'อนุทิน' เผยต้องเร่งทำความเข้าใจทางการแพทย์กับผู้ปกครอง ยินยอมให้นร.อีก1ล้าน ฉีดวัคซีน /ศธ. อ้าแขนรับฉีดให้ นร.ที่วอล์กอินเข้ามา 


เพิ่มเพื่อน    

6ต.ค.64-ที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี - นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) คุณหญิงกัลยา โสภณพาณิชย์ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) และผู้บริหารระดับสูงของ ศธ.และสธ. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนโควิด 19 สำหรับเด็กอายุ 12-17 ปี โดยรร.สุรศักดิ์ มีนักเรียนทั้งหมด 2,929 คน แจ้งความประสงค์ฉีด 2,505 คน เพื่อรองรับการเปิดเรียนอย่างปลอดภัย

โดยนายอนุทิน กล่าวว่า สธ.และ ศธ.ร่วมกันจัดวัคซีนมาฉีดนักเรียนอายุ 12 ปีขึ้นไป เร่งระดมฉีดทั่วประเทศให้ทันเปิดภาคการศึกษาในพฤศจิกายน คือมีเวลา 1 เดือนที่ต้องเร่งฉีด โดยเด็กอายุ 12-17 ปี สามารถรับวัคซีนได้ 5 ล้านคน ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ 3.8 ล้านคน อีก 1 ล้านต้องทำความเข้าใจพ่อแม่ ผ่านทางการแพทย์ ผู้บริหารโรงเรียนให้มั่นใจ ให้ผู้ปกครองอนุญาตให้มาฉีด การรับวัคซีนถ้วนหน้าจะป้องกันการติดและแพร่เชื้อในโรงเรียน โดยจะมีการจัดฉีดในสถานศึกษา ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้าจะวัคซีน Pfizer เข้ามาอีก 1.5 ล้านโดส และจะเข้ามาทั้งหมด 8 ล้านโดส ซึ่งเพียงพอกับการฉีดในนักเรียน ส่วนที่เหลือจะฉีดในคนทั่วไปจะเป็นเข็มแรกหรือบูสเตอร์ก็อยู่ที่ดุลพินิจของแพทย์ ทั้งนี้ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เรายังไม่มีอะไรน่าวิตกกังวล เรื่อง ผลข้างเคียง ซึ่งผลข้างเคียงมีได้ แต่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย บางคนมีไข้ เพลีย ก็แนะนำแล้วว่า ช่วงฉีดวัคซีน วันนั้นก็พยายามพักผ่อนมากๆ ดื่มน้ำเยอะๆ

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับการขึ้นทะเบียนฉีดอายุ 3 ขวบขึ้นไปของซิโนแวคและซิโนฟาร์ม เราได้ขอให้ส่งเอกสารการวิจัยเข้ามามากที่สุด ซึ่งผู้ผลิตเองก็ยังไม่ได้ขอ อย.ในจีน มีแต่ไปทดลองในประเทศที่จำเป็นมากๆ ซึ่งการขึ้นทะเบียนต้องพิจารณาตามมาตรฐาน ดูเปเปอร์ต่างๆ ความปลอดภัย จะใช้ความรู้สึกมาพิจารณาการตัดสินใจสุขภาพ ความปลอดภัย การรับยาวัคซีนไม่ได้ ต้องเป็นไปตามข้อกำหนด ส่วนการบูสเตอร์ในเด็ก ถ้ามีข้อมูลว่าควรรับเข็มสามเมื่อไรก็จะจัดให้ไม่รอช้า ซึ่งการจัดหาจัดซื้อวัคซีนปีนี้เราทำได้ครบถ้วน และจัดหานำมาเป็นบูสเตอร์เพียงพอสำหรับปีหน้า ซึ่งสัปดาห์ที่แล้วลงนามจัดซื้อแอสตร้าเซนเนก้า 60 ล้านโดส และอยู่ในการเจรจาอีกหลายราย รวมถึงไฟเซอร์ก็เจรจา อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ซึ่งคงไม่วุ่นวายเหมือนปีนี้ เพราะจะมีวัคซีนในท้องตลาดอีกมามายหลายเทคโนโลยี วัคซีนของไทยเองก็จะมีการพัฒนา ซึ่งทุกสถาบันวิจัยก็ให้กำหนดการมาว่าในปีหน้า น่าจะเห็นวัคซีนไทยเอามาใช้ได้ เพราะการทดลองตามขั้นตอนต่างๆ เป็นไปตามคาดหมาย

