ใครจุด 'ไฟใต้' BRNหรือผู้มีอิทธิพล อีกไม่นานจะมีคำตอบ


เพิ่มเพื่อน    

    

     สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในวันที่ความรุนแรงยังมีอยู่ แต่ลดความถี่ลง และความรุนแรงที่เกิดขึ้น ถ้าฟังจากปากของ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งมั่นใจว่าเป็นความรุนแรงที่เกิดจากผู้มี อิทธิพล ในพื้นที่เป็นผู้ก่อเหตุ เพื่อสร้างสถานการณ์ เพื่อที่จะรักษาผลประโยชน์แห่งธุรกิจผิดกฎหมายเอาไว้

    ล่าสุดคือการฆ่า ล้างครัว จำนวน 3 ศพ ที่บ้านน้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า ตระกูลนี้ซึ่งมีอาชีพเลี้ยงควายเกือบ 100 ตัว มีความขัดแย้งกันเอง ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ฆ่ากันไปฆ่ากันมาตายไปแล้วกว่า 10 ศพ และเชื่อว่า 3 ศพนี้ยังไม่ใช่ 3 ศพสุดท้าย

    แต่ประเด็นสำคัญของคดีนี้ อยู่ที่การให้ข่าวกับ สื่อ ของ พล.ต.จตุพร กลัมพะสุต ผบ.ฉก.ปัตตานี ที่ ฟันธง ว่า การฆ่าล้างครัวครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ร่วมอยู่ในกลุ่มของคนร้ายด้วย

     แต่เพียงยังไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่รัฐที่กล่าวถึงเป็นใคร ตำรวจ, ทหาร หรือฝ่ายปกครอง เพราะเจ้าหน้าที่ต้องการหาหลักฐานและพยานให้ได้ก่อนที่จะทำการจับกุม

     ซึ่งก็เป็นคดีที่คล้ายๆ กับหลายคดีที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ในการก่อเหตุแต่ละครั้ง ต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐ หรือไม่ก็เป็นกองกำลังท้องถิ่น เช่น อาสาสมัครทหารพราน และอาสาสมัครรักษาดินแดน รวมทั้ง ชรบ. หรือชุดคุ้มครองหมู่บ้าน ตำบล เป็นคนร้าย

     เช่นเดียวกับการปิดถนนยิงนายกองค์การบริหารส่วนตำบลปิยามุมัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เมื่อปี 2560 ที่สุดท้ายแล้วพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมอยู่ในขบวนการสังหาร

     เช่นเดียวกับการฆ่าล้างครัว 3 ศพ ที่บ้านน้ำดำ ที่ผลจากการตรวจสอบปลอกกระสุนพบว่า เป็นอาวุธปืนที่ แนวร่วม ขบวนการแบ่งแยกดินแดนใช้ในการก่อเหตุในพื้นที่มาแล้วหลายคดี

    ตรงนี้อย่างได้แปลกใจ และอย่าได้หลงประเด็นว่า เป็นการลงมือของขบวนการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเป็นประเด็นของความมั่นคง เดี๋ยวจะมีการ หลงทิศ และ ศอ.บต.ต้องจ่ายเงิน เยียวยา โดยใช่เหตุอีก

     ที่เป็นอย่างนี้เพราะ แนวร่วม ขบวนการแบ่งแยกดินแดน กับกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งที่สวมเสื้อของ ท้องถิ่น และ ท้องที่ จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ที่มี อิทธิพล ในพื้นที่ เป็นพวกเดียวกัน และแม้แต่กองกำลังท้องถิ่นในพื้นที่ ส่วนหนึ่งก็เป็นพวกเดียวกับ แนวร่วม ของ บีอาร์เอ็น

     ปืนที่ใช้ในการ สังหาร หรือในการก่อเหตุ จึงเป็นปืน กองกลาง ที่เจ้าหน้าที่รัฐ กองกำลังท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นบางกลุ่ม สามารถนำมาใช้ในการก่อเหตุได้ และหลังก่อเหตุแล้วสามารถเบี่ยงเบนประเด็นให้เจ้าหน้าที่ผู้ อ่อนหัด และต้องการปิดคดีเร็ว เข้าใจผิดว่าเป็นการลงมือของ แนวร่วม ขบวนการแบ่งแยกดินแดน กลายเป็นคดีความมั่นคง ทั้งที่เป็นเรื่องล้างแค้นจากเรื่องผลประโยชน์ และความขัดแย้งส่วนตัว

     ในพื้นที่ 3 จังหวัด นอกจากเจ้าหน้าที่รัฐ มือปืนรับจ้าง เป็นพวกเดียวกับ แนวร่วม ขบวนการแบ่งแยกดินแดนแล้ว ผู้มีอิทธิพล ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ บางกลุ่ม บางคน ยังสามารถใช้ความเป็น เครือข่าย ความเป็น ญาติพี่น้อง และเป็นพวกเดียวกันสั่งการ หรือ ขอแรง ขอช่วย แนวร่วม ขบวนการแบ่งแยกดินแดนกลุ่มต่างๆ ให้ จัดการ กับ ศัตรู ที่ขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์ หรือแก้แค้นเรื่องส่วนตัวได้อีกต่างหาก

