พท.โวยสองมาตรฐาน 'สามมิตร'เดินสายดูด


เพิ่มเพื่อน    

    รุมยำ "สามมิตร-คสช." คุยเรื่องการเมืองแต่ "บิ๊กป้อม" กลับปกป้อง เพื่อไทยยัวะจัด! ซัดสองมาตรฐาน ทีพรรคแถลงประเมินผลงาน 4 ปีรัฐบาลกลับถูกดำเนินคดี แต่อีกพวกชุมนุมเกิน 5 คน  เดินสาย ให้ข่าว เปิดหน้าโชว์ ประกาศสนับสนุน "บิ๊กตู่" เป็นนายกฯ กลับทำได้ "วรชัย" ท้าดูดได้ดูดไป  พิสูจน์แล้วชาวบ้านยังเชิญไปเป็นเจ้าภาพงานศพ แสดงว่าอุดมการณ์ของพรรคไม่เสื่อมคลาย เลือกตั้งเมื่อไหร่มาอันดับหนึ่งแน่ 
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐเตรียมดูดนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเข้าร่วมว่า ไม่เคยได้ยินข่าวดังกล่าว  เพราะก่อนหน้านี้ได้พูดคุยกับนายอภิรักษ์ ซึ่งก็ได้รับการยืนยันว่าไม่มีอะไร และเท่าที่ทราบขณะนี้นายอภิรักษ์กำลังทำธุรกิจอยู่ ซึ่งเจ้าตัวก็บอกด้วยว่าอาจจะไม่ค่อยได้เข้าพรรคเพราะยุ่งกับเรื่องธุรกิจ ส่วนจะส่งผลต่อสนามเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) หรือไม่นั้น คิดว่าไม่มีปัญหาที่ต้องกังวล เพราะรองหัวหน้าพรรคที่ดูแล กทม.ยืนยันทุกอย่างเรียบร้อยดี
    กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) ยืนยันกลุ่มสามมิตรรวมตัวกันเกิน 5 คน แต่ไม่ได้ออกมาพูดคุยเรื่องการเมืองนั้น นายอภิสิทธิ์เผยว่า ไม่ทราบว่าพวกเขาไปทำอะไร ถ้าทำตามกฎหมายก็ไม่มีปัญหา ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ
    ถามต่อถึงความเหมาะสมที่ผู้ใหญ่ในรัฐบาลเปิดทางให้เดินสายดูดนักการเมือง นายอภิสิทธิ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม และกล่าวสั้นๆ ว่า "อยากให้รัฐบาลทุ่มเททุกอย่างช่วยเหลือเด็กๆ ไปที่ถ้ำหลวงมากกว่า"
    ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นักการเมืองที่มาเจอกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปคงไม่คุยกันว่าเมื่อเช้ากินข้าวกับอะไร และเมื่อมาเจอกัน 5 คนขึ้นไป แน่นอนต้องคุยกันเรื่องการเมืองไม่คุยเรื่องอื่น และตนไม่แน่ใจว่ากลุ่มสามมิตรมั่นใจว่าพวกเขาจะได้เป็นรัฐบาลต่อไปหรือไม่ แต่พวกเขามั่นใจว่าในขณะนี้กลุ่มคนที่เขาสนับสนุน คือผู้ที่มีอำนาจสูงสุดที่สามารถดูแลคุ้มครองเขาได้  เขาจึงไม่กลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีอำนาจตามมาตรา 44 เท่ากับมี 3 อำนาจอยู่ในมือ คืออำนาจบริหาร  นิติบัญญัติ และตุลาการ อย่างไรก็ตามคิดว่า พล.อ.ประวิตรต้องพยายามเดินสายกลาง คือการไม่เลือกปฏิบัติหรือใช้คำว่าสองมาตรฐาน เพราะจะกลายเป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งเช่นที่เกิดขึ้นในอดีต
     รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า การพูดคุยกันห้ามยาก การดูดเหมือนกับการซื้อเสียง ต้องห้ามทั้งสองฝ่ายทั้งฝ่ายซื้อและฝ่ายขาย การดูดก็ต้องดูทั้งคนดูดและคนถูกดูดด้วย เพราะวัฒนธรรมการเมืองไทยเป็นอย่างนี้ จึงต้องมีการปฏิรูปการเมือง 
