ร้าว!เมินธรรมนัส บิ๊กตู่หัวโต๊ะครม.เต็มคณะรอบ5เดือน/ประเคนดาวเทียม‘อินทัช’


เพิ่มเพื่อน    

“ประยุทธ์” นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะรัฐมนตรีเต็มองค์ประชุมครั้งแรกในรอบ 5 เดือน สะพัด! รอยร้าวฉานใน ครม. “ธรรมนัส” เป็นแกะดำนั่งหน้าเจื่อนเล่นมือถือโฮมอโลน “แก๊ง 4 ช.” ส่อแววแยกทาง  “สันติ” โบกมือลา “บิ๊กป้อม” ยังกัดฟันไร้คลื่นใต้น้ำปกติดี "วิรัช" แจงที่ประชุม พปชร.นายกฯ ขอบคุณ ส.ส.โหวตผ่านซักฟอก ยันรัฐบาลอยู่ครบ 4 ปี “งูเห่าศรัณย์วุฒิ” รับสภาพอาจถูกเพื่อไทยเขี่ยทิ้งแน่ ครม.ประเดิมมติประเคนดาวเทียมให้ บมจ.อินทัชฯ อ้างเพื่อให้บริการประชาชนไม่สะดุด ตั้ง “วิษณุ” เช็กบิลปัญหาในอดีต
    เมื่อวันอังคารที่ 7 กันยายน ที่ตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แบบเต็มคณะครั้งแรก หลังเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จนทำให้การประชุม ครม.ต้องเปลี่ยนไปใช้ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ประมาณ 5 เดือน และถือเป็นการประชุม ครม.ครั้งแรกหลังจบญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งการประชุม ครม.ครั้งนี้ถูกจับตาหลังเกิดเหตุบาดหมางในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) 
โดยช่วงเช้าก่อนการประชุม มีความเคลื่อนไหวของรัฐมนตรีกลุ่ม 4  ช. โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร., นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน ในฐานะเหรัญญิกพรรค และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ได้ขึ้นตึกบัญชาการ 1 เพื่อพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีเพียงนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง  ในฐานะผู้อำนวยการพรรคที่ไม่ได้เข้าพบเหมือนทุกครั้ง แต่ได้เดินทางมายังตึกสันติไมตรีเพื่อร่วมประชุม ครม.ทันที ขณะที่ผู้สื่อข่าวถามนายสันติว่า การเข้าพบนายกฯ เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา มีประเด็นการเมืองหรือมีประเด็นอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายสันติยิ้มแต่ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว
    ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ได้ลงจากห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้ามายังตึกสันติไมตรี โดยได้เข้าไปยังห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ก่อนเข้าประชุม ครม. โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เข้าไปพูดคุยคาดหารือวาระที่เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จากนั้น  พล.อ.ประวิตรเดินทางจากตึกบัญชาการ 1 มายังห้องสีเหลือง เข้าไปพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.อนุพงษ์ ส่วน ร.อ.ธรรมนัส, นางนฤมล  และนายอธิรัฐได้เดินเข้าห้องประชุม ครม.ตึกสันติไมตรีทันทีหลังพบ  พล.อ.ประวิตร โดย ร.อ.ธรรมนัสและนางนฤมลเดินพูดคุยกันอย่างอารมณ์ดี
    มีรายงานว่า บรรยากาศก่อนประชุม ครม.ระหว่างที่รัฐมนตรีแต่ละคนทยอยเข้าประจำที่นั่งตัวเอง ภายในห้องประชุม พล.อ.ประยุทธ์ได้ตั้งใจเดินผ่านที่นั่งของบรรดารัฐมนตรี ซึ่งมีนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุขกำลังพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส โดยเมื่อทั้งสองเห็น พล.อ.ประยุทธ์เดินมาจึงยกมือไหว้ พล.อ.ประยุทธ์รับไหว้นายสาธิต แต่เดินผ่าน ร.อ.ธรรมนัสไปโดยไม่หันมามอง ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัสมีสีหน้าเจื่อนๆ