ด้านนางสาวตรีนุช กล่าวว่า สำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 2 ศธ. ได้กำหนดให้มีระยะเวลาดำเนินงาน 2 ระยะ คือ ระยะแรก สำหรับโรงเรียนพักนอน ซึ่งดำเนินการตามโครงการ Sandbox: Safety zone in School มาตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม 2564 และระยะที่สอง สำหรับโรงเรียนประเภทไป-กลับ ที่มีความพร้อมและผ่านเกณฑ์การประะเมิน  ซึ่งการจะเปิดโรงเรียนได้ต้องผ่านเกณฑ์การประเมินหลายด้าน เช่น ด้านกายภาพ ด้านการมีส่วนร่วม ด้านการประเมินความพร้อมสู่การปฏิบัติ สำหรับสถานศึกษา ครู-บุคลากรต้องฉีดวัคซีนครบโดสไม่น้อยกว่า ร้อยละ 85 ในขณะที่นักเรียน-ผู้ปกครอง ควรได้รับวัคซีนตามมาตรการที่ ศธ.และกระทรวงสาธารณสุขกำหนด

 ทั้งนี้ ในระหว่างการเปิดภาคเรียนไปแล้ว ต้องปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด และสามารถจัดการเรียนการสอนแบบ Onsite หรือ Online หรือแบบผสมผสานทั้งประจำและไปกลับก็ได้ หรือการสลับวันมาเรียน โดยแต่ละห้องเรียนไม่เกิน 25 คน เว้นระยะห่างไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร ทั้งนี้เมื่อนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 12-17 ปี ได้รับวัคซีน Pfizer ครอบคลุมหมดแล้วก็ถือว่ามีความมั่นใจทางด้านสุขภาพระดับที่จะลดการแพร่เชื่อ  ซึ่งเบื้องต้นเท่าที่รับรายงาน มีนักเรียนแจ้งรายชื่อขอฉีดวัคซีนเพิ่มอีกกว่า 1 แสนราย โดยมีนักเรียนทั้งหมด 5,048,081 คน และเดิมประสงค์แจ้งฉีดวัคซีน จำนวน 3,618,166 คน  ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมาอีก ร้อยละ 80 อย่างไรก็ตาม การเปิดภาคเรียน ศธ.และ สธ.ได้จัดเตรียมแผนเชิญเหตุไว้เรียบร้อยแล้ว  
         
ด้านนายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รับรายงานนักเรียนแจ้งขอฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีกรณีที่นักเรียนไม่ได้แจ้งรายชื่อขอฉีดวัคซีนแต่วอล์กอิน เข้ามาในโรงเรียน โดยทางโรงเรียนและสาธารณสุขจังหวัดได้บริการจัดฉีดวัคซีนให้ เพราะเจตนารมณ์เราต้องการให้เด็กได้รับวัคซีนครบทุกอยู่แล้ว นอกจากนี้จะสพฐ.จะสำรวจการฉีดวัคซีนของนักเรียนรอบสองอีกครั้งว่า  ยังมีนักเรียนคนไหนตกหล่นอีกหรือไม่ โดยรอบสองจะบริการให้นักเรียนไปฉีดที่โรงพยาบาลในพื้นที่ที่อาศัยอยู่แทน
           
ขณะที่นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาฯ กพฐ.กล่าวว่า ศธ.จะประสานกับกรมการแพทย์ของสธ.จับครูโรงเรียนและโรงพยาบาลในพื้นที่กทม.ในการเพิ่มหน่วยบริการฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียน เพื่อดำเนินการให้เสร็จทันก่อนเปิดภาคเรียนที่ 2 ส่วนครูและบุคลากรทางการศึกษาจสำรวจว่ามีครูและบุคลากรทางการศึกษาเหลืออยู่จำนวนเท่าไหร่ที่ยังได้รับวัคซีน โดยจะแบ่งเป็น ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลย ได้รับวัคซีนเข็มแรก และได้รับวัคซีนครบสองเข็มรอบูทเตอร์เข็มสาม เพื่อระดมให้ครูได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง และเปิดเรียนได้อย่างปลอดภัย 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"