‘บอล วิทวัส’ควงภรรยาเผยแพลนย้ายไปอยู่เยอรมันเพราะโควิด


เพิ่มเพื่อน    

 

            บอล-วิทวัส สิงห์ลำพอง  ควงภรรยา แนนนี่ อรรณิกา โอดเจอพิษโควิด-19 หนักมากเตรียมย้ายครอบครัวไปต่างประเทศ ในรายการ “คุยแซ่บSHOW”  ที่มี  พีเค-ปิยะวัฒน์ เข็มเพ็ชร์  และ เป๊กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

            โดยหนุ่มบอล วิทวัส เผยถึงพิษโควิดครั้งนี้ว่า “โอย มัน 2 ปี นะครับ คือเราก็มีงานแหละ แต่ว่ามันถ่ายแล้วไม่จบสักที คือตอนนี้ก็มีละครอยู่ 2 เรื่อง ที่เหลือแค่คิวเดียวที่มันยังปิดกล้องไม่ได้ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเพิ่งฟิตติ้ง ยังเปิดกล้องไม่ได้ รายรับไม่มีแต่รายจ่ายเท่าเดิม ก็เอาเงินที่สะสมไว้มาใช้จ่ายทุกเดือนแต่ว่าแนนนี่เขามีร้านน้ำ ยังเปิดขายอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎก็เลยยังพอมีรายได้เข้ามาอยู่บ้างรายได้ก็โอเคอยู่ แต่ในช่วงโควิดเขาไม่ได้เปิดให้เข้าไปนั่งทานปกติ คือต้องซื้อแล้วเวียนออกไปแต่มันก็ยังพอมีรายได้อยู่ แต่รายจ่ายหลักๆเลยคือเรื่องบ้าน เพราะบ้านยังผ่อนอยู่เดือนละ 30,000 กว่าบาท และก็มีค่าน้ำ ค่าไฟเดือนหนึ่งประมาณ  3-4 พันบาท ส่วนค่าใช้จ่ายเรื่องครอบครัว กับลูกเรื่องค่ากิน ค่าอยู่ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติค่ายใช้จ่ายเดือนหนึ่งจะมากกว่านี้ 5-6 หมื่น แต่พออยู่บ้านเราไม่ค่อยได้ใช้เงินเยอะ ไม่ได้สั่งของเข้าบ้าน ส่วนใหญ่จะซื้อของเข้ามาแล้วทำกินเอง 7-8 หมื่น ส่วนค่าเทอมลูกแม้จะเรียนออนไลน์แต่ก็ยังต้องจ่ายอยู่เท่าเดิม 

            ส่วนที่ขายของสะสม  จริงๆเราก็ยังพอมีเงินเก็บ แต่เราต้องการสภาพคล่อง คือเราต้องการมีเงินเผื่อว่าเราจะมีแอคซิเดน อย่างเช่นวันดีคืนดีเราเกิดป่วยขึ้นมา ต้องการเงินสดเผื่อเอาไว้เราก็เลยเอารถไปรีไฟแนนซ์ไว้ก่อน คือรถเราไม่ได้ผ่อนแล้ว คือถ้าเป็นเงินเก็บของผมล้วนๆ อยู่ได้ประมาณ 2-3 เดือน ก็น่าจะหมดแล้ว ถ้าปีใหม่ยังโควิดอยู่ก็จะจุกหน่อย แต่ว่าผมโชคดีที่คุณภรรรยาเขามีโปรดักซ์ที่กำลังขายอยู่ค่อนข้างโอเค

 

 

            เรื่องจะพาครอบครัวไปอยู่ต่างประเทศจริงๆเป็นแพลนที่คิดไว้นานแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ผมคิดจะพาลูกไปเรียนที่เยอรมัน พราะแนนนี่เป็นลูกครึ่งเยอรมัน ถ้าลูกไปอยู่ที่โน่นลูกเรียนฟรีมันเป็นสวัสดิการของรัฐ  ถ้าไปแรกๆเราก็คงต้องเลี้ยงลูกไปก่อนแล้วภรรยาก็ไปทำงาน เพราะเราไปที่โน่นเราต้องขอวีซ่าแต่ว่าลูกได้สัญชาติตามแม่ ถ้าไปแล้วผมได้ทำงานอะไรผมทำหมด ขอแค่อนาคตของลูกเมียเจริญเติบโต จริงๆแล้วก่อนหน้านี้เราคุยกันแล้วว่าถ้าเหตุการณ์มันไม่ไหวจริงๆ เราก็จะไปสตาร์ทนับหนึ่งใหม่ที่โน่นเลย แต่ในแพลนก่อนหน้านั้น คือเราก็คิดเผื่อไว้แล้วว่า ถ้าเรามีชีวิตที่ดีที่นี่ เราก็จะไปซื้อบ้านที่โน่น ไปทำธุรกิจที่โน่น

            ถ้าทิ้งวงการบันเทิงเสียดายไหม เสียดาย แต่เราก็ต้องเอาชีวิตเราให้รอด เพราะอยู่ที่นี่มันไม่มีงาน เราทำอะไรไม่ได้ เราก็ต้องเลือกที่จะไปหาอะไรเพื่อให้เรามีชีวิตรอดต่อไป เพียงแต่ว่าตอนนี้เรามีผลิตภัณฑ์ของคุณแนนนี่ที่มันยังพอไปได้ และมันก็น่าจะเติบโตประมาณหนึ่ง”

            ด้าน แนนนี่ อรรณิกา เสริมว่า “ถ้าถามว่าเมื่อไหร่เอาเป็นว่า เหลือแต่ค่าตั๋วเครื่องบิน เราก็ขนกับไปเลย ไปกัน 4 คน เรื่องนี้เราก็มีคุยกับลูกไว้บ้างแล้ว ว่าถ้าไปโน่นหนูจะโอเคไหม ต้องไปเรียนที่โน่นนะ ด้วยความที่โรงเรียนหยุดไปนาน ก็เหมือนเขาลืม  ขนาดอ่านหนังสืออ่านอย่างไรก็ลืมแล้ว ชื่อเพื่อนก็ลืมแล้ว  แต่เราก็พูดเผื่อกรณีที่มันไม่เวิร์ค เราก็อาจจะต้องไป”

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"