการณ์โควิดของประเทศไทยอยู่ในสภาพที่เลวร้ายมากๆ ทำให้เราต้องมีมาตรการควบคุมหลายอย่าง จนธุรกิจบางธุรกิจต้องปิดไป บางธุรกิจแม้จะไม่ปิดก็ไม่อาจจะดำเนินการได้เต็มที่ ทำให้ประชาชนต้องเผชิญกับปัญหาด้านโรคภัยไข้เจ็บและปัญหาด้านเศรษฐกิจ บางคนรายได้ลด บางคนถูกเลิกจ้าง ไม่มีรายได้ บางคนหากินไม่ได้ ต้องหยุดธุรกิจไปเลย แม้รัฐบาลจะพยายามหาทางเยียวยา แต่ก็ไม่เหมือนกับการหากินได้ตามปรกติ

วัคซีนที่เป็นความหวังของประชาชนก็มีปัญหา จำนวนที่ได้มาก็ไม่เพียงพอที่จะจัดการฉีดให้ได้จำนวนมากๆ เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ที่ได้มาก็ไม่สามารถจัดการกระจายและจัดการฉีดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนมองว่ามีการกระจายวัคซีนที่ไม่เป็นธรรม การจัดการฉีดมีปัญหา บางที่ควรได้มากกลับได้น้อย บางที่ควรได้น้อยกลับได้มาก การลงทะเบียนก็ยุ่งยาก ลงทะเบียนได้แล้วก็มีการเลื่อนฉีด บางแห่งก็เป็นการเลื่อนอย่างไม่มีกำหนด ทำให้ประชาชนก่นด่าและผิดหวังกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ แล้วก็เกิดอารมณ์ไม่พอใจรัฐบาล บางคนที่เกลียดรัฐบาลอยู่แล้วก็ยิ่งเกลียดมากขึ้น บางคนที่เคยเป็นแนวร่วมรัฐบาลก็เริ่มไม่พอใจรัฐบาล ไม่ต้องการที่จะสนับสนุนรัฐบาลอีกต่อไป มองว่ารัฐบาลล้มเหลวเรื่องการจัดหาวัคซีนและการจัดการฉีดวัคซีน

นอกเหนือจากปัญหาความรุนแรงของโควิดและการจัดการวัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งจำนวนและการกระจายวัคซีนแล้ว ประเทศไทยเรายังเผชิญกับความขัดแย้งที่ทำให้ฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาลพยายามที่จะด้อยค่ารัฐบาล ด้วยการกล่าวหาว่ารัฐบาลล้มเหลวในการจัดการกับโควิดและการจัดหาวัคซีน บางคนก็ตำหนิเรื่องที่รัฐบาลบกพร่องจริง บางคนก็กล่าวหารัฐบาลด้วยข่าวเท็จ บางคนก็แย้งรัฐบาลทุกเรื่อง ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไร จะต้องแสดงความคิดเห็นสวนทางกับการทำงานของรัฐบาลไปทุกเรื่อง และเรื่องที่เลวร้ายที่สุดก็คือการด้อยค่าวัคซีน Sinovac ที่รัฐบาลสามารถจัดหาได้จำนวนมากและสามารถสั่งซื้อได้ทันที และมีการเรียกหาวัคซีน mRna ได้แก่ Pfizer และ Moderna ที่รัฐบาลไม่อาจหาซื้อได้ในเวลาที่รวดเร็ว

การออกมาให้ข่าวด้อยค่า Sinovac ทำให้มีประชาชนจำนวนหนึ่งปฏิเสธที่จะฉีดวัคซีน Sinovac รอที่จะฉีด Pfizer หรือ Moderna เท่านั้น ทำให้คนเหล่านี้บางคนติดโควิดและเสียชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคเรื้อรัง ทำให้จำนวนผู้ตายในปี 2564 นี้มีจำนวนสูงมากกว่า 300 คนในบางวัน และส่วนใหญ่จะเป็นจำนวนมากกว่า 200 คนทุกวัน มีคนที่ป่วยหนักมากกว่า 5,000 คน และในจำนวนดังกล่าวนี้ต้องใช้เครื่องหายใจมากกว่า 1,000 คน ทำให้ประชาชนมีความกลัว วิตกกังวล เพราะเวลานี้คนที่ติดโควิดและคนที่ตายเพราะโควิดนั้นเริ่มเข้าใกล้ตัวเข้ามาเรื่อยๆ

เมื่อปัญหาของโรคระบาดรุนแรง รัฐบาลก็มีความจำเป็นที่จะต้องหามาตรการยับยั้งการแพร่ระบาด ซึ่งก็หนีไม่พ้นการปิดกิจกรรมหลายๆ อย่าง การกำหนดการออกจากเคหสถาน การงดกิจกรรมบางอย่างที่เป็นการขัดใจประชาชน เช่น การจัดงานเลี้ยง การจัดงานตามธรรมเนียมประเพณีบางอย่าง การขาดรายได้ และการที่จะต้องงดกิจกรรมที่อยากทำทั้งหลายนั้น ส่งผลทำให้ความไม่พอใจรัฐบาลสูงขึ้น ฝ่ายที่อยู่ตรงกันข้ามกับรัฐบาลบางคนก็ได้ทีขี่แพะไล่ เห็นว่าประชาชนจำนวนมากไม่พอใจรัฐบาลในเรื่องการจัดการยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิดและการจัดการฉีดวัคซีน จึงขย่มรัฐบาลกันใหญ่ บางคนล่ารายชื่อเชิญชวนให้ฟ้องว่ารัฐบาลเป็นฆาตกร บางคนก็กล่าวหาว่าที่รัฐบาลล้มเหลวในการจัดการโควิดและการจัดหาวัคซีน มาจากการโกงกินของรัฐบาลในการจัดหาซื้อยาและเวชภัณฑ์ต่างๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีความจริงเชิงประจักษ์ใดๆ แต่ก็สามารถพูดให้คนเชื่อได้ โดยเฉพาะฝ่ายที่อยู่ตรงกันข้ามรัฐบาลอยู่แล้ว

แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่ฝ่ายที่อยู่ตรงกันข้ามกับรัฐบาล แต่เป็นฝ่ายที่เป็นแนวร่วมกับรัฐบาล ที่หลายคนกำลังหวั่นไหวเอนเอียง กำลังจะเปลี่ยนใจ เลิกเป็นแนวร่วมของรัฐบาล และพร้อมจะเป็นแนวร่วมกับฝ่ายที่ขับไล่รัฐบาล ด้วยความคิดที่ว่า เมื่อไม่สามารถจัดการอย่างมีประสิทธิภาพได้ก็ควรจะลาออกไป แล้วให้คนอื่นที่มีฝีมือดีกว่าเข้ามาทำแทน เป็นเหตุทำให้รัฐบาลต้องปรับเปลี่ยนแนวทางในการทำงาน เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด จัดหาวัคซีน และกระจายวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม

สิ้นเดือนสิงหาคม เราจะมีวัคซีนทั้งหมด 40 ล้านเข็ม หลังจากนั้นในเดือนกันยายนเราจะมีมาเพิ่มอีก 15 ล้านเข็ม เดือนตุลาคม พฤศจิกายน และเดือนธันวาคม เราจะมีวัคซีนมาอีกเดือนละ 17 ล้านเข็ม จนถึงสิ้นปีเราจะมีวัคซีน 110 ล้านเข็ม ถ้าหากต้องการคนละ 2 เข็ม เราก็จะสามารถฉีดให้ประชาชนได้มากกว่า 50 ล้านคน ที่เป็นจำนวน 70% ของประชากรทั้งหมดของประเทศ สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ โดยมีสมมุติฐานว่าการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่จะเกิดขึ้นได้เมื่อประชาชนได้ฉีดวัคซีนมากกว่า 70%

จำนวนวัคซีนที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ประกอบไปด้วย Sinovac, Sinopharm, Astra Zeneca และ Pfizer ที่รัฐบาลเป็นผู้จัดหาให้ประชาชนได้ฉีดฟรี และเราอาจจะมี Moderna มาเพิ่มเติมอีก วัคซีนทางเลือกที่ประชาชนสามารถจ่ายเงินฉีดเป็น Booster dose หรือเข็มกระตุ้นได้อีก รวมกับจำนวนคนที่เคยติดเชื้อแล้วรักษาหายอีกเป็นล้านคน ตามจำนวนผู้ติดเชื้อที่ตอนนี้มากกว่าล้านคนแล้ว ดังนั้นก่อนสิ้นปีนี้เราน่าจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ด้วยเงื่อนไขดังต่อไปนี้

  • เราสามารถจัดหาวัคซีนได้มากพอสำหรับให้ประชาชนมากกว่า 50 ล้านคนฉีดได้คนละ 2 เข็ม
  • เราสามารถบริหารจัดการฉีดวัคซีนให้ได้เฉลี่ยวันละ 500,000 เข็มในทุกๆ วันจากนี้เป็นต้นไป
  • ประชาชนมีความเต็มใจที่จะฉีดวัคซีนโดยไม่เกี่ยวยี่ห้อตามที่หมอจัดให้ด้วยความมั่นใจ
  • วัคซีนที่มีอยู่นี้สามารถรับมือกับการกลายพันธุ์ของวัคซีนได้
  • ไม่มีความพยายามปล่อยข่าวลวงด้อยค่าวัคซีนที่ทำให้ประชาชนกลัวที่จะต้องฉีดวัคซีน
  • ประชาชนให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการที่ ศบค.กำหนดโดยเคร่งครัด
  • เจ้าของกิจการให้ความร่วมมือในการบริหารจัดการพนักงานไม่ให้เกิดการระบาดเป็น Cluster
  • อัตราของการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ยังอยู่บนสมมุติฐานที่ประชากรได้รับวัคซีน 2 เข็มเป็นจำนวน 70%

ถ้าหากเงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้เป็นจริงได้ การเปิดประเทศในกลางไตรมาสที่ 4 น่าจะเป็นไปได้ ซึ่งก็จะห่างจากเป้าหมาย 120 วันไม่มากนัก และถ้าหากไม่อาจจะเปิดประเทศได้ทั้งหมด ก็คงจะเปิดได้เกือบหมด ธุรกิจต่างๆ จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ พวกเราต้องมีวินัย นักการเมืองทุกคนต้องหวังดีกับประเทศชาติและประชาชน ไม่มองหาความล้มเหลวในการจัดการโควิดของรัฐบาลมาเป็นเงื่อนไขในการขับไล่รัฐบาล จนเกิดการปล่อยข่าวลวงเพื่อด้อยค่าการทำงานของรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนชิงชังรัฐบาลและไม่ยอมร่วมมือกับรัฐบาล ทำให้การแก้ไขปัญหาที่เกิดจากวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ทำได้ยากกว่าที่ควรจะเป็น.  

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"