    ต่อมา พล.อ.อนุพงษ์ได้เดินผ่านที่นั่งระหว่างนายสาธิตกับ ร.อ.ธรรมนัสเช่นกัน โดยจังหวะที่ พล.อ.อนุพงษ์เดินผ่านนายสาธิต ได้ทักทายพูดคุยกับนายสาธิต ก่อนจะหันมาทาง ร.อ.ธรรมนัสที่ยกมือไหว้ ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์มีสีหน้าเรียบเฉย ก่อนใช้มือขวาแตะสัมผัสมือ ร.อ.ธรรมนัสเท่านั้น ส่วน ร.อ.ธรรมนัสพยายายามใช้มือทั้งสองจับมือของ พล.อ.อนุพงษ์ แต่ พล.อ.อนุพงษ์ไม่ได้พูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัสแต่อย่างใด
'ธรรมนัส-4 ช.' ร้าวหนัก
สำหรับบรรยากาศในการประชุม ครม.เป็นไปอย่างผ่อนคลาย โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์อารมณ์ดีเป็นพิเศษ โดยระหว่างพักการประชุม  พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทักทายบรรดารัฐมนตรีทั่วห้องประชุมอย่างเป็นกันเอง โดยเมื่อเดินมาถึงบริเวณที่ ร.อ.ธรรมนัสนั่งอยู่ เป็นจังหวะเดียวกับที่  ร.อ.ธรรมนัสกำลังคุยโทรศัพท์อยู่พอดี เมื่อ ร.อ.ธรรมนัสเห็น พล.อ.ประยุทธ์เดินมาจึงยกมือไหว้ ในขณะที่มือยังถือโทรศัพท์อยู่ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าตลอดการประชุม ครม.ครั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัสมีสีหน้าเจื่อนๆ เอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไม่สบตากับใคร หรือถ้าไม่ก้มหน้าก็จะเล่นโทรศัพท์มือถือ อีกทั้งในช่วงพักเบรกการประชุม ปกติทุกครั้ง ร.อ.ธรรมนัสจะไปจับกลุ่มพูดคุยกับรัฐมนตรี 4 ช. แต่วันนี้ไม่ได้ทำเหมือนเช่นเคย ขณะที่นายสันติที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวมีความขัดแย้งกับ ร.อ.ธรรมนัส กลับมีท่าทีที่ผ่อนคลายกว่าอย่างเห็นได้ชัด เดินทักทายรัฐมนตรีคนอื่นตามปกติ
    ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาด้วยว่า ทุกอย่างเสร็จสิ้นไปด้วยความเรียบร้อย และขอขอบคุณทุกคน เราจะขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลไปด้วยกัน 
    ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  แถลงผลประชุม ครม.ว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวทักทายรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการพบกันครั้งแรกหลังใช้วิธีประชุมแบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ พร้อมขอให้รัฐมนตรีป้องกันตัวเองขั้นสูงสุดแบบครอบจักรวาลเพื่อป้องกันโควิด-19 นอกจากนี้​ขอขอบคุณทุกคน​ ทุกหน่วยงาน ที่ร่วมกันสนับสนุนข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยการทำงานจากนี้ขอให้ดำเนินตามนโยบายของแต่ละกระทรวงเพื่อขับเคลื่อนงานในด้านต่างๆ
    ขณะที่ พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงสถานการณ์ภายในพรรค พปชร.ว่า  ในพรรคเรียบร้อยดี ไม่มีอะไร และเมื่อถามถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัสที่เคลื่อนไหวก่อนหน้านั้น พล.อ.ประวิตรยืนยันว่าเรียบร้อยดี ส่วนอนาคตของ ร.อ.ธรรมนัสนั้น พล.อ.ประวิตรระบุว่า นายกฯ บอกแล้วไงไม่มีปรับ  ครม.
