ศบค. ถกความพร้อม 'เปิดประเทศ' พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัด ต้องฉีดวัคซีนไม่น้อยกว่า 70%


เพิ่มเพื่อน    

แฟ้มภาพ

18 ต.ค.64 - เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค แถลงตอนหนึ่งว่า ในที่ประชุม ศปก.ศบค.ได้หารือกันถึงการเปิดประเทศที่นับจากวันนี้เรามีเวลาการเตรียมตัวเพียง 2 สัปดาห์ก่อนถึงระยะที่หนึ่ง ในวันที่ 1 พ.ย.โดยมีการหารือกับหลายหน่วยงาน นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะออกแผนการท่องเที่ยวมานานแล้ว มีการหารือ และปรับแผนร่วมกับภาคธุรกิจ สถานประกอบการ ซึ่งอาจจะไม่มีรูปแบบที่ดีที่สุด หรือสมบูรณ์ที่สุด แต่ต้องมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะสามารถดำเนินมาตรการไปได้เพื่อให้ประชาชนปลอดภัย รวมถึงระบบสาธารณสุขมีความมั่นคง

พญ.สุมณี กล่าวว่า สำหรับการระบุรายชื่อประเทศ หรือเปิดเที่ยวบินนั้น ในข้อเท็จจริงบางประเทศยังไม่ได้อนุญาตให้คนออกนอกประเทศของตัวเอง แต่การเปิดเที่ยวบินเป็นไปเพื่อการอำนวยความสะดวกให้กับคนไทยในประเทศนั้นๆ ในการได้เดินทางกลับบ้านได้สะดวกขึ้น แต่ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ เราได้มีการวางแผนการเปิดประเทศเป็นระยะๆ โดยต้องมีการเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ 3 ด้าน คือ 1. สถานการณ์การแพร่ระบาดต้องทรงตัว 2. ต้องมีการพิจารณาถึงขีดความสามารถของสาธารณสุขว่ามีความพร้อมทั้งในเรื่องการป้องกัน การควบคุม และการรักษา 3. พื้นที่นำร่องสีฟ้า 17 จังหวัด จะต้องมีการครอบคลุมการฉีดวัคซีนได้ไม่น้อยกว่า 70% ดังนั้น การเปิดประเทศจะต้องค่อยเป็นค่อยไปและต้องทยอยเปิด พร้อมก่อนเปิดก่อน โดยมาตรการหลักต้องอยู่ภายใต้มาตรการโควิดฟรีเซ็ตติ้ง ขณะนี้เราอยู่ในระยะนำร่องของการเปิดประเทศ โดยมีการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มาแล้ว ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการที่จะดำเนินการเปิดประเทศในแต่ละจังหวัดที่เป็นพื้นที่นำร่องสีฟ้าอื่นๆในระยะถัดไป

พญ.สุมณี กล่าวว่า ในหลักการของการเปิดประเทศระยะที่หนึ่งในวันที่ 1 พ.ย.นี้ จะต้องมาจากประเทศที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดซึ่งเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำโดยเดินทางมาทางอากาศหรือ เครื่องบินเท่านั้น, ผู้ที่มาจากต่างประเทศจะต้องได้รับวัคซีนครบสองเข็ม ตามกำหนด และมีการตรวจ RT-PCR จากต้นทาง เป็นลบ พร้อมทั้งต้องทำประกันสุขภาพอย่างน้อย 50,000 เหรียญสหรัฐ และเมื่อเดินทางถึงประเทศไทยแล้วจะต้องตรวจ RT-PCR ซ้ำอีกครั้งในสถานที่กักตัวที่กำหนด คือ ASQ, OQ, โรงแรม SHA+ และเมื่อผลเป็นลบแล้วจึงสามารถเข้าสู่ระบบในพื้นที่สีฟ้าหรือพื้นที่นำร่องที่มีการทำโควิดฟรีเซ็ตติ้งไว้อย่างเป็นระบบ โดยประกอบด้วย  ต้องมีการจัดสถานที่ให้มีการไหลเวียนอากาศที่ดี ให้บริการในสถานที่ไม่แออัด สำหรับผู้ให้บริการจะต้องได้วัคซีนครบสองเข็ม ได้รับการตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ สำหรับผู้รับบริการไม่ว่าชาวไทยหรือชาวต่างประเทศ ก็จะต้องได้รับวัคซีนครบสองเข็ม มีการสุ่มตรวจ ATK 1 สัปดาห์ ก่อนไปใช้บริการ

พญ.สุมณี กล่าวว่า หากเปิดประเทศแล้วจะต้องมีการกำกับติดตามอย่างเข้มงวด แผนในการดำเนินการสามารถปรับและชะลอได้ และเน้นย้ำว่าในการเปิดประเทศประชาชนต้องมีความปลอดภัยและระบบสาธารณสุขมีความมั่นคง ต้องมีการวางแผนที่ดีอย่างรัดกุมและได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน (18 ต.ค.) ศปก.ศบค.จะมีการประชุมหารือถึงการเตรียมการรองรับการเปิดประเทศและความพร้อมเปิดพื้นที่นำร่อง ใน 17 จังหวัด โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะร่วมหารือ อาทิ  กระทรวงมหาดไทย ต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาธารณสุข ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม การบินพลเรือน บริษัทท่าอากาศยานไทย คมนาคม สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเปิดประเทศแล้วหากมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง จะต้องมีการเตรียมแผนเผชิญเหตุ กรณีที่มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นซึ่งเรื่องดังกล่าวอยู่ในวาระของการประชุมหารือในวันเดียวกันนี้ด้วย  


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"