ว่าด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ


เพิ่มเพื่อน    

เผอิญดันไปไล่ๆ กับรายการ เทนนิสแกรนด์ สแลม สุดท้ายของปี...ก็เลยแทบคาดเดาไม่ได้ว่า ระหว่างรายการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันพรุ่งนี้ กับรายการ ยูเอส โอเพน ซึ่งเริ่มไล่บด ไล่บี้ ไล่หวด ไล่ตี กันตั้งแต่ช่วงวันจันทร์นั้น สุดท้าย...อะไรจะทำ เรตติง มาก-น้อยไปกว่ากัน!!!
                                                   -----------------------------------------------------------
    คือคงต้องยอมรับนั่นแหละว่า...หลังๆ นี้ การพูดจา ปราศรัย การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่เคยเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องโต เรื่องคอขาด บาดตาย ระดับพอๆ กับ การประหารชีวิต กันทางการเมืองเอาเลยก็ว่าได้ ลองถ้าได้เปิดฉาก เปิดผ้าม่านกั้งขึ้นมาเมื่อไหร่ เรียกว่า...แทบ วิกแตก สามารถเรียกลูกค้า เรียกความสนใจจากใครต่อใคร ชนิดต้องหอบเสื่อ หอบหมอน มานอนเฝ้าหน้าจอทีวีแบบประเภท แจ๋ว ริมจอ เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ไปๆ-มาๆ...ถ้าว่ากันในแง่ เรตติง ล้วนๆ น่าจะลดปริมาณ น่าจะเหี่ยวปลาย ลงไปพอสมควร...
                                                       --------------------------------------------------------
    แต่ก็คงไม่ต่างไปจากรายการ เทนนิสแกรนด์ สแลม ในแต่ละรายการนั่นแหละ ไม่ว่า ออสเตรเลียน โอเพน, เฟรนช์ โอเพน, วิมเบิลดัน ไปจนถึง ยูเอส โอเพน อาจด้วยเหตุเพราะแข่งเยอะ เหตุที่มีมากจนเกินไป หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจสรุปได้ หลังๆ นี้...ก็เลยออกไปทาง งั้นๆ ดูก็ได้-ไม่ดูก็ได้ ยิ่งแนวโน้มการ คว้าแชมป์ ในแต่ละแกรนด์ สแลม อาจหนีไม่พ้นคนหน้าเดิม อย่างคุณพี่ โนวัค ยอโควิช ที่ไล่เก็บถ้วย เก็บสแลมมาตั้งแต่ต้นปี ไม่ตกหล่นเอาเลยแม้แต่ใบเดียว เลยอาจก่อให้เกิดอาการ เกิดความรู้สึกคล้ายๆ กับที่ใครๆ มีต่อ บิ๊กตู่ นั่นแหละ คืออาจจะเบื่อๆ-อยากๆ ชินๆ ชาๆ ไม่ค่อยรู้สึกคึกคักหรือตื่นเต้ลล์ล์ล์ อะไรมากมายซักเท่าไหร่ ไม่ว่าแพ้-ไม่ว่าชนะก็ตาม...
                                                           ------------------------------------------------------
    โดยถ้าว่ากันถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล...ระหว่างยุคอดีตเท่าที่ผ่านมา กับยุคหลังๆ นี้ คงต้องยอมรับว่าออกจะมีอะไรที่ผิดแผก แตกต่าง กันอยู่มั่งตามสมควร เผลอๆ...อาจคล้ายๆ เทนนิส อยู่บ้างเหมือนกัน คือถ้าเป็นยุคก่อน ยุคอดีต ระดับ บิยอร์น บอร์ก หรือ  จอห์น แมคเอ็นโร ฯลฯ อะไรประมาณนั้น ดูจะเน้นหนักไปทาง ลีลา  ชั้นเชิง ความสวยสดงดงาม เป็นสำคัญ ต่างไปจากยุคหลังๆ ยุค ยอโควิช, เซฟเรฟ, ซิตซิปาส ฯลฯ ที่ดูจะหนักไปในด้านการใช้ พลัง การออกเรี่ยว ออกแรง ปานประดุจตีวัว ตีควาย ต้องให้แรง ต้องให้เร็วเข้าว่า...
                                                              ------------------------------------------------------
    ดังนั้น...อภิปรายไม่ไว้วางใจฯ ในช่วงหลังๆ จึงเป็นอะไรที่แทบปฏิเสธไม่ได้ว่าออกจะดุเดือด รุนแรง เอาเรื่องทีเดียว โดยเฉพาะในแง่ของการใช้คำพูด คำจา ที่ออกจะหมิ่นเหม่กับคำว่า ผรุสวาท แบบชนิดวจีทุจริต มโนทุจริต และอะไรต่อมิอะไรทุจริตกันไปตามลำดับ อีกทั้งยังเต็มไปด้วย ข้อมูล-หลักฐาน ที่ต่างฝ่ายต่างขนกันมาเพียบ ตั้งช้ง ตั้งชาร์ต ฉายสไลด์ เผลอๆ...อาจมีเส้นกร๊ง เส้นกราฟ แผนผังโยงใย โยงโน่น โยงนี่ ชนิดต้องเสียเวลา ทำการบ้าน กันเป็นเดือนๆ เป็นปีๆ เอาเลยก็ไม่แน่!!! ซึ่งก็ต้องถือเป็น คุณภาพ ท่ามกลาง คุณธรรม ที่ออกจะหดหายยิ่งเข้าไปทุกที...