       ต่อมา พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกระแสข่าว ร.อ.ธรรมนัสจะขอลาออกจากตำแหน่งเลขาฯ พรรคว่า "ไม่มีๆๆ" รวมทั้งปฏิเสธกระแสข่าวที่เตรียมจับมือพรรคเพื่อไทย (พท.) ร่วมงานกันในอนาคตว่าไม่มีด้วย ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่ พล.อ.ประวิตรยืนยันจะไม่เป็นนายกฯ แต่ยังมีข่าวลือเป็นระยะว่าจะมาเป็นนายกฯ พล.อ.ประวิตรกล่าวอย่างรำคาญว่า “ไม่มี ไม่อยากเป็น ไม่เป็น ไปลือกันเอง บอกตั้งหลายทีแล้ว  ไปลือกันเอง”
    ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัสปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชนในประเด็นต่างๆ โดยชี้มือไปที่ลำคอพร้อมระบุสั้นๆว่า​ "ไม่อยากพูดมาก​ เจ็บคอ​" และเมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงเหตุผลการย้ายที่ทำการพรรค พปชร.​ใหม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า "ไม่รู้" ก่อนเดินทางกลับทันที​
    ทั้งนี้ หลังประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ได้หารือนอกรอบร่วมกับ  พล.อ.ประวิตร, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์ ที่ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ประมาณ 20 นาที ซึ่งคาดว่าเป็นการหารือกรอบการเลือกตั้งท้องถิ่น จากนั้นนายกฯ เดินกลับขึ้นห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้าทันที โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ทั้งนี้จังหวะที่นายกฯ  เดินได้ผ่านขบวนรถ พล.อ.ประวิตร บริเวณทางเชื่อมตึกสันติไมตรี และตึกไทยคู่ฟ้า นายกฯ ได้รับไหว้นางนฤมลและนายอธิรัฐที่หันมาไหว้นายกฯ ในขณะที่ยืนส่ง พล.อ.ประวิตร โดยนายกฯ ยังได้หันมาโบกมือให้สื่อมวลชนก่อนขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าด้วย
     ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรค พปชร.แจ้งว่า จากกระแสข่าวความขัดแย้งของกลุ่ม 4 ช.หลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ล่าสุดพบว่าในการประชุม ส.ส.พรรคทั้ง 2 วัน คือวันที่ 7 ก.ย. เวลา 15.00 น. และวันที่ 9  ก.ย. เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุมพรรคชั้น 6 ห้อง 601 อาคารรัฐสภา  ซึ่งเดิมการประชุม ส.ส.พรรคทุกวันอังคารที่ผ่านมานั้น จะใช้ที่ทำการพรรคซึ่งตั้งอยู่อาคารรัชดาวัน ถนนรัชดาภิเษก ขณะเดียวกันได้เกิดกระแสข่าวว่า แกนนำพรรคบางคนได้ให้ทีมงานจัดหาที่ทำการพรรคใหม่  เพราะที่ทำการพรรคปัจจุบันเป็นของนายสันติ ซึ่งหากมีการย้ายพรรคจริงจะถือเป็นการย้ายครั้งที่ 3 โดยที่ทำการพรรคแรกคืออาคารปานศรี  ถนนรัชดาฯ
    เวลา 15.00 น. นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค พปชร. ซึ่งเป็นประธานในการประชุม กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการประชุมว่า นายกฯ ได้กล่าวขอบคุณ ส.ส.พรรค พปชร.ทุกคนในการโหวตลงมติไว้วางใจที่ผ่านมา และเราจะอยู่ต่อไปจนครบ 4 ปี
    ซึ่งนายวิรัชชี้แจงก่อนเข้าห้องประชุมถึงสาเหตุที่มาประชุม ส.ส.พรรคที่รัฐสภาว่า เนื่องจากการประชุมพรรควันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา มีมวลชนมาปิดล้อมที่ทำการพรรค ทำให้เลิกประชุมเร็วกว่าปกติ และวันนี้ทราบว่าจะมีมวลชนมาทำกิจกรรมที่บริเวณหน้าศาลอาญารัชดาฯ อีก  ขณะที่พรรคมีวาระการประชุมที่ถือว่าสำคัญหลายเรื่อง อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ย้ายเพราะข่าวความขัดแย้งของแกนนำพรรคและตึกเป็นของนายสันติ 
    นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ  โหวตสวนมติพรรคงดออกเสียงให้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถือว่ามีความผิดหรือไม่ว่า เรื่องนี้ไม่ชัดเจน “นายอนุทินใจใหญ่จะตาย คงไม่สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ” 
เสี่ยหนูโวทำงานเยอะ
     ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคอื่นๆ นั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  (ภท.) กล่าวถึงกระแสข่าวงูเห่าในพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่โหวตช่วยรัฐมนตรีพรรค ภท. ถ้ามีการขับออก ภท.พร้อมรับเข้าพรรคหรือไม่ว่า เป็นเรื่องของพรรคเขา พรรคภูมิใจไทยก็อยู่กับพรรคภูมิใจไทย ส่วนที่ทำไมช่วงนี้พรรคเนื้อหอมใครๆ ก็อยากมาอยู่นั้น  ก็คงเพราะทำงานเยอะมั้ง
    เมื่อถามถึงกรณี น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.ที่งดออกเสียงโหวต จะเรียกร้องให้พรรค พปชร.ลงโทษหรือไม่  นายอนุทินได้ย้อนถามกลับว่า "คือใคร ไม่รู้จัก เขาเป็นใคร" พร้อมกับหัวเราะก่อนขอตัวเดินทางไปประชุม ครม.
    ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ได้นำคณะ ส.ส.พรรคมามอบแจกันดอกไม้และกล่าวอวยพร เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ 79 ปีของนายบัญญัติ  บรรทัดฐาน ประธานสภาที่ปรึกษาของพรรค และเป็นอดีตหัวหน้าพรรค  ปชป. หลังประชุม ส.ส.พรรคเสร็จสิ้น โดยนายบัญญัติกล่าวขอบคุณหัวหน้าพรรคและเพื่อน ส.ส. โดยระบุว่าปีนี้เป็นปีที่ดียิ่งสำหรับพวกเรา  เพราะสามวันก่อนจะถึงวันเกิด นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ  เลขาธิการพรรค ก็ได้รับคะแนนไว้วางใจจากสภาสูงเป็นอันดับหนึ่ง ทุกคนชื่นชม เพราะฉะนั้นสามวันหลังจากวันเกิด เรื่องรัฐธรรมนูญที่เราเป็นเจ้าของร่างเข้าสู่การพิจารณาในรัฐสภา ซึ่งก็ควรจะผ่าน เราก็น่าจะยิ่งดีกันใหญ่ และมีความมั่นใจท่ามกลางความที่ดีขึ้นเรื่อยๆ 
    สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย (พท.) นั้น นพ.จาตุรงค์  เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรค พท.กล่าวว่า จะเดินทางไปชี้แจงต่อคณะกรรมการวินัยจริยธรรม และคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคแน่นอน โดยน่าจะไปชี้แจงต่อผู้ใหญ่ในพรรคได้ช่วงวันที่ 8 หรือ 9 ก.ย. จะนำข้อมูลทางการแพทย์ตามที่ได้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลไปยืนยันพรรคด้วย โดยเฉพาะค่าวัดความดันครั้งแรกที่เมื่อไปถึงโรงพยาบาลสูงถึง 193/105 หากคนปกติจะอยู่ระหว่าง 120/80 นอกจากนี้หัวใจเมื่อไปถึงโรงพยาบาลก็เต้น 106 ครั้งต่อนาที จนแพทย์ตกใจ แม้แต่ตอนออกโรงพยาบาลวัดค่าความดันก็ยังสูงอยู่
"ตอนนี้ในพื้นที่ถูกโจมตีเยอะว่าโหวตสวนกับมติพรรค ต้องเรียนว่า ผมไม่ได้โหวตสวนมติพรรค เพียงแต่ในวันลงมติที่ไม่ได้ไปเพราะป่วยหนัก" นพ.จาตุรงค์กล่าว
    ขณะที่นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย  กล่าวว่า ยังไม่ได้รับหนังสือเรียกเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการชุดดังกล่าว  จึงไม่ได้ทำหนังสือชี้แจงและเข้าให้ข้อมูลต่อพรรค แต่เชื่อว่าการดำเนินการในครั้งนี้เป็นเพียงพิธีกรรมเพื่อให้สังคมเห็นในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น  เพราะท้ายที่สุดเขาก็ขับออกจากพรรคอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่ย้ายไปพรรคการเมืองใด ต้องรอให้คณะกรรมการวินัยสรุปก่อนจะมีจะมติออกมาในทิศทางใด
    “ช่วงนี้มีพรรคการเมืองหลายพรรคติดต่อสอบถามเพื่อให้ย้ายไปอยู่กับพรรคนั้นๆ เป็นจำนวนมาก แต่ตอนนี้ยังไม่ขอตัดสินใจใดๆ ทั้งสิ้นต่อเรื่องนี้” นายศรัณย์วุฒิกล่าว
    วันเดียวกันยังมีผลพวงจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยนายชัยวุฒิ  ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  (ดีอีเอส) กล่าวถึงกรณีบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) จะหมดสัญญาสัมปทานดาวเทียมในวันที่ 10 ก.ย.นี้ว่า เป็นเรื่องที่เป็นปัญหามาตั้งแต่ในอดีต ที่เกี่ยวกับสัดส่วนของผู้ถือหุ้น บมจ.ไทยคม​ เดิมเป็นของบริษัทชินวัตร ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็นบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด  (มหาชน) ยืนยันว่าเป็นเรื่องในอดีตไม่มีอะไร เป็นเรื่องที่ต้องทำให้ครบถ้วนตามกระบวนการ
ประเคนดาวเทียมให้ 'อินทัช'
