รัฐบาลชนะโหวต-ไม่ปรับครม.


เพิ่มเพื่อน    

 โหวตซักฟอกรัฐบาล นายกฯ กับ 5 รัฐมนตรีผ่านฉลุย แต่  "บิ๊กตู่" ได้รองบ๊วย เจ้าตัวลั่นหัวใจเท่ากำปั้น ไม่ได้สนใจจะมากจะน้อย  ผ่านก็จบ ยังไม่ถึงเวลาปรับ ครม. เผยจากนี้จะพบปะ ส.ส.พลังประชารัฐมากขึ้น "เฉลิมชัย" ปลื้มได้เสียงโหวตมากสุด แสดงว่ารัฐบาลเป็นปึกแผ่น "มาดามเดียร์" ยังหักเหลี่ยม "อนุทิน" งดออกเสียง ให้เหตุผลชี้แจง จัดซื้อ "ซิโนแวค-ATK" ไม่ชัดเจน ขณะที่ก้าวไกลดองงูเห่าต่อไป

    เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 กันยายน 2564 พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางถึงรัฐสภาเข้าร่วมฟังประชุมสภาเพื่อลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสบายดีขึ้นหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า "ผมก็สบายดีทุกวัน ผมมั่นใจอยู่แล้ว  ก็สุดแล้วแต่ ส่วนคะแนนก็ต้องไปถามคนที่ยกมือ คนที่ลงคะแนนโน่น"
    ผู้สื่อข่าวถามว่าเคลียร์ใจกันทุกอย่างแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ผมจะต้องไปเคลียร์อะไรกับใคร ซึ่งเมื่อวาน (3 ก.ย.) ก็เป็นการพบปะหารือกันเหมือนที่ ส.ส.อื่นมาพบผมที่สภา"
    นายกฯ ยังปฏิเสธเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี โดยยืนยันว่าไม่มีอะไร ยังไม่ใช่เวลา ถึงเวลาก็พูดเอง
    เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้ความมั่นใจหรือไม่ว่าพรรคจะสนับสนุนนายกฯ ในการลงมติไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์แจงว่า พล.อ.ประวิตรไม่ใช่หัวหน้าพรรคเพียงอย่างเดียว แต่เป็นพี่ชายตน "ก็รักกันเหมือนเดิม ไม่เห็นต้องให้กำลังใจอะไรเลย เพราะให้กำลังใจกันทุกวันอยู่แล้ว"
    ซักว่า เมื่อคืนนอนพักผ่อนเพียงพอหรือไม่ นายกฯ กล่าวกระเซ้าสื่อมวลชนว่า "คนที่หน้าตาดี แต่พอมาเจอนักข่าวก็หน้าตาเป็นแบบนี้"
    และเมื่อถามถึงการพบกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แล้วเป็นอย่างไรบ้าง  พล.อ.ประยุทธ์ตอบเพียงสั้นๆ ว่าไม่มีอะไรหรอก
    ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.)  กล่าวก่อนการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ในที่ประชุมหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งทุกคนยังเป็นไปตามแนวทางของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ยังคงไม่ไว้วางใจ และยิ่งพบสถานการณ์บางเรื่องทำให้ไม่ไว้วางใจยิ่งกว่าเดิม
    ส่วนคำถามที่ว่าจะมีคนแตกแถวหรืองูเห่าหรือไม่ เราก็มั่นใจก็คงจะมีน้อย แต่ก็คงเป็นเจ้าเก่าซึ่งก็ประมาทไม่ได้ เพราะมีปัจจัยเข้ามากระทบ  แรงจูงใจหรือแรงเหวี่ยงมากกว่าเดิม มีเหตุจูงใจที่จะทำให้เขาหักเหมากกว่าทุกครั้ง ท่านก็คงทราบว่าหมายถึงอะไร ซึ่งเราจะทำให้ดีที่สุด  ใครที่จะเลือกแนวทางใด จะตัดสินใจทางการเมืองแบบใด สุดท้ายก็เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. แต่เอกสิทธิ์นั้นเขาก็จะต้องคิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา
    “ขอฝากจากใจไปยัง ส.ส.ทุกคน โดยเฉพาะรัฐบาลให้ทุกคนรักษาศักดิ์ศรีสภา เพราะกว่าจะมีสภาบางครั้งมันไม่ง่าย พอมีสภาแล้วทำสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลก็จะทำให้สภาเสีย และอยากให้คิดว่าสภาเป็นศูนย์รวมของประชาชน ถ้าเราไม่รักษาศักดิ์ศรีและสมบัติของประชาชน ก็เท่ากับว่าเราบกพร่องมากๆ สภาก็จะไม่เหลือ และขอตำหนิคนที่ทำลายสภา ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม” นายสุทินกล่าว
ไว้วางใจนายกฯ รองบ๊วย
    ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน  หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาวาระสำคัญคือ การลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยปรากฏผลลงคะแนนดังนี้  
    1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม  ได้รับคะแนนไว้วางใจ 264 ไม่ไว้วางใจ 208 งดออกเสียง 3 และไม่ออกเสียง 0 เสียง
     2.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข  ไว้วางใจ 269 ไม่ไว้วางใจ 196 งดออกเสียง 11 และไม่ออกเสียง  0 เสียง
     3.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ไว้วางใจ 263 ไม่ไว้วางใจ  201 งดออกเสียง 10 และไม่ออกเสียง 1 เสียง
    4.นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ไว้วางใจ 269 ไม่ไว้วางใจ 195 งดออกเสียง 10 และไม่ออกเสียง 1 เสียง
     5.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ไว้วางใจ 270  ไม่ไว้วางใจ 199 งดออกเสียง 8 และไม่ออกเสียง 1 เสียง
    6.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไว้วางใจ 267 ไม่ไว้วางใจ 202 งดออกเสียง 9  และไม่ออกเสียง 0 เสียง  
    พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากนั้นว่า พอใจกับผลคะแนน  จากนี้ก็จะทำงานต่อไป เมื่อถามถึงผลคะแนนที่ออกมารองบ๊วย พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า "บ๊วยเหรอ" จากนั้นนักข่าวระบุย้ำว่ารองบ๊วย แต่นายกฯ ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด
    ผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้จะปรับตัวเข้าหา ส.ส.มากขึ้นหรือไม่  นายกฯ ตอบว่าจะให้ทำอย่างไร ตนก็จะพบปะพวกเขาหน่อย โดยต้องเริ่มจากเป็นครั้งคราว ซึ่งเขาก็อยากพบเราเท่านั้น ทั้งนี้ในเรื่องผลประโยชน์อะไร ตนไม่เคยทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้เขาอยู่แล้ว
    ถามว่า จะมีการจัดกิจกรรมพบปะ ส.ส.ประจำเดือนหรือประจำสัปดาห์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ต้องดูก่อนว่าจะพบปะกันได้หรือไม่อย่างไร เพราะตนไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค
    ซักว่า ที่ได้คะแนนน้อยจะต้องมีการพูดคุยกันหลังจากนี้หรือไม่  นายกฯ ปฏิเสธว่า "ผมไม่ได้สนใจ จะมากจะน้อยแล้วมันผ่านไหมเล่า  ถ้าผ่านก็จบแล้ว" ส่วนการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรนั้นคุยกันทุกวันทุกคืนอยู่แล้ว "เมื่อกี้ก็นั่งคุยที่โต๊ะ คุยกันเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ"
