ไม่บกพร่อง!อัยการแจงคดีลูกลุงกระโดดตึก กล้องวงจรปิดเสีย-พยานป่วย


เพิ่มเพื่อน    

24 ก.ค.61-นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงสำนวนคดีฆ่านายธนิต ทัฬหสุนทร บุตรของนายศุภชัย ทัฬหสุนทร ชายที่กระโดดอาคารศาลอาญาลงมาเสียชีวิตหลังศาลพิพากษายกฟ้องจำเลย ว่า วันนี้ตนเข้าพบอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 และนายนพพล เปียงใจ อัยการเจ้าของสำนวน พบว่าอัยการได้รับสำนวนมา สั่งคดีและฟ้องคดีไปโดยครบถ้วนตามหน้าที่ไม่มีข้อบกพร่อง นายศุภชัยยังเคยมายกมือไหว้อัยการที่ว่าคดีอย่างเต็มที่ แม้ว่าอัยการจะเสนอพยานไป 7 ปาก แต่นำมาเบิกความได้ไม่ครบ และพยานที่เห็นเหตุการณ์ป่วย ไม่สามารถมาให้การได้
 
ส่วนกรณีที่ทางญาติระบุว่ามีภาพกล้องวงจรปิดที่เห็นคนร้ายแต่เมื่อไปขอเจ้าหน้าที่กลับบอกว่ากล้องเสียนั้น นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า ภาพกล้องวงจรปิด สำนักงานอัยการได้ทำหนังสือสั่งให้พนักงานสอบสวนไปสอบสวนเพิ่มเติมแล้ว แต่ก็ไม่ปรากฏว่าได้ภาพดังกล่าว อัยการได้ทำตามที่ญาติผู้เสียชีวิตร้องขอมาอย่างเต็มที่ สงสัยอะไรก็ให้รวบรวมเข้าในสำนวนคดีให้เสร็จสิ้นกระแสความ เมื่อไม่ได้ก็สืบเต็มที่เท่าที่มี ส่วนพยานที่ป่วยนั้น บิดาของพยานผู้ป่วยเป็นคนยื่นคำแถลงเข้ามาเอง มีใบรับรองแพทย์มาประกอบ เมื่อเกิดเหตุที่น่าสลดใจเกิดขึ้น สำนักงานอัยการสูงสุดขอแสดงความเสียใจ
 
สำหรับความคืบหน้าของคดีเยาวชนที่ร่วมกระทำความผิดกับนายณัฐพงษ์ เงินคีรี จำเลยคดีฆ่านายธนิตนั้น นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า คดีที่ฟ้องนายอาร์รีชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 16 ปี คดีอยู่ระหว่างสืบพยานในมูลคดีความผิดกรรมเดียวกันกับคดีนี้ อัยการจะทำอย่างสุดความสามารถ และคดีนี้อัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 ได้สั่งรวบรวมสรรพเอกสารในสำสำนวนกับขอคัดคำพิพากษา เตรียมเสนอสำนักงานอัยการคดีศาลสูง เพื่อพิจารณายื่นอุทธรณ์ โดยทำอย่างรวดเร็ว การพิจารณาคดีนี้ระบบศาลไทยใช้ระบบกล่าวหา กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา บอกว่าถ้ายังมีข้อสงสัยให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ได้ทำให้เกิดกระแสความคิดในหมู่นักกฎหมายว่า สมควรแก้ไขกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแล้วหรือยัง
 
ด้านแหล่งข่าวระดับสูงในแวดวงตุลาการท่านหนึ่งให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้มีผลกระทบต่อศาล เป็นหน้าที่ของโฆษกศาลยุติธรรม ต้องอธิบายให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในวิธีการขั้นตอนการนำคดีเข้าสู่ศาล การชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน อย่าให้คนสงสัยจนไปวิพากษ์วิจารณ์กันไปเองอย่างไม่มีหลักวิชาการ ในส่วนตัวเคยนั่งพิจารณาคดีฆ่าอย่างอุกฉกรรจ์มาก่อน เห็นว่าในคดีที่ตำรวจทำสำนวนมาอ่อน ศาลอย่าเพิ่งตัดสิน ต้องดูพยานหลักฐานอย่างละเอียดก่อนจึงจะลงโทษได้ตามความผิดที่ได้กระทำไป แต่ในบ้านเราพยานหลักฐานมาจากต้นทางคือตำรวจรวบรวมเข้ามา ศาลจะไปสะกิดอะไรมาจากนอกสำนวนไม่ได้เลย และต้องยึดหลักการที่ว่า "ถ้าไม่แน่ใจ ศาลอย่าเพิ่งลงโทษ" อย่างเคร่งครัด
 
ผู้สื่อข่าวรายงานรายละเอียดเพิ่มเติมในคดีนี้ว่า คดีนี้ทางพนักงานอัยการโจทก์ฟ้องนายณัฐพงษ์ เงินศิริ อายุ 22 ปี เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ชั้นปี 3 เป็นจำเลย ซึ่งมีรายละเอียดว่าคดีนี้พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ทำสำนวนการสอบสวนคดีโดยแยกเป็นสองสำนวน คือคดีฟ้องนายณัฐพงษ์ เป็นจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพกพาอาวุธมีด อีกสำนวนฟ้องนายอาร์รีชัย (สงวนนามสกุล) เยาวชนอายุ 16 ปี เป็นจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธสนับมือ แล้วแยกไปดำเนินคดีต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล คดีที่ฟ้องนายณัฐพงษ์นั้น อัยการยื่นบัญชีพยานโจทก์ไว้ 28 รายการ เป็นพยานบุคคล 7 ปาก แต่ส่วนใหญ่ไม่เห็นเหตุการณ์ ส่วนประจักษ์พยานมีเพียง 1 ปาก แต่ในชั้นพิจารณาพยานป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้านสมเด็จ ศาลจึงตัดพยานไป แต่นำคำเบิกความในชั้นสอบสวนมาฟังประกอบพยานอื่น ซึ่งตามกฎหมายกำหนดให้ศาลพึงกระทำด้วยความระมัดระวัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 226/5
 
ทั้งนี้ยังมีรายงานจากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ชั้น 8 เหตุการณ์ที่นายศุภชัยโดดลงมาจากอาคาร เกิดขึ้นเมื่อเวลา 09.52 น. วันที่ 23 ก.ค. 2561 พบภาพนายศุภชัยกอดอกเดินไปมาอย่างเคร่งเครียดอยู่คนเดียวรอบหนึ่ง ก่อนปีนเก้าอี้ข้ามระเบียงแล้วโดดลงไปจากอาคารทันที.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"