บ้านในฝัน..ปู่ย่าตายาย เริ่มที่ครอบครัวอบอุ่น


เพิ่มเพื่อน    

(ครอบครัวรักใคร่ ลูกหลานหมั่นมาเยี่ยมมาหา และคอยดูแลเอาใจใส่ เชื่อฟังคำสอนนำไปปรับใช้ คือบ้านในฝันผู้สูงอายุ)

     “บ้านในฝันของคุณตาคุณยายเป็นอย่างไร” คำถามชวนคิด? เพราะสังคมยุคนี้ต่างคนล้วนต่างอยู่ เห็นได้จากคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวทุกหัวระแหง และคนอยู่ข้างห้องกันยังแทบไม่รู้จักกัน นี่ยังไม่ต้องพูดถึงผู้สูงวัยที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่ลำพัง เนื่องจากสังคมเป็นไปด้วยความแข่งขันสูง ลูกหลานต้องไปทำงานหาเลี้ยงชีพ นั่นจึงทำให้ภาพจำของครอบครัวที่แสบอบอุ่นดูจะเลือนรางหายไป ต่างจากสังคมยุคก่อนลิบลับ ที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้า ลูกหลานดูแลเอาใส่ปู่ย่าตายาย หาใช่เรื่องเงินมาเป็นที่หนึ่งเหมือนคนยุคนี้ ความสุขในบ้านเริ่มลดน้อยลงก็ว่าแย่แล้ว แต่ถ้าหากผู้สูงวัยที่อยู่ใกล้เพื่อนบ้านไม่ดี นั่นถือว่าร้ายแรงยิ่งกว่า งานนี้จึงลงไปสอบถามผู้สูงวัยเกี่ยวกับ “บ้านในฝัน” มีภาพสวยงามเพียงใด และอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับวัยหลัก 5 หลัก 6 มีข้อมูลมาบอกกัน


     ป้านก วัยหลัก 6 ที่บอกว่า “บ้านในฝันของป้านก คือบ้านที่มีสีเขียวของต้นไม้ และคนในบ้านก็รักใคร่และช่วยเหลือกัน เพราะสังคมยุคนี้ คนมักจะแก่งแย่งและแข่งขันกัน ก็อยากเห็นความอบอุ่นแบบสมัยก่อนอีกครั้ง ที่สำคัญนอกจากครอบครัวที่อุบอุ่น การที่เราได้อาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เช่น เพื่อนบ้านที่เป็นมิตร ก็ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขค่ะ”

(นิตยา แสงวิเชียร)


     ทว่าบ้านหลังใหญ่ไม่สำคัญเท่ากับบ้านที่ไม่มีหนี้สิน และทุกคนในครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้า เพราะเด็กยุคนี้ติดโซเชียล จึงทำให้บางครั้งการพูดคุยสื่อสารกับพ่อแม่ ปู่ย่าตายายน้อยลง มุมมองจาก ป้านิตยา แสงวิเชียร ครูเกษียณอายุ วัย 62 ปี บอกว่า “บ้านในฝันคือการแวดล้อมไปด้วยลูกหลาน อีกทั้งได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน จริงๆ แล้วบ้านไม่จำเป็นต้องหลังใหญ่ แต่ขอให้ไม่มีหนี้สินและอยู่กันแบบพอเพียง ทุกคนรักใคร่กลมเกลียว เท่านี้ก็ถือเป็นความสุขของพ่อกับแม่แล้ว เพราะจะสังเกตได้ว่าเด็กยุคใหม่ห่างหินกับปู่ย่าตายาย เพราะติดโซเชียล ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ใช้แต่พอดี และแบ่งเวลาให้ผู้ใหญ่บ้าง เพื่อลดช่องว่างระหว่างวัยค่ะ”
     ด้าน คุณป้าโสภา ไมตรียานนท์ วัยเฉียดหลัก 6 บอกว่า “การที่สมาชิกทุกคนอยู่ด้วยกันแบบพร้อมหน้า ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน อีกทั้งสภาพแวดล้อมภายในบ้านสะอาด ปลอดโปร่ง ที่สำคัญไม่มีขโมย นอกจากนี้รอบบ้านก็ต้องร่มรื่น อย่างน้อยๆ ก็ควรมีสีเขียวของต้นไม้บ้าง หรือหากบ้านไหนพอจะมีพื้นที่ให้เลี้ยงปลาในบ่อเล็กๆ ก็จะทำให้บ้านดูสมบูรณ์แบบมากขึ้น ก็อยากให้ทุกบ้านเป็นแบบนี้ค่ะ เนื่องจากบ้านของป้าอยู่กลางเมือง ละแวกสีลม บางครั้งก็อาจจะหาพื้นที่สีเขียวได้ค่อนข้างยาก”

