ฉีดวัคซีนเด็กหมุดหมายสู้โควิด


เพิ่มเพื่อน    

"บิ๊กตู่" ประกาศวันหมุดหมายสำคัญต่อสู้โควิด  คิกออฟฉีดวัคซีนนักเรียนรับเปิดเทอม ปลื้มตัวเลขติดเชื้อใหม่ต่ำหมื่นเสียชีวิตต่ำร้อย สัญญาณดีต่อเนื่องเดินหน้าเปิดเมืองเปิดประเทศ สธ.ขยับเป้าฉีดวัคซีนปีนี้เป็น 119 ล้านโดส ปีหน้าอีก 86 ล้านโดส คาดเด็กอายุ 3-11 ขวบได้วัคซีนปี 65 
    ที่โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ ถ.ลาดพร้าว เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม  เวลา 08.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธี "Kick Off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน เด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม" เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนในเด็กแก่พ่อแม่ผู้ปกครอง โดยมี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข รวมถึง ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ  (พปชร.) อาทิ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์, น.ส.กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา เข้าร่วม ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีแนวทางฉีดวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 12-18 ปี (ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-6  หรือเทียบเท่า) ประมาณ 4.5 ล้านคนทั่วประเทศ
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมมือในการมาฉีดในครั้งนี้ เพื่อสร้างเกราะป้องกันให้เด็กมีความปลอดภัย อุ่นใจต้อนรับเปิดเทอม ซึ่งการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่รัฐบาลต้องรักษาระบบนี้ให้ได้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อทั้งครู นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา โคยครูมีบทบาทอย่างมากในการปรับเปลี่ยนวิธีการสอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละช่องทาง วันนี้ตนเห็นภาพผู้ปกครองนั่งเรียนกับลูกในกรณีที่เด็กอยู่บ้าน เชื่อว่าไม่ใช่ภาระ ถ้ามีเวลาก็อยู่กับลูกกับหลาน เป็นช่วงเวลาครอบครัวที่ได้อยู่ร่วมกัน แต่ต้องขอโทษถ้ามีหลายคนรู้สึกเป็นภาระ แต่วันนี้ต้องมีความใกล้ชิดกันในครอบครัวมากยิ่งขึ้น เพื่อมีภูมิต้านทานในการอยู่ในโลกใบนี้ต่อไป
    "ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ผมอยากเห็นภาพทุกคนได้รับวัคซีนอย่างทั่วหน้า เรื่องการจัดหาวัคซีนมี 2 ประเภทคือ วัคซีนหลักที่รัฐบาลจัดหา ซึ่งเป็นการเจรจาโดยภาครัฐ  รัฐบาลต่อรัฐบาล และวัคซีนทางเลือก เป็นการเจรจาระหว่างผู้จำหน่ายวัคซีน เพื่อเป็นทางเลือกให้คนทั่วไป โดยยืนยันปีนี้วัคซีนมีเพียงพอทั้งปีนี้และไปถึงปีหน้า คาดการณ์ว่ามีวัคซีน  150 ถึง 170 ล้านโดสในปีนี้ ฉีดได้ครบถ้วนตามที่เราตั้งเป้าไว้  ย้ำว่าวันนี้ต้องเดินหน้าประเทศไปข้างหน้า ให้การเปิดภาคเรียนการศึกษาเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่การควบคุมการแพร่ระบาดก็เป็นไปตามแผนที่เราคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า" นายกฯ ระบุ
    จากนั้นนายกฯ เดินให้กำลังใจนักเรียนที่มาฉีดวัคซีน 
    พล.อ.ประยุทธ์โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "วันนี้ (4  ต.ค.) เป็นอีกหนึ่งวันที่เป็นหมุดหมายสำคัญ ในการต่อสู้กับโควิด-19 เพื่อนำไปสู่การเปิดเมือง เปิดประเทศ นอกจากวันนี้ยอดผู้ติดเชื้อจะลดต่ำลงกว่าหนึ่งหมื่นคน พร้อมกับยอดผู้เสียชีวิตต่ำกว่าหนึ่งร้อยคน ซึ่งเป็นสัญญาณของสถานการณ์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว และยังเป็นวันเริ่มต้นการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับลูกหลานของเรา จะทำให้เราสามารถเปิดสถานศึกษาได้ ให้เด็กนักเรียนได้กลับไปสู่บรรยากาศการเรียนตามปกติ แบบ New Normal" 
     ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.30 น. พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค.แถลงว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 9,930  ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 9,561 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 8,954 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก  607 ราย มาจากเรือนจำ 362 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 7 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี  2563 จำนวน 1,647,362 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 12,336 ราย  ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,520,503  ราย อยู่ระหว่างรักษา 109,748 ราย อาการหนัก 3,071 ราย  ใส่ท่อช่วยหายใจ 719 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 97 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 17,111 ราย 
    สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 4 ต.ค. ได้แก่  กทม. 1,137 ราย, ยะลา 764 ราย, ชลบุรี 594 ราย, สงขลา  484 ราย, ปัตตานี 406 ราย, สมุทรปราการ 382 ราย,  นราธิวาส 314 ราย, นครศรีธรรมราช 313 ราย, ราชบุรี 300  ราย, ระยอง 297 ราย อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของทั้งประเทศถือว่าตัวเลขลดลง แต่พื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถือว่าเพิ่มขึ้น ยอดติดเชื้ออยู่ที่ 1,968 ราย คิดเป็นร้อยละ 21 ของทั้งประเทศ และมีจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ถึง 5 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้ออยู่ใน 10 อันดับแรกผู้ติดเชื้อสูงสุดของวันนี้ จึงขอให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแต่ละจังหวัดเข้มข้นมาตรการ นอกจากนี้ยังมีการรายงานด้วยว่า พื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พบร้านอาหารเปิดเกินเวลา และมีการลักลอบดื่มแอลกอฮอล์โดยใส่ในแก้วพลาสติก จึงฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำชับมาตรการ 
    ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 3 ต.ค.  จำนวน 281,070 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28  ก.พ.ทั้งสิ้น 55,150,481 โดส ขณะที่พบว่าการฉีดวัคซีนใน 4  จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่ำกว่าเป้าหมายที่ให้ฉีดกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มโรคเรื้อรังให้ได้ร้อยละ 70 ภายในเดือน ก.ย. จึงฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการฉีดวัคซีน  
    ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์  อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงว่า ขณะนี้มีผู้ได้รับวัคซีนแล้วทั้งหมด 55 ล้านโดส ซึ่งเกินเป้าหมายที่วางไว้ คือภายในสิ้นเดือน ก.ย.64 ตั้งเป้าไว้ที่ 40 ล้านโดส แยกเป็นเข็มที่ 1  จำนวน 33 ล้านคน หรือ 46% เข็มที่ 2 จำนวน 20 ล้านคน  หรือ 28.7% และเข็มที่ 3 จำนวน 1.4 ล้านคน หรือ 2% โดยจะเร่งฉีดเข็มที่ 1 ภายใน 3 เดือนให้ได้มากที่สุด โดยในปี  2564 ได้มีการปรับเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ได้ 119 ล้านโดส  แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 60 ล้านโดส เข็มที่ 2 จำนวน 52  ล้านโดส เข็มที่ 3 จำนวน 7 ล้านโดส และในปี 2565 ตั้งเป้าการฉีดอีก 86 ล้านโดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 กลุ่มคนที่ตกค้างในปี 2564 โดยเฉพาะในเด็กอายุ 3-11 ขวบ จำนวน 6 ล้านคน ที่มีการยื่นข้อมูลให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)  เพื่อรับรองคุณภาพและความปลอดภัยในเด็ก คาดว่าไม่เกินปีหน้าจะมีวัคซีนฉีดในเด็กกลุ่มนี้ ส่วนเข็มที่ 2 จำนวน 14 ล้านคน และในเข็มที่ 3 จำนวน 66 ล้านคน 
    วันเดียวกัน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยบริการวัคซีนนักเรียนสังกัดสำนักการศึกษา กทม. ณ  โรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ เขตจตุจักร ว่า เด็กนักเรียนอายุ  12-18 ปีในพื้นที่กรุงเทพฯ ทุกสังกัดมีทั้งหมดมากกว่า  400,000 คน เบื้องต้นได้รับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์มาทั้งหมด 135,000 โดส จึงได้กำหนดฉีดวัคซีนให้เด็กนักเรียนระดับมัธยมปลายทุกสังกัดในพื้นที่กรุงเทพฯ ก่อน ส่วนระดับมัธยมต้นเมื่อได้รับวัคซีนเพิ่มเติมจะดำเนินการจัดฉีดวัคซีนให้ต่อไป ซึ่งคาดว่าภายในเดือน ต.ค.นี้ สธ.จะจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มเติมและสามารถฉีดวัคซีนให้เด็กนักเรียนได้ครบทุกคนทั่วประเทศ ซึ่งเด็กที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกในวันนี้จะได้รับวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่สองในอีก 3 สัปดาห์ คือวันที่ 25 ต.ค.64. 
          


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"