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการพูดคุยกับนายเฉลิมชัยที่ได้คะแนนมากที่สุดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์เผยว่า ได้เจอกันและได้แสดงความยินดีไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องของภายในพรรค เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว ทั้งนี้ตนพบปะได้ทุกคน ถ้าใครอยากมาพบ แต่เขาจะกล้าหรือไม่  ซึ่งก็จะต้องหาเวลามาพูดคุยกันในเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน
    เมื่อถามย้ำว่าสบายใจแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าจ้ะๆ "ผมไม่ใช่คนใจน้อย กติกาเขาว่าอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น"
'หัวใจผมเท่ากำปั้น'
    ถามต่อว่า นายกฯ ได้คะแนนไม่ไว้วางใจเป็นอันดับหนึ่งน้อยใจหรือไม่ นายกฯ หันกลับมาชูกำปั้นขวาพร้อมตอบว่า "นายกฯ ใจเท่านี้ และจากนี้จะไปอยู่กับครอบครัว"
    จากนั้นนายกฯ ก้าวขึ้นรถและได้ลดกระจกลง พร้อมชูกำปั้นขวาออกมานอกตัวรถ พร้อมระบุว่า “หัวใจผมเท่ากำปั้น ซึ่งกำปั้นนายกฯ มันใหญ่ ฉะนั้นหัวใจนายกฯ มันใหญ่อยู่แล้ว” พร้อมกับทุบไปที่อกข้างซ้าย 2 ครั้ง และกล่าวอีกว่า “กำปั้นนายกฯ มันใหญ่อยู่แล้ว ฉะนั้นหัวใจนายกฯ มันใหญ่อยู่แล้ว กำลังใจก็ดี” เมื่อถามอีกว่ายังเข้มแข็งใช่หรือไม่  นายกฯ ไม่ตอบเพียงแค่ชูกำปั้นแสดงความเข้มแข็งยืนยันกับผู้สื่อข่าว  ก่อนรถเคลื่อนออกจากรัฐสภา
    ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวขอบคุณทุกเสียงทั้งผู้ที่ยกมือไว้วางใจและไม่ไว้วางใจ โดยจะนำสิ่งที่สมาชิกได้อภิปรายมาปรับปรุงแก้ไขในการทำงานต่อไป
    เมื่อถามถึงกรณีคะแนนไว้วางใจนายกฯ ได้น้อยจนเกือบเป็นลำดับสุดท้าย รองนายกฯ ตอบว่า ตนดูแต่คะแนนตัวเอง ซึ่งหลังลงมติก็ได้แสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรี ต่อจากนี้จะต้องทำงานต่อไป ซึ่งทุกคนคะแนนใกล้เคียงกัน และ ส.ส.ทุกคนก็มีเอกสิทธิ์ในการลงคะแนน   อย่าไปคิดเรื่องคะแนนมากคะแนนน้อย เพราะถือว่าทุกคนก็ผ่าน  คะแนนที่ได้มาถือเป็นคะแนนจากประชาชนที่โหวตโดย ส.ส. จะทำงานให้ดีที่สุด
    อย่างไรก็ตามจะนำคำอภิปรายของฝ่ายค้านไปปรับปรุงการทำงาน   โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสาร ซึ่งงานที่ตนรับผิดชอบส่วนใหญ่เป็นเรื่องเทคนิค ก็จะพยายามให้แพทย์เป็นผู้ชี้แจง
    เมื่อถามถึงการปรับ ครม.หลังการอภิปราย นายอนุทินกล่าวว่า  เรื่องปรับ ครม.เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ภูมิใจไทยเป็นพรรคร่วม มาด้วยกัน ทำด้วยกัน
    ส่วนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังได้รับคะแนนโหวตไว้วางใจสูงที่สุดว่า รู้สึกว่ารัฐบาลได้รับความไว้วางใจทั้งหมด ส่วนผลคะแนนที่ออกมาขอกลับไปตรวจสอบดูก่อน ซึ่งผลที่ออกมาแบบนี้แสดงให้เห็นว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังเป็นปึกแผ่น และทุกคนผ่านการตรวจสอบทั้งหมด