(ศรีนวล งามสะอาด)

     แม้ปัจจุบันคนในครอบครัวรักใคร่กลมเกลียวกันดี แต่การอาศัยอยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านที่ส่งเสียงดังก็มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิต มุมมองจาก คุณป้าศรีนวล งามสะอาด วัย 60 ปี ที่บอกว่า “ปัจจุบันครอบครัวป้าก็ค่อนข้างอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาและมีความสุขดีอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้ดีนั้น บ้านในฝันก็ควรมีสภาพแวดล้อมที่ดี เช่น เพื่อนบ้านที่อยู่ร่วมกันด้วยความสงบ เนื่องจากบ้านป้าเป็นทาวน์เฮาส์ติดกัน จึงค่อนข้างมีเสียงดังจากบ้านข้างเคียง ทั้งเลี้ยงสุนัขและเปิดเพลงเสียงดัง จริงอยู่ที่ทุกคนต้องอะลุ่มอล่วยกัน แต่ถ้าจะให้ดี การอาศัยอยู่แบบไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้บ้านของเราน่าอยู่มากขึ้นไปอีก”

(ศิริศักดิ์ วัจฉลพงศ์)

     ด้าน คุณลุงศิริศักดิ์ วัจฉลพงศ์ วัย 62 ปี บอกให้ฟังว่า นอกจากสมาชิกในบ้านรักใคร่กลมเกลียวกันแล้ว การที่เด็กยุคใหม่ให้ความเคารพผู้ใหญ่ อ่อนน้อมถ่อมตน และเชื่อฟังพ่อแม่ ก็เป็นสิ่งที่จะช่วยเติมเต็มครอบครัวให้อบอุ่นมากขึ้น “ทุกวันครอบครัวของผมมีด้วยกัน 4 คน คือมีลูกสาว 2 คน ซึ่ง บ้านเราก็มีความสุขระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่อยากเห็นคือ อยากให้เด็กยุคใหม่นับถือ เชื่อฟังและเคารพพ่อแม่ เพราะปัจจุบันเรื่องนี้มันหย่อนยานไปเยอะ สมัยก่อนเวลาที่ผู้ปกครองพูดอะไร ลูกๆ ก็จะเกรงใจและเคารพ แต่ปัจจุบันเด็กๆ มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น หรือเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เวลาที่เราสอน เขาก็จะโต้แย้งทันทีถ้าเห็นว่าไม่ใช่ เพราะอันที่จริงแล้วผมคิดว่าเราสามารถเปิดรับสิ่งใหม่ได้ แต่ก็ยังต้องรักษาสิ่งเก่า โดยเฉพาะการเชื่อและรับสิ่งที่ผู้ใหญ่บอก เพื่อนำไปคิดและปรับใช้ คือเป็นอะไรที่กลางๆ หรือทำให้ทุกคนยอมรับความคิดเห็นกันมากยิ่งขึ้น”

(เกวลี เตรียมแจ้งอรุณ)

     การที่พ่อแม่รักใคร่ ซื่อสัตย์ เข้าอกเข้าใจกัน ย่อมเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกๆ ซึ่งจะทำให้บ้านในฝันเป็นบ้านแห่งความอบอุ่น ข้อมูลจาก คุณป้าเกวลี เตรียมแจ้งอรุณ วัย 60 ปี ที่ออกกำลังกาย ณ สวนลุมพินีอย่างขะมักเขม้น บอกว่า “บ้านในฝันของป้าคือบ้านที่ทุกคนอยู่ด้วยกันแบบมีความสุข อันเนื่องมาจากการที่พ่อแม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก เช่น มีความซื่อสัตย์ต่อกัน รักใคร่กัน ไว้เนื้อเชื่อใจกัน ตรงนี้จะทำให้ลูกๆ มีความสุข ซึ่งครอบครัวป้าก็ทำอย่างนั้นมาตลอดค่ะ ที่สำคัญเวลาวันหยุดเราก็จะพาสมาชิกทุกคนในบ้านไปรับประทานอาหารนอกบ้านกัน บอกตามตรงว่าบ้านจะอบอุ่นไม่จำเป็นต้องมีเงินมาก แต่ขอให้ทุกคนรักกันและดูแลเอาใจใส่กัน แค่นี้มันก็แฮปปี้แล้วค่ะ”.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"