พท.ยัน‘บิ๊กตู่’ลงคนเลิกตาย


เพิ่มเพื่อน    

 โหมโรงศึกซักฟอก น้ำลายยังท่วมเหมือนเดิม เพื่อไทย ยืนยันเล่นทั้งในและนอกสภา ปลุกม็อบร่วมไล่รัฐบาล ทุบโต๊ะความเจ็บป่วยล้มตายและความอดอยากของประชาชนแก้ได้ด้วยการเปลี่ยนตัวนายกฯ และรัฐบาลเท่านั้น ติดโควิดทะลุล้าน ตายทะลุหมื่น ยิ่งกว่าใบเสร็จ "เสกสกล" ด่ากลับพวกสร้างภาพจอมปลอม ตบตาหลอกประชาชน  ไม่ต่างกับสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์กระหายเหยื่อกระหายอำนาจ

    เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2564 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม  พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม - 4 กันยายนว่า จะเป็นการอภิปรายเพื่อขอชีวิตขออนาคตประเทศไทยคืนจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และต้องทำให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง พรรคเพื่อไทยจะสร้างความเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆ กับประชาชน กล่าวคือในสภาก็จะอภิปรายอย่างเต็มที่ นอกสภาพี่น้องประชาชนก็จะร่วมอภิปรายไปด้วย  เพื่อบอกกับรัฐบาลว่าเราพบเห็นปัญหาอะไร พี่น้องเดือดร้อนลำบากแค่ไหน
    "แน่นอนว่าพลังการยกมือในสภาผู้แทนราษฎรของฝ่ายค้านอาจไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ แต่พลังการยกมือของพี่น้องประชาชนด้านนอกสภา จะเป็นพลังสำคัญในการชี้ขาดว่าการลงคะแนนในสภาจะเป็นเงาสะท้อนจากประชาชนไปสู่รัฐบาล การอภิปรายนี้จึงเป็นมิติใหม่ของการอภิปรายร่วมพร้อมกันทั้งในสภาและนอกสภา"
    นายสุทินกล่าวว่า แม้รัฐบาลจะรู้อยู่เต็มอกว่าฝ่ายค้านจะถามอะไร  แต่ฝ่ายรัฐบาลก็ตอบไม่ได้ เพราะรัฐบาลทำไม่ได้ ไม่รู้ถึงปัญหาและแก้ปัญหาที่ผ่านมาด้วยกลวิธีซ่อนเร้น รัฐบาลเถลิงอำนาจ อายุรัฐบาลที่ต่อออกไปแลกกับชีวิตของประชาชน
    "คุณกำลังทุจริตบนความตาย หากินบนความตาย และเอาเงินของลูกหลานในอนาคตมาแลกกับอายุรัฐบาลในวันนี้ ซึ่งลูกหลานเราจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากความเจ็บปวด ความตายและความอดอยาก แล้วที่สำคัญการจะออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมโควิด หนีความผิด คืออาการของคนที่คิดว่าตอบไม่ได้ สู้ไม่ได้"
     เขากล่าวว่า วันนี้ความเจ็บป่วยล้มตายและความอดอยากของประชาชน จะแก้ไขได้ด้วยการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเท่านั้น และนี่จะเป็นฉันทามติประชาชนที่ต้องการมาแก้ไขปัญหาที่ดีกว่านี้  ดังนั้นจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล วันที่ 31 สิงหาคม - 4 กันยายน แล้วมาร่วมไล่ประยุทธ์ พร้อมกัน
      ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า  เกือบ 8 ปีที่ พล.อ.ประยุทธ์ครองอำนาจ ล้มเหลวแทบทุกด้าน คำสัญญาปฏิรูปก่อนเลือกตั้งเป็นเพียงข้ออ้างในการยึดอำนาจ การปฏิรูปตำรวจเห็นชัดที่สุดว่าเป็นเพียงไอโอชวนเชื่อที่ว่างเปล่า การแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผิดพลาดล้มเหลวซ้ำซากเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ประชาชนจะไม่ทนอีกต่อไป
    การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านและกระบวนการมีส่วนร่วมภาคประชาชนพร้อมที่สุดครั้งหนึ่ง สวนทางกับรัฐบาลที่กำลังอยู่ในภาวะเปราะบาง ขาลงเต็มสูบ การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ได้ขาดแคลนข้อมูล แต่ข้อมูลเยอะมาก เมื่อจัดระเบียบข้อมูลแล้วจะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ครอบคลุมครบถ้วน ประชาชนที่ติดตามการอภิปรายจะรอดูว่า จะมีนักการเมืองคนใดพรรคใดกล้ายกมือไว้วางใจรัฐบาล สวนประชาชนที่ไม่ไว้วางใจไม่เชื่อมั่นรัฐบาล  
