นายกฯ ตอบรับประชุมสุดยอดผู้นำ 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ชี้โอกาสสำคัญไทยเสนอบทบาทเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์


เพิ่มเพื่อน    

7 ก.ย.64 - เมื่อเวลา 14.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบเอกสารผลลัพธ์ 3 ฉบับ ที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนาม ในการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (The Greater Mekong Subregion Economic Coordination : GMS) ครั้งที่ 7 ในวันที่ 9 กันยายน 2564 ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีกัมพูชาและธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ตอบรับเข้าร่วมการประชุมเรียบร้อยแล้ว สำหรับสาระสำคัญของเอกสารผลลัพธ์ทั้ง 3 ฉบับ มีดังนี้

1.ร่างปฏิญญาร่วมระดับผู้นำ 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 7 เป็นการยืนยันความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาที่ครอบคลุมและยั่งยืนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ(ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม จีน) ผ่านการดำเนินการตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ.2030 เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาที่เท่าเทียม เปิดกว้าง ครอบคลุม ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรม และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบผลสำเร็จของแผนงาน GMS ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา อาทิ (1) การเชื่อมต่อด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น ถนนความยาวกว่า 11,000 กิโลเมตร (2)การขนส่งข้ามพรมแดนด้วยขั้นตอนที่เรียบง่าย และ (3)การมีระบบตรวจจับและควบคุมการแพร่กระจายของโรคติดต่อ รวมทั้งการรับรองกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง พ.ศ. 2573 และแผนการฟื้นฟูและตอบสนองต่อผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พ.ศ. 2564 - 2566

2.ร่างกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง พ.ศ. 2573 เป็นการกำหนดแนวทางในการพัฒนาอนุภูมิภาคในอีก 10 ปีข้างหน้า เช่น (1) การสนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้อย่างครอบคลุม (2)การยกระดับแนวทางการพัฒนาเชิงพื้นที่ และ (3)การสนับสนุนการมีส่วนร่วมและสร้างเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ ทั้งนี้ กรอบยุทธศาสตร์ดังกล่าวเป็นเอกสารที่ปรับปรุงได้ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

3.ร่างเอกสารแผนการฟื้นฟูและตอบสนองต่อผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พ.ศ. 2564 – 2566 มีวัตถุประสงค์เพื่อประสานความร่วมมือของประเทศสมาชิกในประเด็นที่ต้องอาศัยการบูรณาการในระดับอนุภูมิภาค โดยมีเป้าหมายในระยะเร่งด่วน คือ มุ่งควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อและอัตราการเสียชีวิต สนับสนุนโครงการฉีดวัคซีน และลดผลกระทบต่อกลุ่มประชากรยากจนและกลุ่มเปราะบาง

รองโฆษกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญของไทยที่จะได้นำเสนอบทบาทความเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ในอนุภูมิภาค นอกจากนี้ ยังได้ร่วมหารือแนวทางการฟื้นฟูและพัฒนาอนุภูมิภาค GMS ภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย ทั้งนี้ การประชุมระดับสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) ครั้งที่ 8 จะจัดขึ้นในปี พ.ศ.2567 โดยจีนเป็นเจ้าภาพ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"