    "ต้องทำความเข้าใจว่าการพูดคุยกันแล้วขัดกับความมั่นคง เป็นความมั่นคงของใคร ของรัฐบาลหรือของคนในรัฐบาล คนที่อยู่ในระบอบนี้อาจจะเข้าใจว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง เป็นผู้รับผิดชอบเพียงผู้เดียว ดังนั้นถ้าตัวเองไม่มั่นคง รัฐบาลก็ไม่มั่นคงไปด้วย" 
วิจารณ์ได้ทุกรัฐบาล
    ส่วนที่ระบุว่า พรรคอื่นสามารถพูดคุยกันได้แต่ห้ามด่ารัฐบาลนั้น นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ไม่ว่ารัฐบาลจะมาจากระบอบไหน จากยึดอำนาจหรือจากการเลือกตั้ง การวิพากษ์วิจารณ์ทำได้ทั้งนั้น และตนเห็นว่าตั้งแต่ยึดอำนาจมายังไม่มีคำสั่ง คสช.ห้ามวิจารณ์รัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจ เว้นแต่การวิจารณ์นั้นทำให้ผู้ถูกวิจารณ์เสียหาย ซึ่งจะเป็นเรื่องการหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา ที่ผู้ถูกหมิ่นประมาทสามารถใช้สิทธิ์ตามกฎหมายในเรื่องนี้ได้ และหมายความว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ มีเพียงห้ามให้สัมภาษณ์ที่รุนแรงกับสื่อ ซึ่งการวิจารณ์ไม่ต้องมี 5 คน แค่คนเดียวก็วิจารณ์ได้  
    "ดังนั้นควรเอากลางๆ อย่าตึงเกินไป อย่าหย่อนเกินไป หรืออย่าตึงกับอีกฝ่ายหนึ่ง อย่าหย่อนกับอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ได้ ขณะที่อีกฝ่ายทำอะไรไม่ได้เลย ความวุ่นวายในประเทศเกิดจากสิ่งนี้ เพราะคนกลุ่มหนึ่งคิดว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรม ดังนั้น พล.อ.ประวิตรควรวางใจเป็นกลาง และคิดว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ทำในแบบเดียวกับทุกกลุ่มการเมืองหรือไม่" นายนิพิฏฐ์กล่าว
    ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแสดงความเห็นทางการเมืองต่างๆ ประชาชนฟังอยู่ การพูดแบบนี้ฟังได้หรือไม่ประชาชนคิดได้ และอยากตั้งคำถามว่า การส่งสัญญาณแบบนี้เป็นการรับลูกทำกันเป็นขบวนการหรือไม่ ฝ่ายหนึ่งเดินสายดูดเต็มที่ อีกฝ่ายก็กางปีกปกป้องคุ้มครองกันในทุกกรณี กลุ่มสามมิตรกำลังทำในสิ่งที่ห้ามพรรคอื่นทำหรือไม่ มีการโน้มน้าวจูงใจโดยวิธีต่างๆ เพื่อให้คนไปสมัครเป็นสมาชิกพรรค 
    "ทำโดยโจ่งแจ้ง เดินสาย ให้ข่าว เปิดหน้าโชว์ ชุมนุมกันเกิน 5 คนแถลงข่าวสนับสนุนใครเป็นนายกฯ ก็ทำได้ แต่พรรคเพื่อไทยแถลงประเมินผลงาน 4 ปีรัฐบาล คสช.ทำไม่ได้ จนแกนนำพรรคถูกดำเนินคดีทั่วหน้า แต่สามมิตรไม่โดนและยังคงทำต่อไป เหมือนกติกาเขียนไว้บังคับใช้กับพรรคที่เห็นต่างฝ่ายเดียว เพียงเพราะกลุ่มสามมิตรประกาศหนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อเท่านั้นหรือ"
    เขากล่าวว่า ความจริงการย้ายพรรคของนักการเมืองเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนนักฟุตบอลย้ายสโมสร ซึ่งเขาเปิดช่วงเวลาให้เจรจาได้ตอนที่ตลาดนักเตะเปิด ถ้าย้ายแล้วกองเชียร์ไม่พอใจเขาก็ตามโห่นักเตะรายนั้นตลอดชีวิต การแอบไปเจรจากันก่อนหรือนอกช่วงเวลาจะถูกลงโทษ ทั้งตัวนักเตะและสโมสรจะถูกแบน ในขณะที่พรรคอื่นๆ ถูกห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง แต่กลุ่มหนุน คสช.ทำได้เต็มที่ ทั้งใช้เงิน ใช้งบประมาณมาล่อ ใช้คดีความมากดดัน ใช้ข้าราชการระดับสูงมาเป็นเครื่องมือในการดูด ใครดูดได้กลุ่มใหญ่ ในพื้นที่รับผิดชอบของใครได้ ส.