     เช่น คดีสังหารโหด อิหม่ามยะโกบ หร่ายมณี อิหม่ามมัสยิดกลาง จังหวัดปัตตานี ที่ผ่านมาหลายปี แต่เจ้าหน้าที่รู้อยู่เต็มอกว่า ผู้ตายขัดแย้งกับใคร และใครคือผู้บงการ แต่สุดท้ายทำได้แค่จับกุม แนวร่วม ขบวนการแบ่งแยกดินแดน และสรุปว่า เป็นเรื่องความมั่นคง

    ที่เขียนถึงประเด็นนี้มายืดยาว เพียงเพื่ออยากให้สังคมได้รับรู้ความจริงประการหนึ่งว่า ผู้มีอิทธิพล เจ้าหน้าที่รัฐ และกองกำลังท้องถิ่น กับ แนวร่วม ขบวนการแบ่งแยกดินแดนเป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นจึงเห็นด้วยกับแนวทางของ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ที่จะ จัดการ กับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพียงแต่ขอให้ ทำจริง และ เอาจริง กับคนกลุ่มนี้

     เพราะที่ผ่านมาผู้นำของกองทัพภาคที่ 4 หรือ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต่างรู้ดีว่า การค้ายาเสพติด การค้าน้ำมันเถื่อน การตัดไม้ทำลายป่า การบุกรุกที่ดิน การทำธุรกิจเถื่อนทั้งหมด ในทุกรูปแบบที่ดำรงอยู่และเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นเพราะคนเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในขบวนการแบ่งแยกดินแดน และเจ้าหน้าที่รัฐส่วนหนึ่งก็เป็นคนในที่รับผลประโยชน์จากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

     แต่...ไม่เคยมีผู้นำคนไหนของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า รวมทั้งเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ที่จะ จริงจัง กับการปราบปราม จับกุมผู้มีอิทธิพล ที่จับๆ กัน แม้แต่การ จับบ่อน การพนันในพื้นที่จังหวัดสงขลา เป็นเพียงการจับเพื่อให้เปิดใหม่ และต้อง จ่ายส่วย ให้กับหน่วยที่ไปจับเท่านั้น

    สิ่งที่สะท้อนถึงความล้มเหลวของการจับกุม หรือปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่ อิงแอบ ทั้งกับขบวนการแบ่งแยกดินแดน และเจ้าหน้าที่รัฐ คือ การปล่อยให้ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.ยะลา และนราธิวาส โค่นป่า แปรรูปไม้เถื่อนอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ โดยการป้องกันไม่ได้ผล เพราะเจ้าหน้าที่ ส่วนใหญ่ และผู้ที่สวมเครื่องแบบ ท้องที่ ท้องถิ่น เป็นพวกเดียวกับ นายทุน นั่นเอง

     กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ กองกำลังท้องถิ่น กว่า 80,000 นาย เดินกันให้ ขวักไขว่ แต่กลับไม่สามารถป้องกันการทำลายป่าได้ การบุกรุกป่าของกลุ่มอิทธิพลเหล่านี้ แม้แต่ กระผีกริ้น

     ถ้าคิดว่าปัญหาของความไม่สงบที่เกิดขึ้นยาวนานกว่า 13 ปี หลักใหญ่ใจความมาจากเรื่องผลประโยชน์ และเกิดจากผู้มีอิทธิพล ตามความเชื่อของแม่ทัพภาคที่ 4 ก็สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วย ทหาร ตำรวจ ป.ป.ส. ศุลกากร สรรพสามิต ฝ่ายปกครอง ดำเนินการกับผู้มีอิทธิพล ซุ้มมือปืน ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ที่เป็นผู้มีอิทธิพลอย่างจริงจัง ซึ่งน่าจะง่ายกว่าการไปจับกุม แนวร่วม และ แกนนำ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนเป็นไหนๆ

     เพราะผู้มีอิทธิพล ผู้ค้ายาเสพติด ผู้เปิดบ่อนการพนัน ผู้ตัดไม้ทำลายป่า เจ้าของหวยรายใหญ่ จับกุมไม่ยากหรอก แค่เห็น สีเขียว สีกากี ก็เข่าอ่อนแล้ว ที่มีอิทธิพลอยู่ได้ เป็นเพราะการใช้ ธนบัตร เป็นใบเบิกทางทั้งนั้น ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไม่ตกอยู่ใต้อิทธิของ ธนบัตร ที่เรียกกันว่า ส่วย เท่านั้นเอง

    วันนี้คนอีกจำนวนหนึ่งที่ยังเชื่อว่า ผู้ก่อการร้าย ตัวจริง คือขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น เรื่องผู้มีอิทธิพลเป็นเพียงตัวประกอบหนึ่งของความไม่สงบเท่านั้น แต่เมื่อผู้นำทัพเชื่อมั่นว่าไม่ใช่ ก็ต้องให้ เครดิต กับผู้ที่เป็น ผู้นำ เพราะใครผิด ใครถูก สถานการณ์ในพื้นที่และกาลเวลาจะเป็นผู้ให้คำตอบอย่างรวดเร็ว. 

เมือง ไม้ขม รายงาน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"