    เมื่อถามว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ชงให้เป็นนายกฯ เพราะได้คะแนนสูงสุดด้านความนิยม นายเฉลิมชัยกล่าวว่า “มีอย่างนั้นด้วยหรือ ฝากขอบคุณ แต่ไม่หรอกครับ”
    ถามว่า เสถียรภาพของรัฐบาลหลังจากนี้จะยังคงเหนียวแน่นเหมือนเดิมหรือไม่ นายเฉลิมชัยกล่าวว่า จากคะแนนที่ออกมาวันนี้เป็นภาพที่ชัดเจนว่ารัฐบาลยังเป็นปึกแผ่น ยังเหนียวแน่นและยังเชื่อมั่นในตัวนายกฯ
    ซักว่า พรรคก้าวไกลมีการเรียกร้องให้ยุบสภา รมว.เกษตรฯ ตอบว่าต้องดูสถานการณ์ทุกอย่างว่าเหมาะสม หรือสมควรหรือไม่ คิดว่า เรื่องนี้นายกฯ ท่านมีวิจารณญาณอยู่แล้ว  จึงไม่สามารถตอบได้ว่าจะยุบสภาหรือไม่ เพราะไม่ใช่อำนาจของตน แต่คิดว่าวันนี้ควรจะแก้ไขปัญหาประเทศไปก่อน ช่วยกันทำให้โควิดเบาลงให้ได้ ให้เข้าสู่สภาวการณ์ปกติ และสถานการณ์อื่นๆ ค่อยว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง
    เมื่อถามว่า มีการมองว่าเป็นรัฐมนตรีที่ถูกสอดไส้ ทั้งที่ตามจริง แล้วไม่สมควรโดนอภิปราย นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดีที่มีโอกาสได้ชี้แจง เรื่องอะไรที่ยังคาใจอยู่ ถ้าเราไม่มีโอกาสได้ชี้แจงก็จะยังคาใจอยู่อย่างนั้น ถ้าได้ชี้แจงให้ชัดเจนแล้วก็จะเป็นคำตอบให้คนฟังได้คิดตามว่าอะไรถูกอะไรผิด
'มาดามเดียร์' หัก 'อนุทิน'
    ส่วนนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงคะแนนเสียงที่ได้ในการโหวตลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งก่อนหน้านี้หลายฝ่ายมองว่าตนจะได้รับคะแนนเป็นลำดับสุดท้าย แต่เมื่อทราบผลการลงคะแนนแล้วกลับเป็นนายสุชาติ  ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ได้คะแนนไว้วางใจเป็นลำดับสุดท้าย ว่าไม่เกี่ยวกับคะแนนว่าใครมากใครน้อย คะแนนเสียงที่ได้ก็เป็นไปตามที่คาด พรรคร่วมรัฐบาลเชื่อว่าลงคะแนนไว้วางใจเกือบทุกคน
    นายชัยวุฒิกล่าวว่า สำหรับคะแนนของนายกรัฐมนตรีที่อยู่ลำดับรองบ๊วยนั้น ตนไม่ทราบ ขอกลับไปดูรายชื่อก่อนว่าเป็นอย่างไร และต้องถามไปยังวิปรัฐบาลให้ตรวจสอบรายชื่อและดูข้อมูลก่อน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ หลักสำคัญในวันนี้คือสภาผู้แทนราษฎรได้ให้ความไว้วางใจท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคน ผ่านความเห็นชอบให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ เรื่องคะแนนมากน้อยไม่ใช่ประเด็นหลัก
    ทั้งนี้ ที่หลายฝ่ายมองว่าตนเป็นรัฐมนตรีสมัยแรก และถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นครั้งแรก และสามารถได้คะแนนเสียงโหวตไว้วางใจมากนั้น เป็นการแสดงถึงการทำงานอย่างไรหรือไม่ ตนมองว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงรัฐบาลทำงานมาได้ดีถึงเป็นที่ยอมรับของพี่น้องประชาชน และที่สำคัญสภาผู้แทนราษฎรก็ให้การยอมรับและให้ความไว้วางใจในการทำหน้าที่ต่อ ซึ่งเชื่อว่าตรงนี้จะเป็นกำลังใจให้ทุกคนใน ครม.ต่อไป
