คิดตื้น...มองตื้นไปหรือเปล่า


เพิ่มเพื่อน    

นับตั้งแต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ สิ่งที่เขาได้รับรู้จากข่าวสารที่ปรากฏ ทำให้หลายคนมองว่ามีความขัดแย้งกันในพรรคพลังประชารัฐแน่ๆ ลองมาร่ายเรียงกันดูว่ามีเหตุการณ์อันใดที่ทำให้สื่อมวลชนและประชาชนต่างก็พากันมั่นใจว่ามีรอยร้าวในพรรคพลังประชารัฐแน่ๆ และรอยร้าวดังกล่าวนี้ส่งผลให้สื่อมวลชนติดตามการกระทำของบุคคลที่หลายคนมองว่าเป็นต้นตอของความขัดแย้ง

  • มีกระแสข่าวว่าจะมีการลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี โดยมีการอ้างเบื้องบน และมีการอ้างเรื่องการทุ่มเงิน 2,000 ล้านเพื่อแจกกล้วย
  • มีการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีว่า ถ้าหากมีความพยายามที่จะโค่นท่านจริงก็ถือว่าเป็นการกระทำของคนที่ไม่ใช่สุภาพบุรุษ
  • มีคนเข้า-ออกบ้านป่ารอยต่อกันหลายราย ทำให้คนคิดได้ว่าจะต้องมีการพูดคุยต่อรองกันระหว่างหัวหน้าพรรค สมาชิกพรรค และหัวหน้ารัฐบาล
  • พรรคพลังประชารัฐมีการประชุมกันแม้ในวันที่จะมีการลงคะแนนเสียงว่าจะไว้ใจนายกรัฐมนตรีหรือไม่ แสดงว่ากระแสเรื่องความคิดที่จะล้มนายกรัฐมนตรีน่าจะมีอยู่จริง
  • เมื่อมีการลงคะแนนเสียง นายกรัฐมนตรีได้คะแนนน้อยกว่ารัฐมนตรีที่มาจากพรรคร่วม น้อยกว่ารัฐมนตรีกระทรวง DES มากกว่ารัฐมนตรีกระทรวงแรงงานเพียงคนเดียว
  • หลังจากจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว นายกรัฐมนตรีปลดรัฐมนตรี 2 คน ทั้ง 2 คนมีตำแหน่งสำคัญในพรรคพลังประชารัฐ คนหนึ่งเป็นเลขาธิการพรรค อีกรายหนึ่งเป็นเหรัญญิกพรรค ตามกระแสข่าวบอกว่าการปลดครั้งนี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้แจ้งให้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐทราบ ดังนั้นโอกาสที่จะมีเคืองกันบ้าง ก็น่าจะเป็นไปได้
  • หลังจากถูกปลดแล้ว อดีตรัฐมนตรีบอกว่าจะกลับไปดูแลประชาชนในท้องถิ่น และตอนนี้ใจไม่อยู่แล้ว ทำให้หลายคนคาดการณ์ว่าในการประชุมพรรคพลังประชารัฐน่าจะมีการเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค แต่เหตุการณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐยังเป็นคนเดิม และให้สัมภาษณ์ว่าจะอยู่ช่วยงานหัวหน้าพรรค

เหตุการณ์ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้สื่อมวลชน และประชาชนจำนวนหนึ่งมองว่าความสัมพันธ์ของ 3 ป. ไม่น่าจะเหมือนเดิม แต่เจ้าตัวก็บอกว่ารักกันมานาน ทำงานร่วมกันมานาน กินนอนด้วยกันมานาน ไม่มีทางที่จะแตกแยกกัน กองเชียร์นายกรัฐมนตรีก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ก็อดหวั่นไหวไม่ได้ เมื่อติดตามข่าว และการวิเคราะห์ของสำนักข่าว และกูรูทางการเมืองทั้งหลาย

และแล้วก็มีเหตุการณ์มาตอกย้ำความเชื่อของคนที่มองว่า 3 ป.นั้น มีความสัมพันธ์ไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะการลงไปดูแลแก้ปัญหานั้น สองคนไม่ได้ไปด้วยกัน ออกไปดูงานในวันเดียวกัน แต่ไปคนละจังหวัด เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เลยทำให้สื่อมวลชนและประชาชนจำนวนหนึ่งมองว่า 3 ป.แตกกันแล้วแน่นอน เพราะ 2 ป.ไปทาง อีก 1 ป.ไปอีกทาง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เลยทำให้มีคนใช้ตัวเลขของ ส.ส.ที่ตาม 2 ป.ไปดูงานเรื่องการจัดการน้ำ โดยเอาตัวเลขของจำนวน ส.ส.ว่าติดตามนายกรัฐมนตรีไปกี่คน และติดตามหัวหน้าพรรคไปกี่คน เป็นการใช้จำนวน ส.ส.ที่ติดตามแต่ละ ป. ว่าเป็นการลองกำลังกันของ 2 ป. ความคิดดังกล่าวนี้อาจจะเป็นการมองที่ตื้นเกินไป ควรจะพิจารณาให้ถ้วนถี่กว่านี้ โดยดูจากสถานะของแต่ละ ป. แล้วก็น่าจะเข้าใจได้ว่า ส.ส.ที่ไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรีควรตามหัวหน้าพรรคมากกว่าตามนายกรัฐมนตรี

  • นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร และไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นไม่ควรจะมีบทบาทในการควบคุมคนในพรรคพลังประชารัฐ ครอบงำคนในพรรคพลังประชารัฐ
  • คนที่ตามนายกรัฐมนตรีน่าจะเป็นรัฐมนตรีที่เป็นฝ่ายบริหารด้วยกัน และ ส.ส.ในพื้นที่ร่วมกับ ส.ส.ในพื้นที่ใกล้เคียงที่จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่เพชรบุรี
  • ถ้าหากมี ส.ส.นอกพื้นที่มากับนายกรัฐมนตรี แล้วนายกรัฐมนตรีเผลอไปสั่งงาน ส.ส.เหล่านั้นที่ไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐจะตกที่นั่งลำบาก อาจจะถูกร้องว่าปล่อยให้คนนอกที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคมาครอบงำ มาสั่งการคนในพรรคให้ทำโน่นทำนี่ กฎหมายห้ามเรื่องนี้เอาไว้ ดังนั้น ส.ส.นอกพื้นที่ก็ไม่ควรตามนายกรัฐมนตรีไปหรอกนะ
  • ส.ส.ที่ตามหัวหน้าพรรคไปนั้น ถ้าหากหัวหน้าพรรคมอบหมายงาน สั่งให้ทำโน่นทำนี่ ก็จะเป็นการกระทำที่ถูกต้อง เพราะหัวหน้าพรรคย่อมสามารถสั่งงานลูกพรรคได้

ฝ่ายค้านที่กำลังกระหยิ่มยิ้มย่องมองว่า 3 ป.แตกกันแล้ว ไม่มีพลังความแข็งแกร่งแล้ว ติดตามดูนานๆ ดีกว่า อย่าเพิ่งตีปีกดีใจไป อย่าลืมว่า 3 ป. ท่านเป็นทหาร ท่านเรียนเรื่องการวางยุทธวิธีในการรบมา ท่านก็คงสามารถนำเอาความรู้เกี่ยวกับเรื่องการวางยุทธศาสตร์ในการรบมาใช้กับการวางยุทธศาสตร์ทางการเมืองได้ ส่วนวางแล้วจะแพ้หรือชนะ มีมิติอื่นๆ ที่จะต้องมองกัน

  • นายกรัฐมนตรีจะเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้สามารถกำกับและควบคุมพฤติกรรม ส.ส.ของพรรคให้ดีกว่านี้ไหม
  • นายกรัฐมนตรีจะตั้งพรรคใหม่หรือไม่ และถ้าหากนายกรัฐมนตรีตั้งพรรคใหม่ ไม่มีรายชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคพลังประชารัฐแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชารัฐ อย่าลืมว่าหลายคนที่เป็น ส.ส.ในนามพรรคพลังประชารัฐอยู่ในตอนนี้ชนะได้ เพราะประชาชนต้องการให้พลเอกประยุทธ์มาเป็นรัฐมนตรีนะ
  • นายกรัฐมนตรีจะล้างมือในอ่างทองคำ แล้วกลับไปพักผ่อนอยู่บ้านอย่างมีความสุขกับครอบครัว ไม่ต้องมาทนให้คนหยาบช้าด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบๆ คายๆ อย่างเช่นทุกวันนี้ หรือว่าท่านยังเป็นห่วงปัญหาบ้านเมืองที่ยังแก้ไขไม่หมด ท่านจะต้องเดินหน้าเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย ปัญหาที่น่าคิดคือ ถ้าท่านจะไปต่อ ท่านจะเข้ามาในวิธีใด อย่ามองแค่ 3 ป. แยกกัน ไปดูงานเรื่องน้ำคนละจังหวัดในวันเดียวกันว่าเป็นการแตกแยกของ 3 ป. หรือเป็นการประลองกำลังกันระหว่าง 2 ป. เขาอาจจะรวมกันอยู่ แต่ก็แยกกันทำงาน เพื่อให้ได้งานที่มากขึ้น สิ่งที่ประชาชนต้องห่วงเวลานี้คือ “จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อจะต้องลงคะแนนเสียงด้วยบัตร 2 ใบ”.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"