ส.มาก ก็จะเป็นเกณฑ์ในการประเมินขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นไปอีก ประเทศใดที่มีข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลาง ประเทศชาตินั้นจะเกิดความยุติธรรม เกิดการพัฒนาได้อย่างไร เมื่อความยุติธรรมไม่มีความสามัคคีก็ไม่เกิด และเป็นที่น่าตกใจที่สิ่งเหล่านี้ประชาชนเห็น แต่ กกต.และหน่วยงานที่กำกับดูแลบังคับใช้กฎหมายไม่เห็นหรือไม่
เลือกตั้งเมื่อไหร่ชนะแน่
    นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรชัดเจนเป็นเรื่องการเมืองเพื่อสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ได้เป็นนายกฯ ต่อ การออกมาพูดเช่นนี้ของ พล.อ.ประวิตรถือเป็นเรื่องสองมาตรฐาน เพราะพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคที่มีผู้สนับสนุนอันดับหนึ่งไม่สามารถทำกิจกรรมอะไรได้ แถลงข่าวผลงาน คสช. 4 ปีก็ถูกแจ้งความดำเนินคดี แม้กระทั่งคนคุ้นเคยสื่อสารมาหาก็ถูก กกต.ตรวจสอบ แต่กับกลุ่มสามมิตรเดินสายดูดส.ส.โจ๋งครึ่มก็ไม่มีความผิด 
    "ไม่กังวลอยากดูดได้ก็ดูดไป พรรคเพื่อไทยมีคนพร้อมลงสมัคร ส.ส.อยู่แล้ว มั่นใจประชาชนยังยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทยไม่เสื่อมคลาย เลือกตั้งเมื่อไหร่เรามาอันดับหนึ่งแน่ เพราะเห็นได้จากเมื่อสัปดาห์ก่อน มีประชาชนในเขตบางกรวย จ.นนทบุรี เชิญผมไปเป็นเจ้าภาพงานศพ ทั้งๆ ที่เขตนั้นมีส.ส.เพื่อไทยเป็นเจ้าของพื้นที่ เมื่อสอบถามเจ้าภาพงานศพบอกว่า ส.ส.ในพื้นที่คิดออกจากพรรคเลยต้องเชิญผมมาเป็นเจ้าภาพแทน" นายวรชัยกล่าว
      นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีต รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวดูด ส.ส.ของกลุ่มสามมิตรว่า คนที่ไปมีทั้งที่เต็มใจและถูกดูดด้วยเงื่อนไขคดีความและเห็นแก่เงิน ส่วนตัวมองว่าผู้ที่ย้ายพรรคไปแล้วมีโอกาสสอบตกเยอะ แต่เป้าหมายของเขาไม่ได้อยู่ที่คะแนนเขต แต่อยู่ที่คะแนนปาตี้ลิสต์ ตามระบบเลือกตั้งใหม่ที่ทุกคะแนนมีค่า คนที่ไปไม่ได้เป็น ส.ส.แต่ได้เงินก้อนเขาก็พอใจ 
    ส่วนจะกระทบกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ถ้าบอกว่าไม่กระทบเลยคงไม่จริง ยอมรับว่ามีผลกระทบบ้างแต่ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร เรามีคนที่มีความรู้ความสามารถพร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งอยู่แล้ว และมองว่าเป็นผลดีกับพรรคเสียด้วยซ้ำ เพราะทำให้เราจัดพื้นที่เลือกตั้งง่ายขึ้น เพราะมีปัญหาพื้นที่ทับซ้อนอยู่ รวมถึง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เดิมก็อยากมาลงเลือกตั้งเขตในรอบนี้เพิ่มมากขึ้นด้วย ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ทำให้เกิดการหวั่นไหวอะไร
     นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องปกติ ถ้าเป็นพรรคเพื่อไทยหรือพรรคอื่นทำก็ต้องถูกมองด้วยสายตาแบบหนึ่ง แต่หากเป็นพรรคพวกตนเองก็จะถูกมองด้วยสายตาอีกแบบหนึ่ง เขาถึงบอกกันว่าสองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม ซึ่งกรณีดังกล่าวยิ่งทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า รัฐบาล คสช.มีพรรคการเมืองเพื่อมาสนับสนุนตัวเองให้เป็นรัฐบาลต่อ ถือว่าเป็นแนวทางที่มีความชอบธรรม เป็นไปตามกติกา 
    เขากล่าวว่าถ้าจะให้ชอบธรรมกว่านี้ รัฐบาล คสช.ควรประกาศตัวออกมาให้ชัดเจนเลยตั้งแต่วันนี้ว่า  ตนเองพร้อมที่จะลงสู่สนามเลือกตั้ง เสนอเป็นทางเลือกสำหรับประชาชน จะได้ไม่มีใครต่อว่ารัฐบาลได้  เพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน ถ้าประกาศตัวชัดเจนประชาชนที่เห็นว่ารัฐบาล คสช.ทำงานเข้าตาก็พร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว เหมือนสมัยที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ตัดสินใจลาออกจาก ผบ.ทบ.เพื่อลงสนามเลือกตั้งก็ได้รับเสียงชื่นชม ไม่ใช่มาใช้หลักศรีธนญชัยทางกฎหมายเพื่อมาสร้างความได้เปรียบให้ตนเอง
    น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายจุติ ไกรฤกษ์  เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแย้งนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน พรรคเพื่อไทย โดยอ้างว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีประวัติร่วมมือกับ คสช.ล้มพรรคเพื่อไทย ว่าก็อยากให้นายจุติและคนของพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปดูรูปในโซเชียล จะเห็นได้ชัดว่าคนของพรรคใดที่ห้อยนกหวีดออกมาร่วมกับ กปปส.ประท้วงและชัตดาวน์กรุงเทพฯ ทำความเสียหายทางเศรษฐกิจและเสียโอกาสอย่างมหาศาล  และต่อมายังบอยคอตการเลือกตั้งอีกครั้ง จนนำมาสู่การปฏิวัติ ซึ่งยังสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้นอยู่จนถึงปัจจุบัน คงไม่มีใครไม่เชื่อว่าจะไม่มีการร่วมมือกัน 
อวยพรรคเพื่อไทย
    นอกจากนี้ การที่นายจุติอ้างว่านายพิชัยไม่รู้เศรษฐกิจจริง ก็อยากให้บุคลากรทางเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหลายออกมาบอกว่า นายพิชัยพูดไม่ถูกตรงประเด็นใดจะได้รู้แนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์ให้ชัดเจนเสียที เพราะตลอด 4 ปีที่ผ่านมาประชาชนเดือดร้อนกันอย่างมาก แต่กลับไม่เคยเห็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ออกมาเป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชน วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและ คสช.เลย  ในขณะที่คนของพรรคเพื่อไทยอยู่เคียงข้างประชาชน เป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชนมาโดยตลอด จนถูกเรียกไปปรับทัศนคติกันหลายครั้งและหลายคน เพราะพูดโดนใจประชาชนจนรัฐบาลและ คสช.ต้องเดือดร้อน
    น.ส.อนุตตมากล่าวว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีจุดยืนชัดเจนที่จะอยู่เคียงข้างประชาชน กลับกันมีจุดยืนที่จะอยู่เคียงข้าง คสช. และผลงานในอดีตตอนเป็นรัฐบาลก็ไม่โดนใจประชาชน จึงทำให้ผลโพลล่าสุดพรรคประชาธิปัตย์กลับถูกพรรคอนาคตใหม่ ที่เป็นพรรคการเมืองที่เพิ่งตั้งใหม่แซงหน้าไปได้ 
