เปิดไทยเปิดโลก


เพิ่มเพื่อน    

ข่าวดีสำหรับคนไทยที่อยากไปอเมริกา
    ปลายสัปดาห์ที่แล้วศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC)  อเมริกา ออกแถลงการณ์ว่าให้การยอมรับอย่างเป็นทางการ สำหรับเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีน
    หรือที่เรียกว่าวัคซีนพาสปอร์ต
    เนื้อหาในแถลงการณ์ บอกว่า ให้การยอมรับ ซึ่งก็หมายถึงให้เดินทางเข้าอเมริกาได้ หากบุคคลนั้นฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-๑๙ ซึ่งได้รับการอนุมัติฉุกเฉิน โดยคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) 
    หรือเป็นวัคซีนซึ่งอยู่ในบัญชีฉุกเฉิน ให้การรับรองโดยองค์การอนามัยโลก (WHO)
    ปัจจุบัน WHO ขึ้นทะเบียนเพื่อการใช้งานฉุกเฉิน ให้แก่วัคซีนป้องกันโรคโควิด-๑๙  หลายยี่ห้อ หลายแหล่งผลิต อาทิ
    ไฟเซอร์ ของ ไบโอเอ็นเทค    
    จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน  
    แอสตร้าเซนเนก้า ของ ออกซ์ฟอร์ด
    โควิชีลด์ ซึ่งเป็นชื่อทางการค้าของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในอินเดีย 
    โมเดอร์นา    
    ซิโนฟาร์ม
    ซิโนแวค เป็นต้น 
    ฉะนั้นนับตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน เป็นต้นไป อเมริกาจะเปิดพรมแดนให้ชาวต่างชาติจาก ๓๓ ประเทศ ซึ่งอยู่ในบัญชีห้ามเดินทางเข้าประเทศ เมื่อปีที่แล้ว 
    มีทั้ง จีน อินเดีย บราซิล สหราชอาณาจักร แอฟริกาใต้  และประเทศส่วนใหญ่ในทวีปยุโรป โดยผู้ประสงค์เดินทางต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-๑๙ ครบแล้ว 
    ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากประเทศซึ่งไม่ได้อยู่ในกลุ่มต้องห้ามตั้งแต่ต้น ต้องแสดงหลักฐานยืนยันเช่นกัน
    ก็จะได้เลิกกังวลกัน หรือแม้กระทั่งบูลลีวัคซีนเซินเจิ้นจะได้เลิกกันเสียที
    เหตุผลที่อเมริกายอมรับวัคซีนทุกตัวที่ WHO รับรอง น่าจะมาจากสาเหตุหลักสองสามประการ
    การเปิดประเทศเป็นเรื่องสำคัญที่ หลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งไทย เริ่มจะทำกันอย่างจริงจังแล้ว 
    อเมริกาเองต้องการเปิดรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากเอเชีย ที่จ่ายหนัก!
    ถ้ามัวแต่ท่องคาถา ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ไม่ยอมรับวัคซีนจีน ก็โกยเงินเข้าประเทศลำบาก 
    อีกประเด็น ต้องขอบคุณทีมหมอยง ภู่วรวรรณ กับสูตรฉีดวัคซีนไขว้ ซิโนแวค+แอสตร้าเซนเนก้า 
    รวมทั้งสูตรบูสเตอร์ ซิโนแวค+ซิโนแวค+ไฟเซอร์ 
    ที่ผลออกมาไม่ด้อยกว่าฉีดวัคซีน mRNA สักเท่าไหร่
    ประเทศเพื่อนบ้านแห่เล่นสูตรไขว้กันเป็นแถว 
    ครับ...เมื่อสองสามเดือนที่แล้วยังด่ากันขรม รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ วัคซีนไม่เพียงพอ แพ้แม้กระทั่งประเทศเพื่อนบ้านที่ฐานะทางการเงินด้อยกว่า 
    วันนี้ตรวจสอบสถานการณ์การฉีดวัคซีนของไทยกันหน่อยว่าไปถึงไหนแล้ว 
    นับตามจำนวนโดส ไทยฉีดวัคซีนมากเป็นลำดับที่ ๑๘  ของโลก
    ๑๐๐ คนฉีดวัคซีนแล้ว ๔๒ คน 
    ข้อมูลถึงเที่ยงวันที่ ๑๐ ตุลาคม ฉีดวัคซีนสะสมแล้ว  ๖๐,๑๔๔,๙๑๑ โดส
    เข็ม ๑ ฉีดสะสม ๓๕,๐๗๕,๖๖๓ โดส
    เข็ม ๒ ฉีดสะสม ๒๓,๓๘๖,๖๙๘ โดส
    เข็ม ๓ ฉีดสะสม ๑,๖๙๑,๔๐๔ โดส
    เข็ม ๔ ฉีดแล้ว ๑,๑๔๖ โดส
    แบ่งเป็นโดสตามผู้ผลิตวัคซีนดังนี้
    แอสตร้าเซนเนก้า ๒๗.๑๐๒ ล้านโดส
    ซิโนแวค ๒๗.๑๐๒ ล้านโดส
    ซิโนฟาร์ม ๙.๘๒๑ ล้านโดส
    ไฟเซอร์ ๒.๑๖๖ ล้านโดส
    จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ๗ พันโดส
    กระทรวงสาธารณสุข ตั้งเป้าเร่งรัดฉีดวัคซีนเข็ม ๑ ให้ได้ร้อยละ ๕๐ อย่างช้าภายในสิ้นเดือนตุลาคม 
    เหลือเวลาอีก ๒๐ วันกับ ๑๕ ล้านโดส น่าจะถึงเป้าได้ไม่ยาก เพราะขณะนี้ ฉีดวัคซีนเฉลี่ย วันละ ๙ แสนโดส 
    ทั้งหมดนี้เป้าหมายคือ "เปิดประเทศ" ให้เร็วที่สุด 
    แต่...ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังอยู่ในระดับหมื่นต้นๆ จะเปิดประเทศได้จริงหรือ? 