    "เลิกไอโอเลิกพูดได้แล้วว่าประเทศไหนก็ติดโควิด ต้องดูความเป็นจริงด้วยว่า เมื่อมีปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์บริหารจัดการแบบแก้ปัญหาหรือแก้แบบซ้ำเติมสถานการณ์ หลายสถาบันจากต่างประเทศทั้งนิเกอิ เอเชีย,  บลูมเบิร์ก ต่างก็ประเมินว่าไทยรั้งท้ายอันดับโลกดัชนีฟื้นตัวจากโควิด"
ตายทะลุหมื่นยิ่งกว่าใบเสร็จ
    เขากล่าวว่า ประชาชนตั้งคำถามว่าถ้าไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่จะลดลงหรือไม่ มาตรการคลายล็อกดาวน์จะเกิดขึ้นในช่วงนี้หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้มีคำถามมาตลอดว่า การล็อกดาวน์แบบไม่มียุทธศาสตร์รองรับไม่ได้ตอบโจทย์การแก้ปัญหา
     “4 กันยายน ประชาชนจะรอดูว่าใครบ้างที่กล้าโหวตไว้วางใจรัฐบาล ถ้ากล้ายกมือโหวตสวนประชาชน เท่ากับว่าไม่ได้ยินเสียงร้องไห้  ไม่รับรู้ความสูญเสีย เดือดร้อนทุกข์เข็ญของประชาชน ติดทะลุล้าน ตายทะลุหมื่น ยิ่งกว่าใบเสร็จ รัฐบาลไปไม่ได้แล้ว” นายอนุสรณ์กล่าว  
    นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีชื่อที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ได้พูดคุยกับนายเฉลิมชัยแล้ว ยืนยันว่าไม่มีอะไรกังวล มั่นใจตอบคำถามได้ และพรรคพร้อมที่จะสนับสนุน  ส่วนตัวก็มั่นใจในการทำหน้าที่ของนายเฉลิมชัยในฐานะเลขาธิการพรรคทุกประการ
    "ไม่ได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลเรื่องการลงมติและผลคะแนนหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ได้รู้สึกกดดัน แต่ก็ตอบได้ยากว่าผลคะแนนจะเท่ากันทุกคนหรือไม่ พรรคประชาธิปัตย์พร้อมสนับสนุนพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค เพราะอยู่ด้วยกันต้องไว้เนื้อเชื่อใจกัน สุดท้ายใครจะได้คะแนนเท่าใดไม่สามารถตอบได้"
    หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า สำหรับกระแสข่าวจะมีการเปลี่ยนพรรคร่วมรัฐบาลภายหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยอาจจะเปลี่ยนพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันออกและให้พรรคเพื่อไทยเป็นแทนนั้น ไม่ได้ยินข่าว ต้องไปถามต้นตอพรรคที่กล่าวอ้างว่าจริงหรือไม่ แต่ยืนยันในส่วนประชาธิปัตย์อยู่ตรงไหนก็ทำหน้าที่ได้ หัวใจสำคัญคือการทำหน้าที่ให้เต็มกำลังความสามารถ ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วทั้งตอนที่เป็นฝ่ายค้าน และวันนี้เป็นรัฐบาลทำหน้าที่ตามรับผิดชอบ ไม่มีอะไรกังวล
    ขณะที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายสุทินที่เชิญชวนประชาชนติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมไล่นายกฯ พร้อมกันทั้งในและนอกสภาว่า ตลอดการบริหารราชการแผ่นดินนายกฯ และรัฐบาลบริหารงานอย่างโปร่งใส ทุ่มเทการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประเทศ และช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอด  ดังนั้นนายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจจึงไม่ได้กลัวการถูกอภิปราย และพร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงทุกประเด็นที่ฝ่ายค้านและประชาชนสงสัย
