เตือนครู!ปฏิญญาชักดาบ โทษถึงให้ออก-ล้มละลาย


เพิ่มเพื่อน    

    ปฏิญญามหาสารคามเหลวไม่เป็นท่า! ศธ.เผยครูส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยต้องยุติชำระหนี้เงินกู้   ธนาคารออมสินยันครู 99 เปอร์เซ็นต์เป็นลูกหนี้ที่ดี   ขณะที่รองปลัดกระทรวงยุติธรรมเตือนครูเบี้ยวหนี้ เจอโทษหนักขาดคุณสมบัติการเป็นข้าราชการ และอาจต้องล้มละลาย
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีกลุ่มวิชาชีพครูรวมตัวเรียกร้องให้รัฐบาลและธนาคารออมสินพักหนี้โครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป พร้อมชักชวนลูกหนี้ ช.พ.ค.ทั่วประเทศ 450,000 คน ยุติการชำระหนี้กับธนาคารออมสิน ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้ว่า ตนได้สอบถามจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ซึ่งได้มีการเจรจากับทางธนาคารออมสิน ได้ข้อยุติหลายอย่าง เช่น การลดดอกเบี้ย การแก้ไขเรื่องประกันชีวิต
    “ครูส่วนใหญ่ชำระหนี้ดี และไม่ได้เห็นด้วยกับการยุติชำระหนี้ ผมสอบถามข้อเท็จจริงและข้อมูลจากทางกระทรวงศึกษาฯ แล้ว ก็อย่าให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา ให้เข้าใจกันทุกฝ่าย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พูดถึงเรื่องนี้ว่า ที่เป็นข่าว เขาไปยืมเงินมาไม่ใช่หรือ หากผิดพลาดก็ต้องไปคุยกับคนที่ไปเซ็นสัญญาไว้ รัฐบาลจะไปบังคับอะไรได้
    นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า นายกฯ ได้แสดงความห่วงใยในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งตนได้ชี้แจงนายกฯ ไปแล้วว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น และครูส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องนี้ อีกทั้งตามกฎหมาย หากครูเป็นหนี้แล้วจะไม่ชำระหนี้ก็คงทำไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย และตนมีการประสานไปยังธนาคารออมสินให้ชี้แจงในเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน และหากติดตามปฏิญญามหาสารคาม จะพบว่าครูส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นด้วย 
    "ดังนั้นการที่มากล่าวอ้างว่าลูกหนี้ ช.พ.ค.ทั้ง 450,000 คนคงไม่ได้ และไม่ได้เป็นที่ยอมรับของครูทั้งหมด" นพ.ธีระเกียรติกล่าว และว่า ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และธนาคารออมสิน ได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิก ช.พ.ค. และสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา ในกรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม (ช.พ.ส.) ตามนโยบายของรัฐบาลไปแล้ว ซึ่งครูกว่า 4 แสนคนที่เป็นลูกหนี้ที่ดีจะได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป 
    นอกจากนี้ สกสค.กำลังอยู่ระหว่างเจรจากรณีการทำประกันชีวิต ที่บริษัทประกันจะต้องให้สิทธิพิเศษหรือส่วนลดแก่สมาชิก ช.พ.ค.และ ช.พ.ส.มากกว่าบุคคลทั่วไป ดังนั้นขณะนี้ทุกอย่างกำลังเดินหน้าไปด้วยดี และผมคิดว่าเรื่องนี้ควรจะจบได้แล้ว และขอย้ำว่ากระแสของครูส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นด้วยกับปฏิญญามหาสารคาม อย่าไปเหมารวมว่าภาพลักษณ์ครูจะเสียหาย เพราะเป็นภาพลักษณ์ครูที่เสียหายจากกลุ่มคนไม่กี่คนเท่านั้น อีกทั้งสังคมได้แสดงความคิดเห็นในโลกโซเชียลฯ อย่างกว้างขวาง และเท่าที่ทราบ ครูกลุ่มนี้ได้ถอยหนีแล้ว
    นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (เลขาฯ ก.ค.ศ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (เลขาฯ สกสค.) กล่าวเช่นเดียวกันว่า จากการที่มีการแสดงความเห็นต่างๆ พบว่าครูส่วนใหญ่ไม่ได้คิดแบบครูกลุ่มดังกล่าว และเชื่อว่าครูที่มีวินัยทางการเงินที่ดีไม่มีความประสงค์เช่นนั้นแน่นอน เพราะครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดี อีกอย่างธนาคารออมสินก็มีลูกหนี้หลายกลุ่ม ไม่ได้มีเฉพาะครูเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการอนุมัติเงินกู้ อยากให้มีการตรวจสอบเครดิตบูโรก่อนว่าครูมีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่