    เมื่อถามถึงกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี ร้องเรียนให้ตรวจสอบการส่งมอบดาวเทียมและตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตต่อหน้าที่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า เรื่องไทยคมเป็นปัญหามหากาพย์ตั้งแต่รัฐบาลในอดีตกว่า 30 ปีมาแล้ว บางเรื่องไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาลปัจจุบัน การจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้หรือไม่ต้องเป็นสิ่งที่มีผู้ร้องเรียน ซึ่งจะมีการกระทบต่ออดีตเยอะ มีหลายเรื่องเก่าๆ ที่เราไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว เพราะเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ตอนนี้เราต้องมามองว่าจะทำอย่างไรให้ดาวเทียมสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ดีกว่า อย่าให้มีความเสียหายต่อบ้านเมือง ต้องทำทุกอย่างให้ถูกกฎหมาย ไม่มีการทุจริต
    นายชัยวุฒิกล่าวว่า ในส่วนที่หมดสัญญา ตัวดาวเทียมรัฐก็ดำเนินการต่อในนามของรัฐบาล ซึ่งหัวใจสำคัญคือต้องดำเนินการไม่ให้สะดุดหรือกระทบต่อประชาชน โดยต้องดำเนินการตามกฎหมาย และไม่ให้เกิดการทุจริต เป็นเป้าหมายที่จะต้องดำเนินการให้สำเร็จ ส่วนที่ นพ.วรงค์หรือผู้ที่เห็นต่างนั้น อาจได้ข้อมูลมาจากในอดีตว่าอย่างไรก็จะนำไปตรวจสอบ ต้องยอมรับว่าเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งไม่นานก็มีเรื่องเก่าๆ  หลายเรื่อง​ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลในอดีตได้ทำไปแล้วและได้จบไปแล้ว  บางทีการมารื้อฟื้นก็ทำได้ยากเหมือนกัน ต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลปัจจุบันด้วย บางเรื่องเป็นเรื่องที่รัฐบาลในอดีตไปผูกเงื่อนไว้ การมาแก้ไขก็ต้องค่อยๆ ทำ คงไม่ถูกใจทุกคน แต่จะค่อยๆ ชี้แจง​ ดูทุกอย่างในรายละเอียด แต่แนวทางที่เรากำลังทำอยู่เป็นแนวทางที่ดีที่สุดแล้ว
    น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ครม.เห็นชอบแนวทางการดำเนินการตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศที่จะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 10 ก.ย.ตามที่ดีอีเอสเสนอ คือ 1.กรณีการอนุมัติแก้ไขสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (สัญญาฉบับที่ 5) เห็นควรให้ บมจ.อินทัช  โฮลดิ้งส์ ถือหุ้นใน บมจ.ไทยคม ไม่ต่ำกว่า 51% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และให้ดีอีเอสดำเนินการแก้ไขสัญญาตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562
ทั้งนี้ เมื่อครั้งที่มีการแก้ไขสัญญาเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) ในปี 2547  ลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  ปัจจุบันคือ บมจ.อินทัชฯ ในบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) จากไม่น้อยกว่า 51% เป็นไม่น้อยกว่า 40% ซึ่งต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำวินิจฉัยว่า เป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ บมจ.ชินคอร์ป และ บมจ.ไทยคม ผู้รับสัมปทานจากรัฐโดยไม่สมควร การที่สัญญาหลักระบุให้บริษัทต้องถือหุ้นไม่น้อยกว่า  51% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด เป็นไปเพื่อให้บริษัทคู่สัญญามีอำนาจควบคุมการบริหารจัดการอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นคงในการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมของรัฐ
    2.กรณีการอนุมัติโครงการดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) เห็นควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญา โดยกำหนดให้ดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) ผนวกเข้ามาเป็นดาวเทียมภายใต้สัญญา และดำเนินการแก้ไขสัญญาตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 และ 3.ครม.เห็นชอบให้นายวิษณุตั้งคณะทำงานในการตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงการดำเนินการที่ผ่านมา ว่าเกิดความเสียหายอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งกำหนดแนวทางแก้ไขและผู้รับผิดชอบเพื่อเสนอ ครม.พิจารณาต่อไป.    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"