    ส่วนการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ตนเองยืนยันว่านายกฯ ชี้แจงได้อย่างแน่นอน เพราะเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี  และการระบาดก็เป็นการระบาดไปทั่วโลก นายกฯ และรัฐมนตรี รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลย  แต่ยังได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย ขณะเดียวกันก็ไม่มีใครอยากให้มีผู้ติดเชื้อหรือผู้เสียชีวิตแม้แต่คนเดียว ดังนั้นพรรคฝ่ายค้านก็ไม่ควรหยิบมาเป็นประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรี
สร้างภาพจอมปลอม
    “หรืออาจเป็นเพราะว่าพรรคฝ่ายค้านไม่มีประเด็นอะไรที่จะนำมาอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีแล้ว จึงหยิบประเด็นคนป่วย คนเสียชีวิตมาอภิปราย นอกจากนี้มองว่าการอภิปรายของฝ่ายค้านก็คงจะเป็นเรื่องเดิมๆ ที่บรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทยนำมาแถลงข่าวรายวัน แล้วนำมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมกันนี้ขอให้ประชาชนได้รับฟังการชี้แจงของนายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายก่อน อย่าไปหลงเชื่อพรรคฝ่ายค้านที่ออกมาปลุกระดมให้ลงชื่อไล่นายกฯ เพราะพรรคฝ่ายค้านทำเพื่อประโยชน์ของฝ่ายค้านเอง ไม่ใช่เพื่อประชาชน”
    "การออกมาแสดงท่าทีแต่ละเรื่อง เป็นการสร้างภาพจอมปลอม ตบตาหลอกประชาชาชนให้หลงเชื่อ เพื่อสร้างภาพพจน์ให้ดูดีในสายตาประชาชน สุดท้ายก็ไม่ต่างกับสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์กระหายเหยื่อกระหายอำนาจ จนทำให้บ้านเมืองสับสนวุ่นวาย ทำตัวเป็นตัวถ่วงความเจริญของบ้านเมือง น่าขยะแขยงผิดหวังนักการเมืองพรรคการเมืองประเภทนี้ที่สุด"
    นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.)  เตรียมจัดกิจกรรมชุมนุมใหญ่ “Car Mob – Call Out” ในวันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคมว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการบริหารราชการด้วย  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19  การรวมกลุ่มกันของคนจำนวนมากถือว่าเป็นการละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งจะมีความผิดทางอาญา โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน  40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย จึงอยากฝากไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมว่าไม่อยากให้ทำผิดกฎหมาย รวมทั้งไม่ควรละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น โดยเฉพาะประชาชนส่วนใหญ่ที่ใช้รถใช้ถนนและการจราจรต่างๆ  
    ทั้งนี้ ในระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม - 2 กันยายนนี้ จะมีการเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งผู้ชุมนุมหรือผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง สามารถนำเสนอความคิดเห็นต่างๆ ผ่านผู้แทนราษฎร เพื่อสอบถามนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐบาลได้ตามวิถีประชาธิปไตยสากล        
    นายธนกรกล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความห่วงใยต่อการชุมนุมในแต่ละครั้ง โดยเฉพาะความปลอดภัยทั้งของผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ ซึ่งอาจกลายเป็นคลัสเตอร์การแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ ที่ผ่านมาจึงกำชับเจ้าหน้าที่ให้ใช้ความอดทนสูงสุดในการดูแลการชุมนุม และทำงานโดยยึดหลักสากล อย่างไรก็ตามสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น พล.อ.ประยุทธ์พร้อมชี้แจงในทุกข้อกล่าวหา ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่ประชาชนจะได้รับทราบข้อเท็จจริงถึงการทำงานของรัฐบาลที่มุ่งแก้ปัญหาโควิด-19  และเดินหน้าเยียวยาทางเศรษฐกิจด้วย เพราะนายกรัฐมนตรีย้ำเสมอว่า ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์ทางการเมือง และประชาธิปไตยก็ต้องมีกฎหมาย