    คงต้องคิดใหม่ครับ 
    ช่วงล็อกดาวน์ประเทศไทยติดเชื้อกว่า ๒ หมื่นคนต่อวัน  อัตราการตายพุ่งไป ๓ ร้อยคนต่อวัน ในวันนั้นเรายังฉีดวัคซีนได้ไม่มากพอ 
    วันนี้ปลดล็อกมาเดือนกว่า ติดเชื้อรายวันหมื่นต้นๆ 
    ที่สำคัญคือการเสียชีวิตไม่ถึงร้อยคนต่อวัน 
    ในขณะที่เราเร่งฉีดวัคซีนจนสะสมแล้วกว่า ๖๐ ล้านโดส 
    ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า เราไม่ได้ถอยหลัง 
    แต่กำลังเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว 
    ทั่วโลกกำลังชิงเปิดประเทศกันครับ ยักษ์ใหญ่อย่างอเมริกายังต้องปรับตัว ยอมรับ ซิโนฟาร์ม ซิโนแวค ของจีน
    ประเทศไทยเองปรับตัวก่อนแล้ว เราเปิด ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มาตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม 
    ผ่านไป ๓ เดือนสร้างมูลค่าหมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า  ๒.๓ พันล้านบาท 
    นักท่องเที่ยวเข้ามา ๔๓,๐๒๖ คน 
    ๕ อันดับแรกคือ มาจาก อเมริกา, อิสราเอล, อังกฤษ,  เยอรมนี และฝรั่งเศส
    โครงการสมุยพลัส (Samui Plus) และโครงการส่วนขยายของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ๗+๗ (Phuket Extension) มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสม ทั้งสิ้น ๑,๐๖๙ คน 
    เดินหน้าเปิดอีก ๕ พื้นที่ท่องเที่ยวเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ได้แก่ กรุงเทพฯ  จังหวัดเชียงใหม่ (อ.เมืองเชียงใหม่ อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อ.หัวหิน) จังหวัดเพชรบุรี (อ.ชะอำ) และจังหวัดชลบุรี (เมืองพัทยา อ.บางละมุง อ.สัตหีบ) 
    ช่วงต้นเดือน ช่อ-พรรณิการ์ วานิช พร้อมพวกลงภูเก็ต เจตนาบลัฟภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ว่าล้มเหลว เพราะ ๓ เดือนนับตั้งแต่เปิดมา รายได้ดังกล่าวกระจุกตัวอยู่เฉพาะในกลุ่มธุรกิจโรงแรมขนาดใหญ่เป็นหลัก 
    นักท่องเที่ยวเมื่อเดินทางมาถึงก็มักจะใช้ชีวิตอยู่ในโรงแรม ซึ่งมีบริการครบวงจร ไม่ได้ออกมาใช้จ่ายนอกโรงแรมมากนัก ทำให้รายได้ไม่กระจายมายังคนหาเช้ากินค่ำอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในธุรกิจโรงแรม รวมถึงโรงแรมขนาดเล็กก็ยังไม่ได้มีลูกค้ามากนัก เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามายังมีจำนวนน้อยกว่าปกติมาก
    กลุ่มที่ "ช่อ" นำมาประกอบฉากคือกลุ่มผับ บาร์ ที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เปิด 
    "ช่อ" อ้างว่าธุรกิจกลางคืนเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ทำรายได้นับแสนล้าน และเป็นธุรกิจที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย  บาร์ระดับโลก อันดับหนึ่งในเอเชีย ก็ตั้งอยู่ที่ภูเก็ต
    โดยนัยคือ "ช่อ" ต้องการให้เปิด ผับ บาร์ ด้วย 
    มองดูเป็นเจตนาดีครับ 
    แต่ก็รู้ๆ กันอยู่ การระบาดหลายระลอกต้นตอหนึ่งมาจาก ผับ บาร์ 
    พื้นที่ปิด ถอดหน้ากากอนามัย นั่งนาน เอื้อต่อการระบาดมากที่สุด กลุ่มนี้จึงถูกพิจารณาเปิดในลำดับท้ายๆ ซึ่งคนทำธุรกิจนี้ต้องยอมรับความจริง การปรับตัวจึงเป็นเรื่องสำคัญ 
    ขณะที่รัฐต้องไม่ละเลยผู้ประกอบการกลุ่มนี้
    แต่จะเหมาว่า เป็นความล้มเหลวของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์คงจะไม่ได้ 
    วันนี้ภูเก็ตก้าวไปอีกขั้น 
    คนที่นั่นเขาเดินต่อแล้วครับ
    สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต (Phuket  Tourist Association: PTA) เสนอก้าวต่อไปคือ Phuket  Sandbox, What Next: PHUKET 121
    ตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวขึ้นอีก ๓๐% ภายใน ๑ ธันวาคมนี้
    รัฐบาลต้องเข้าไปสนับสนุนครับ 
    อย่าปล่อยให้มีพื้นที่สำหรับนักการเมืองฉวยโอกาสเข้าไปปั่นสถานการณ์. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"