    วันเดียวกัน นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ธนาคารคงไม่ต้องไปหารือชี้แจงอะไร เพราะลูกหนี้ออมสินในโครงการ ช.พ.ค. ส่วนใหญ่ 99% เป็นลูกหนี้ที่ดี มีเพียงไม่ถึง 1% ที่มีปัญหาและไม่อยากผ่อนชำระคืน ดังนั้นเชื่อว่าหลังวันที่ 1 ส.ค.ลูกหนี้ครูส่วนใหญ่ยังจะผ่อนชำระหนี้เป็นปกติอยู่
     “สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ก็ได้มีการทำความเข้าใจกับกลุ่มครูอยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามหลักการปกติ ว่าเมื่อยืมเงินใครมาก็ต้องชำระคืน ยิ่งเป็นแม่พิมพ์ของชาติด้วย ก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีของเยาวชน” นายชาติชายกล่าว
    ทั้งนี้ ที่ผ่านมาธนาคารได้พยายามช่วยเหลือลูกหนี้ครูมาตลอด ไม่ได้ทำสัญญาเงินกู้แบบไม่เป็นธรรมอย่างที่ถูกกล่าวอ้าง โดยช่วงแรกได้มีการรับหนี้นอกระบบของครูเข้ามาอยู่กับออมสินทั้งหมด และคิดดอกเบี้ยต่ำเพียงปีละ 6-6.5% ซึ่งต่ำกว่าเพดานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดสูงสุดปีละ 28% และน้อยกว่าหนี้นอกระบบคิดถึงเดือนละ 10% นอกจากนี้ยังขยายเวลาการผ่อนชำระถึง 30 ปี เพื่อบรรเทาภาระการกู้ให้ด้วย รวมถึงเปิดโอกาสให้เลือกใช้บุคคลค้ำประกัน หรือการทำประกันชีวิตกับธนาคารไว้เป็นหลักประกันได้
    นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงกรณีกลุ่มวิชาชีพครูรวมตัวกว่า 100 คน ประกาศปฏิญญามหาสารคาม เรียกร้องให้รัฐบาลและธนาคารออมสินพักหนี้โครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ ช.พ.ค. ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป พร้อมชักชวนลูกหนี้ ช.พ.ค. ทั่วประเทศ 450,000 คน ร่วมกันยุติการชำระหนี้กับธนาคารออมสิน ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้ ว่า “จงรับสภาพการเป็นบุคคลล้มละลายหากกรณีเป็นบุคคลธรรมดาที่มีหนี้สินเกิน 1 ล้านบาท และที่สำคัญมันจะโยงพาบุคคลที่มาค้ำประกันเราเป็นบุคคลล้มละลายไปด้วย เนื่องจากหนี้เกิดโดยนิติกรรมสัญญา เมื่อมีการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้น ก็ย่อมเกิดความเป็นเจ้าหนี้ ลูกหนี้ขึ้น โดยปกติเมื่อเกิดหนี้ ลูกหนี้จะหลุดพ้นจากเคราะห์แห่งหนี้ได้ด้วยการชำระหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 5 ในการใช้สิทธิแห่งตนก็ดี ในการชำระหนี้ก็ดี บุคคลทุกคนต้อง กระทำโดยสุจริต”
    “การที่เรามีหนี้สินมากและไม่สามารถชำระคืนกับเจ้าหนี้ได้ จึงถูกเจ้าหนี้ฟ้องล้มละลาย ผลที่ตามมาคือ กรณีของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หากถูกพิพากษาให้ล้มละลาย จะขาดคุณสมบัติในการเป็นข้าราชการตามมาตรา 30 ของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 และเมื่อคุณสมบัติไม่ถูกต้องแล้ว มาตรา 110 ก็กำหนดให้ผู้มีอำนาจสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการ ไม่สามารถทำนิติกรรมสัญญาใดๆ ทั้งสิ้นได้ รวมถึงธุรกรรมการเงินต่างๆ ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ หากมีความจำเป็นต้องเดินทางไปจริงๆ ก็ต้องขออนุญาตจากพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดีก่อน หากได้รับอนุญาตให้ออกนอกประเทศจะต้องทำบัญชีรายรับรายจ่ายส่งต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า ทุกๆ 6 เดือน พร้อมทั้งส่งรายได้ตามที่เจ้าพนักงานจะอายัดเข้ากองทรัพย์สินด้วย”.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"