                                                             ------------------------------------------------------
    คืออาจด้วยเหตุเพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ ในช่วงอดีตนั้น...คงไม่ถึงกับต้องใช้อะไรมาก ไม่ว่าในแง่คำพูด วาจา ที่ไม่จำเป็นต้องถึงกับดุเดือด รุนแรง เผลอๆ...อาจสุภาพ นิ่มนวล แบบประเภทมีดดาบ มีดโกน หรือมีดทำครัว ฯลฯ อะไรทำนองนั้น ค่อยๆ เฉือน ค่อยๆ กรีด  ค่อยๆ แล่เนื้อ-เถือหนัง แยกชิ้นส่วนใส่หีบ ใส่โลง แล้วถึงค่อยตอกตะปูปิดฝาโลง โดยแทบไม่จำเป็นต้องอ้างอิง ข้อมูล-หลักฐาน อะไรมาก ดี-ไม่ดี...อาจแค่โบกกระดาษไม่กี่แผ่น ที่ไม่ได้มีอะไรอยู่ในกระดาษเอาเลยแม้แต่น้อย แค่ กระดาษเปล่า ล้วนๆ เพียงแต่เน้นสุ้มเสียง เน้นความน่าเชื่อถือ ศรัทธา ที่ตัวเองสะสมมาเป็นขั้นเป็นตอน เอ่ยคำว่า หลักฐาน...อยู่นี่!!!  หรืออยู่ในมือตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้ที่ถูกอภิปรายก็อาจ ถอดใจ เอาดื้อๆ!!!
                                                                --------------------------------------------------------
    หรือพูดง่ายๆ ว่า...อาจเป็นเพราะยุคก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นการบ้าน หรือการเมืองก็แล้วแต่ สิ่งที่เรียกว่า หิริ และ โอตตัปปะ นั้น มันออกจะมีคุณค่า ราคา มีความสำคัญเอามากๆ ความรู้สึกละอายต่อบาป เกรงกลัวต่อบาป ต่อสิ่งที่เป็นอกุศลกรรมทั้งหลาย มันยังตกผลึกอยู่ภายในจิตสำนึกและจิตไร้สำนึกของผู้คน ในแทบจะทุกแวดวง จนทำให้แทบไม่มีความจำเป็นเอาเลยก็ว่าได้ ที่จะต้องไปใช้คำหยาบ คำผรุสวาท คำด่าอันสุดแสนจะดุเดือด รุนแรง หรือต้องไปขนหลักฐานใส่ลัง ใส่รถตู้ มายันกันไป-ยันกันมา แค่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามหน้าร้อนๆ ชาๆ วูบๆ วาบๆ อยู่ไม่เป็นสุขขึ้นมาได้มั่ง ด้วยความ หน้าบาง ไม่ถึงกับหนาเตอะตะ แบบถนนคอนกรีตราดยางมะตอยประมาณ 3 ชั้น 4 ชั้น เหมือนผู้คนยุคนี้  การตัดสินใจลาออก หรือการถูกลงมติไม่ไว้วางใจ ก็อาจบรรลุเป้าหมาย จนทำให้สีสัน บรรยากาศ ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ ในแต่ละครั้ง  แต่ละคราน่าตื่นเต้น เร้าใจ แทบไม่ต่างไปจาก การประหารชีวิต ทางการเมือง ดังที่กล่าวไว้แล้วนั่นเอง...
                                                                   -------------------------------------------------------
    แต่เมื่อมาถึงยุคนี้...ไม่ว่าจะพูดกันในระดับปากฉีกไปถึงรูหู ไม่ว่าจะหยาบสุดๆ เพียงใดก็แล้วแต่ หรือไม่ว่ามีข้อมูล-หลักฐานซักกี่เข่งต่อกี่เข่งก็ตาม ฯลฯ ส่วนใหญ่มัก เอาไม่อยู่ ไปด้วยกันทั้งสิ้น!!! เมื่อเจอเข้ากับลูกด้าน ลูกหนา ลูกเบี่ยง ลูกตะแบงแฉลบไฉลลงคลอง แล้วมุดคู มุดคลอง โผล่ขึ้นมาเต้นย็อกๆ แย็กๆ อีกจนได้ การอภิปรายแต่ละครั้ง แต่ละครา มันเลยออกจะน่าเบื่อ น่ารำคาญ จนแทบไม่เหลือ เรตติง ติดปลายนวมอีกต่อไป ไม่เกิดประโยชน์โพดผลใดๆ แถมบางครั้ง-บางคราอาจต้องมี ผู้ปกครอง มาคอยให้คำแนะนำอยู่ข้างๆ ซะอีกต่างหาก เพราะออกจะติดเรตเอ็กซ์-เรตอาร์ หนักยิ่งเข้าไปทุกที โดยเหตุที่ทั้งหลาย-ทั้งปวง มันต้องเป็นไปในรูปนี้ ก็ด้วย เหตุปัจจัย เพียงประการเดียวเท่านั้น นั่นคือ หิริ-โอตตัปปะ ของผู้คนในแต่ละแวดวง ไม่ว่ารัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ตามที มันอาจหายเกลี้ยง!!! ไปนานแล้ว...นั่นแล...
                                                                  ------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Plato (อีกครั้ง...และอีกครั้ง)... “Virtue does not spring from riches, and all  other human blessing, both private and public, from virtue. - คุณธรรมมิได้เกิดขึ้นจากอำนาจทรัพย์ศฤงคาร หรือการประทานพรใดๆ คุณงามความดีของมนุษย์ทุกประการ  ไม่ว่าส่วนตัวหรือส่วนรวม มีกำเนิดจาก...คุณธรรม”
                                                                    ---------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"