จับกระแสการเมือง พรรคชิงประกาศแคนดิเดต “นายก”


เพิ่มเพื่อน    

2-3 วันที่ผ่านมา กระทรวงการคลัง รายงานภาพรวมหนี้สาธารณะของประเทศ ณ สิ้นเดือน ส.ค.2564 มียอดหนี้จำนวน 9,159,513 ล้านบาท หรือ 57.01% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เทียบกับเดือนก่อนหน้าพบว่า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 250,450 ล้านบาท 
    สอดรับกับประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ขยายสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ไม่เกินร้อยละ 70 จากเดิมอยู่ที่ร้อยละ 60
    จากการขยายเพดานหนี้ดังกล่าว เป็นการช่วยเปิดช่องให้รัฐบาลสามารถออกกฎหมายเพื่อกู้เงินอีก 1 ล้านล้านบาท ซึ่งหลายฝ่ายออกมาให้คำแนะนำจะใช้จ่ายเงินแบบที่ผ่านมาคงไม่ได้แล้ว
    หากจะกู้เงินอีกครั้งต้องใช้งบประมาณอย่างรัดกุม กระตุ้นเศรษฐกิจจริงจัง ตรงเป้า ไม่ใช่หว่านเม็ดเงินเพื่อหาเสียงเหมือนที่ผ่านมา
    ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรีบปรับแผนแก้ไขปัญหา มิเช่นนั้นเศรษฐกิจพัง ภาคธุรกิจรับความเสียหายโดยตรงที่สุด กระทบเป็นลูกโซ่จนถึงปากท้องรากหญ้า ส่วนรัฐบาลเต็มที่ก็เพียงแค่ลาออก เพื่อรับผิดชอบในการบริหารผิดพลาด
    ในทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขยันสร้างรอยร้าวให้พรรคร่วมรัฐบาล ทั้งที่ความเป็นจริงก็ยังต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน วัดจากคำสั่งที่นายกฯ ลงนาม ครั้งแรก เมื่อเดือน เม.ย. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 85/2564 เรื่อง มอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด 
    จนกระทั่ง “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ต้องออกมาเคลื่อนไหว
    ระบุว่า “รัฐมนตรีแต่ละคนได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในพื้นที่ที่รัฐมนตรีท่านนั้นๆ เป็นผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว แต่บังเอิญว่ารัฐมนตรีหลายคนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เข้าไปดูแลพื้นที่นั้น เช่น กรณีของนายนิพนธ์ บุญญามณี ที่เป็นอดีต ส.ส.สงขลา ดูแลพื้นที่จังหวัดสงขลา และนครศรีธรรมราช แต่ก็มีการปรับเปลี่ยนให้ไปดูแลจังหวัดตรังและสตูล หรือแม้แต่นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ และ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ก็ไม่ได้ดูแลพื้นที่ตนเอง แต่ได้ดูแลพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด และหนองบัวลำภู หรือแม้แต่นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เป็นอดีต ส.ส.พิษณุโลก ก็ไม่ได้ดูแลจังหวัดพิษณุโลก แต่ให้ไปดูแลจังหวัดอำนาจเจริญ ยโสธร และพัทลุงแทน”
    ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเดิมดูแลพื้นที่จังหวัดพะเยา เชียงราย และหนองบัวลำภู แต่กลับเปลี่ยนมาให้ดูแลพื้นที่จังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช และภูเก็ต ที่เป็นความรับผิดชอบเดิมของนายนิพนธ์
    ล่าสุด ครั้งที่ 2 นายกฯ ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 254/2564 เรื่องแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี สาระสำคัญคือ ยึด 4 กรมในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูแลแทน “จุรินทร์” ที่ดูแลอยู่เดิม
    จน “จุรินทร์” ออกมาแสดงความคิดเห็นเชิงไม่พอใจว่า “เห็นใจพรรคพลังประชารัฐที่จะต้องแก้ไขปัญหาภายพรรค ซึ่งให้กำลังใจมาโดยตลอด เพียงแต่การแก้ไขปัญหาควรจะยุติ ไม่ควรที่จะกระทบถึงส่วนอื่นหรือพรรคการเมืองอื่น ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นเรื่อง แทนที่จะแก้ปัญหาทั้งหมดให้ลุล่วงไปได้ ก็จะเป็นการแก้ปัญหาหนึ่ง แต่ไปสร้างอีกปัญหาหนึ่งโดยไม่จำเป็น ซึ่งได้สื่อสารเรื่องนี้กับนายกฯ แล้ว และนายกฯ ก็รับทราบ”
    สุดท้าย นายกฯ ก็ลงนามยกเลิกทั้ง 2 คำสั่งที่ตัวเองเซ็นเอง เพื่อสยบรอยร้าวพรรคร่วมรัฐบาล แต่ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงบ่นจากสังคมถึงความกลับไปกลับมาของผู้นำประเทศ
    ตอกย้ำด้วยทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลที่แก้ปัญหาไม่ตก ความมึนของนายกฯ สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือ ประชาชนเหนื่อย ไม่เอารัฐบาลแล้ว
    และต้องจับตาเกมในสภาต่อจากนี้ให้ดี การโหวตกฎหมายสำคัญๆ ของรัฐบาล ถ้าไม่ผ่าน อาจถึงคราว พล.อ.ประยุทธ์ประกาศยุบสภาหรือประกาศลาออกจากตำแหน่ง
    ฉะนั้น จึงไม่แปลกที่พรรคการเมืองขยันลงพื้นที่พบปะประชาชน และประกาศตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคก้าวไกล และพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ล่าสุด ประกาศลั่นแล้วว่าเตรียมผู้สมัคร ส.ส.ไว้เกือบครบทุกเขตเลือกตั้ง
    บางคนแซวว่าประกาศแต่ไก่โห่ แต่แท้ที่จริงสถานการณ์การเมืองในอนาคตอันใกล้นี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ สุดแท้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"