หวงยิ่งกว่าสามเหลี่ยมทองคำ
    ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การนัดหมายชุมนุมคาร์ม็อบ-คอลเอาต์ เป็นการแสดงออกของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อความเดือดร้อนทุกข์ยากเกิดขึ้นทั่วทุกหัวระแหง ประชาชนก็ออกมาแสดงตัวว่าได้รับผลกระทบหนักทั่วหน้า แกนนำได้ประกาศชัดหลายครั้งว่าไม่ประสงค์ให้เกิดความรุนแรง ไม่มีลุย ไม่มีบวก ไม่มีปะทะ มีแต่ความมุ่งมั่นไม่ลดละที่จะไล่ พล.อ.ประยุทธ์และคณะให้ออกไป การกำหนดเส้นทางคาร์ม็อบก็เห็นชัดว่าต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
    "สามเหลี่ยมดินแดงที่ คฝ.หวงแหนยิ่งกว่าสามเหลี่ยมทองคำก็ไม่ไปเฉียดใกล้ โผแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจก็ออกแล้ว คงไม่ต้องปั่นผลงานเอาใจอำนาจรัฐที่ล้มเหลวในช่วงนี้"
    เขากล่าวว่า ประชาชนจับตาดูอยู่ด้วยความสงสัย จับนักเรียนนักศึกษาคนรุ่นใหม่ฟิตเหมือนนักมวย จับอดีตตำรวจพวกเดียวกันเหมือนคนป่วยหรือไม่ รถคันไหนพาผู้ต้องหาอดีตผู้กำกับมาส่ง ไม่รู้ไม่เห็น ให้ข้อมูลไม่ได้ แต่ขู่จับประชาชนที่นำรถออกมาคาร์ม็อบทุกคัน รัฐบาลมาแล้วก็ไป แต่มาตรฐานในกระบวนการยุติธรรมไทยต้องเป็นหลัก ต้องไม่บังคับใช้กฎหมายแบบสองมาตรฐาน
     “การจัดกิจกรรมที่มีเวลาเริ่มเวลาเลิกชัดเจน การกำหนดเส้นทางที่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าจุดสุ่มเสี่ยง ถ้าทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ไม่หวังโอเวอร์แอคชั่นเอาใจรัฐบาลเกินเหตุ เชื่อว่าความรุนแรงจะไม่เกิด” นายอนุสรณ์กล่าว  
    ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายนวพล ต้นงาม หรือไดโน่ แกนนำกลุ่มทะลุฟ้า เปิดเผยถึงการชุมนุมในวันนี้ว่า กิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ถึงความหวังในการต่อสู้ของประชาชนกับระบบอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในประเทศ กิจกรรมในวันนี้ประกอบไปด้วยการปราศรัย การจัดแสดงแกลเลอรีเกี่ยวกับการต่อสู้ของกลุ่มและเครือข่ายทั้งหมด
    สำหรับกิจกรรมวันนี้ทั้งหมดเพื่อสื่อถึงการต่อสู้ของประชาชนในทุกๆ วัน แม้ที่ผ่านมาจะมีแกนนำประชาชนถูกคุมขัง แต่ก็ต้องการจัดกิจกรรมเพื่อสื่อถึงความหวังที่ยังเดินหน้าต่อสู้ สำหรับการจัดกิจกรรมมีการยกระดับอยู่แล้วตลอดเวลา แต่ติดที่ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ภาครัฐมองไม่เห็นถึงภาคประชาชน โดยอาจจะมีการร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มอื่นๆ ที่มีเป้าหมายเดียวกัน
    ส่วนกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 31 ส.ค.นี้ กลุ่มจะจัด กิจกรรมอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกรัฐสภาคู่ขนานกันไปด้วย โดยจะจับตาไปที่การอภิปรายในส่วนของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะมองว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาและเป็นผู้กุมอำนาจทั้งหมด รวมถึงรัฐมนตรีที่เป็นนั่งร้าน ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยแก้ไขปัญหาของประชาชนและเศรษฐกิจ รวมถึงมองข้าม การแสดงออกของประชาชนตามสิทธิตามประชาธิปไตย จึงต้องทำให้พลเอกประยุทธ์ลาออก รวมถึงรัฐมนตรีที่สนับสนุนก็จะต้องให้ลาออกไปเช่นกัน เพราะไม่ได้มาจากเสียงและการสนับสนุนของประชาชน.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"