    "ก็อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องพิจารณาตัวเองแล้ว ก่อนที่จะถูกพรรคใหม่พรรคอื่นแซงจนเป็นพรรคต่ำร้อยเหมือนที่หลายคนคาดกันได้ โดยเฉพาะจะมีพรรคของนายสุเทพมาแย่งเสียงอีก พรรคการเมืองที่จะครองใจประชาชนได้จะต้องเป็นพรรคการเมืองที่มั่นคงในหลักการประชาธิปไตย มีแนวคิดและผลงานทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ก็อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เรียนรู้จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งผลโพลสุดท้ายประชาชนยังเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทยอย่างมาก โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ" น.ส.อนุตตมากล่าว
    นายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีว่า เมื่อครั้งที่พรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาลครั้งแรกในปี 2544 นายทักษิณเผชิญวิกฤติทุกด้าน ได้แก่ วิกฤติเศรษฐกิจจากการที่ไทยต้องเข้าโปรแกรมไอเอ็มเอฟ วิกฤติที่เกิดจากภัยธรรมชาติหลายครั้ง เช่น พายุโคลนถล่มที่บ้านน้ำก้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ น้ำท่วมใหญ่ที่อีสาน ไข้หวัดนกระบาดกระทบการส่งออกสินค้าสัตว์ปีก ไข้หวัดซาร์สระบาดกระทบการท่องเที่ยว หรือสึนามิที่ภาคใต้ รวมทั้งวิกฤติจากมนุษย์ได้แก่การจลาจลเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา เป็นต้น
     นายวัฒนาระบุว่า นายทักษิณใช้ภาวะความเป็นผู้นำและสติปัญญาแก้ไขปัญหา ตัดสินใจชำระหนี้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนดเพื่อให้รัฐบาลมีอิสระในการดำเนินนโยบายการคลัง ไม่เช่นนั้นจะต้องทำตามเงื่อนไขที่ไอเอ็มเอฟกำหนดให้ทุกอย่าง รัฐบาลได้ใช้งบประมาณสร้างความเข้มแข็งให้ประชาชนแทนที่จะเอาไปซื้ออาวุธ ทำให้เศรษฐกิจดีประชาชนมีเงินจับจ่ายใช้สอย ส่วนวิกฤติที่เกิดจากภัยธรรมชาตินั้น  ท่านเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาจนสำเร็จได้ในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสร้างโอกาสให้ประเทศอีกมากมาย เช่น การก่อตั้งการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย เพื่อเป็นเวทีให้ทุกประเทศได้ใช้เป็นที่พูดคุย หรือการจัดประชุมเอเปกที่ผู้นำสำคัญของโลกมารวมกันในประเทศไทย เป็นต้น
     "ผมยกตัวอย่างของนายกฯ ทักษิณที่ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นราชสีห์ในเวทีโลก เพื่อเปรียบเทียบกับผู้นำคนปัจจุบันทั้งด้านการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ หรือการวางตัวในฐานะผู้นำเวลาไปเยือนต่างประเทศ ล่าสุดคือภาวะผู้นำในการช่วยชีวิตนักบอลทีมหมูป่าที่หน้าถ้ำหลวง ด้วยการปาฐกถาถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้แม่ของเด็กที่กำลังใจจดใจจ่อกับการช่วยชีวิตลูกชายฟัง ผู้นำแบบนี้คือคนที่วางยุทธศาสตร์ชาติให้เราท่านทั้งหลายต้องเดินตามไปอีก 20 ปี เป็นผู้นำที่หลายพรรคการเมืองกำลังทำทุกทางเพื่อให้ได้มาเป็นนายกฯ คนต่อไป" นายวัฒนากล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"