    ขณะที่ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ หรือมาดามเดียร์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "เดียร์ วทันยา  วงษ์โอภาสี" กรณีที่โหวตงดออกเสียงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สืบเนื่องจากกรณีความไม่ชอบมาพากลในการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อซิโนแวค และความโปร่งใสในกระบวนการจัดซื้อชุดตรวจโควิดแบบ ATK โดยให้เหตุผลว่า คำชี้แจงของนายอนุทินไม่ชัดเจน ไม่สามารถตอบข้อสงสัยของประชาชนได้
    ส่วนกรณีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ถูกอภิปรายเรื่องเขากระโดงนั้น ยังไม่มีข้อมูลใหม่ และขณะนี้คดีได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบของ ป.ป.ช.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งพฤติกรรมเสเพลที่ถูกอภิปราย ก็ยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ถึงความผิดได้อย่างชัดเจน
    ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า รู้สึกผิดหวังกับผลที่ออกมา เสียดายที่ระบบรัฐสภาไม่ได้ยึดโยงกับความเป็นจริงของประชาชน เสียดายโอกาสของ ส.ส.ในการถอดสลักที่เป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหา ผลที่ออกมาถ้าดูตัวเลข นายกรัฐมนตรีได้รับความไว้วางใจได้เป็นอันดับรองบ๊วย ประกอบกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในช่วงอภิปราย สะท้อนว่าเกิดปัญหาในความชอบธรรมและความเป็นผู้นำ และคิดว่ามีโอกาสนำไปสู่การยุบสภาได้ในเร็ววันนี้ และนายกรัฐมนตรีควรพิจารณาตัวเอง เพราะทั้งหมดสะท้อนถึงความชอบธรรมในรัฐบาล
    หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า ส่วนการทำงานต่อไปของพรรคหลังจากนี้จะเป็นการโรยเกลือ หลังกรีดบาดแผลในการอภิปรายไม่ไว้วาง คือ การยื่นให้องค์กรอิสระตรวจสอบดำเนินการต่อไป และจะเดินหน้ารักษาผลประโยชน์ให้ประชาชน อย่างไรก็ตามแม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่คิดว่ามีประโยชน์ในการควบคุมสังคมได้ดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง การฉีดวัคซีนคืบหน้าไปมาก และมีความเป็นไปได้ที่จะเลิกซื้อวัคซีนซิโนแวค เนื่องจาก CEO  ของบริษัทผลิตซิโนแวคก็บอกว่าประสิทธิภาพอาจจะต้านกับเชื้อโควิดไม่ได้ แต่กำลังพัฒนาอยู่
เชิญงูเห่ากรอกใบลาออก
    ส่วนกระแสข่าวการจ่ายเงินให้ ส.ส.แลกโหวตไว้วางใจ ถ้าเป็นความจริงจะยิ่งตอกย้ำความไม่ลงรอยและความไม่เสถียรภาพของรัฐบาล  แม้ข้อมูลที่นำมาอภิปรายจะหนักแน่นแค่ไหน แต่ไม่สามารถโน้มน้าวเสียงของสภาได้ ก็คงต้องใช้เวลา
    นายพิธายังกล่าวถึงการลงโทษงูเห่าว่า "พรรคจะไม่ให้ในสิ่งที่ต้องการ จะดองงูต่อไป"
    นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล  ขยายความในประเด็นดังกล่าวว่า พรรคได้เตรียมใบลาออกไว้สำหรับทุกท่านมาตั้งนานแล้ว เพียงแค่มารับแล้วลงชื่อก็จบแล้ว ถ้าจะให้พรรคส่งใบลาออกไปให้ทางไปรษณีย์ก็สามารถประสานงานมาที่ฝ่ายธุรการพรรคได้
    นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  กล่าวว่า หลังจากได้ฟังการอภิปรายฝ่ายค้านตั้ง 4 วัน ไม่ได้เห็นหลักฐานอะไรที่บ่งชี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์มีการปฏิบัติหน้าที่มิชอบประการใดเลย จึงขอลงมติไว้วางใจให้ท่านนายกรัฐมตรีทำหน้าที่ต่อไป เพราะประชาชนเลือกตนเข้ามาเพราะต้องการ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตลอดการทำงานของท่านไม่เคยลดหยุดเลย มีแค่การลาป่วยไม่กี่วันเท่านั้น และที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยมีประวัติเรื่องการคดโกง
    “ในการอภิปรายครั้งนี้ฝ่ายค้านฝีมือตก เอาข้อมูลเอกสารมาจากสื่อมวลชน รวมถึงเอาเฟกนิวส์เข้าสู่เวทีซักฟอก แถมบางคนยังกุเรื่องแจกเงิน พูดจาหยาบคาย หลังการอภิปรายครั้งนี้คงต้องมีคดีความติดตัวกันอีกเยอะ ขอให้ประชาชนดูการกระทำของคนพวกนี้ให้ดี และครั้งหน้าอย่าเอาเข้ามาทำหน้าที่แทนอีก” นายสิระกล่าว
    ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายสิระได้นำเหรียญพิมพ์นิยมรุ่น 2 ชื่อรุ่นเราไม่แพ้ มาห้อยคอเหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา  โดยนายสิระระบุว่า จะไปขออนุญาต พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะทำแจกจ่ายให้ประชาชนและสื่อมวลชน ก่อนหน้านี้นายสิระได้ทำเหรียญหลวงปู่ป้อมขึ้นมา ซึ่งครั้งนั้นได้เขียนชื่อ พล.อ.ประวิตรผิดเป็น “ประวิทย์” และได้มีการทุบบล็อกพิมพ์นิยมรุ่น 1  ทิ้งไปแล้ว
    ส่วนนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ให้สัมภาษณ์ว่า 3 พรรคเล็ก ได้แก่ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย, พรรคประชาธิปไตยใหม่ และพรรคไทรักธรรม ได้ลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนทำเต็มที่แล้วจนสุดความสามารถ ต้องขอโทษพี่น้องประชาชนด้วย ตนทำเต็มที่และจะสู้ต่อไป เพราะสงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร ลุงตู่กับตนยังเป็นศัตรูกันเหมือนเดิมในทางการเมือง
    เมื่อถามว่า 3 พรรคที่โหวตไม่ไว้วางใจจะย้ายไปอยู่ฝ่ายค้านหรือไม่ นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า ต้องไปถามหัวหน้าพรรคเขาเองมีความคิดอย่างไร แต่เชื่อว่าทั้ง 3 พรรคมีหัวใจและจิตวิญญาณเป็นของประชาชน  ส่วนใครโหวตไว้วางใจนายกฯ เพราะเขามีหัวใจเป็น พล.อ.ประยุทธ์  และที่ 3 พรรคลงแบบนี้เพราะประชาชนเรียกร้อง ไม่มีผลประโยชน์อะไร ถ้าลงคะแนนไว้วางใจนายกฯ อาจจะทำให้เป็นเหตุครอบครัวแตกแยก โดนเผาบ้านแน่ๆ
    ถามว่า การที่นายกฯ ได้คะแนนเสียงน้อยกว่าพรรคร่วมเป็นการสะท้อนอะไรหรือไม่ นายมงคลกิตติ์ตอบว่า เท่าที่ดูคะแนนของทั้ง  6 คน นายกฯ อยู่อันดับ 5 ซึ่งคนที่ได้คะแนนสูงสุดคือนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ก็สมควรจะได้เป็นนายกฯ ทั้งนี้ตนโหวตไม่ไว้วางใจ 5 คน แต่โหวตไว้วางใจ 1 คน คือนายเฉลิมชัย เพราะเป็นคนดี ทำงานดี และมีจิตใจดี ดีกว่านายกรัฐมนตรีปัจจุบัน นอกจากนี้เป็นการบ่งบอกว่า อิทธิพลของพี่น้องประชาชนมีผลต่อคะแนนเสียง ต่อหัวใจของผู้แทนราษฎร แม้จะมีบางสิ่งที่มาทำให้เกิดความกลัว.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"