ฟุ้งชนะยิ่งกว่าแลนด์สไลด์ ‘นคร’เผาปชป.เอาใจแม้ว!


เพิ่มเพื่อน    

  "แม้ว" ฉลองวันเกิดครบ 69 ปี โต้ข่าวลือป่วย ฟุ้งยังแข็งแรงเหมือนคนอายุ 30 ครวญสิ่งที่ทำให้มีความสุขที่สุดคือได้กลับบ้าน จวกผู้นำรัฐประหารไม่เคยนั่งอยู่ในหัวใจ ปชช. มั่นใจเลือกตั้งเพื่อไทยชนะถล่มทลาย "นคร มาฉิม" ขอซบทักษิณพร้อมขอโทษที่เคยร่วมกับอำมาตย์วางแผนยึดอำนาจ ขณะที่ ปชป.โต้พูดเท็จ ซัดมีสติดีหรือไม่ ย้อนอดีตเคยด่าทักษิณไม่มีชิ้นดี วันนี้มายกยอปอปั้นและยังบอกย้ายพรรคคือการทรยศ ปชช.

    เมื่อวันศุกร์ มีรายงานถึงการจัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดครบ 69 ปี ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อคืนวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยงานเลี้ยงดังกล่าวจัดขึ้นที่ร้าน Mosimann’s Club และมีแขกมาร่วมงานกว่า 100 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในครอบครัวและญาติพี่น้อง อาทิ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรสาว, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว, นายปิฎก สุขสวัสดิ์ ว่าที่ลูกเขยคนเล็ก และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว นอกจากนี้ยังมีเพื่อนชาวต่างประเทศของนายทักษิณจำนวนหนึ่งด้วย 
    ขณะที่อดีต ส.ส.เพื่อไทยที่เดินทางไปร่วมอวยพรวันเกิด อาทิ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน, นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีต รมว.พลังงาน, นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์, นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต ส.ส.แพร่, ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีต ส.ส.ขอนแก่น และ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ
    งานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นในเวลาประมาณ 18.30 น. โดยมีการจัดโต๊ะกลมแบบฝรั่ง 4 โต๊ะ โต๊ะละ 10 คน  และเป็นโซนจัดเลี้ยงอีกส่วนอยู่อีกชั้นหนึ่งของร้านอาหาร ซึ่งนายทักษิณได้นั่งร่วมโต๊ะกับนายพงษ์ศักดิ์,  นายพิชัย และเพื่อนชาวต่างชาติ สำหรับอาหารนั้นส่วนใหญ่จะเป็นอาหารฝรั่ง เช่น ออเดิร์ฟ สเต๊กเนื้อ สเต๊กปลา และสเต๊กแกะ เป็นต้น
    นายทักษิณได้กล่าวบนโต๊ะอาหารช่วงหนึ่งด้วยว่า วันเกิดปีนี้มีความสุขที่สุด เพราะมีเพื่อนฝูงโทรศัพท์และส่งไลน์มาอวยพรจำนวนมาก ข่าวลือที่ว่าป่วยหนักนั้นยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ยังสุขภาพแข็งแรงเหมือนคนอายุ 40 ปี หรือดูไปดูมาอาจเหมือนคนอายุ 30 ปีด้วยซ้ำ ทั้งนี้ บรรยากาศในงานเป็นไปด้วยความคึกคัก โดย น.ส.พินทองทาและ น.ส.แพทองธารได้เข้าไปหอมแก้มนายทักษิณ นอกจากนี้นายทักษิณได้กล่าวแนะนำว่าที่ลูกเขยคนเล็กให้เพื่อนๆ ได้รู้จักอีกด้วย
    ขณะที่นายพานทองแท้ ชินวัตร ได้โพสต์คลิปวิดีโอในอินสตาแกรม ซึ่งเป็นบรรยากาศงานเลี้ยงฉลองวันเกิด โดยนายทักษิณยืนอยู่ท่ามกลางคนในครอบครัว เพื่อนฝูงนักธุรกิจ รวมทั้งนักการเมืองจากเมืองไทย ก่อนที่จะมีการตัดเค้กได้กล่าวเป็นภาษาอังกฤษว่า "คืนนี้เป็นคืนที่ผมมีความสุขมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ได้อยู่ท่ามกลางบุตรสาว บุตรเขย หลาน เพื่อน พี่ น้องที่ดีทุกๆ ท่าน เพื่อนนักการเมืองซึ่งทุกคนเป็นเหมือนพี่น้องของผม ซึ่งทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่ผมจะมีอายุเลข 6 ปีหน้าก็ต้องเริ่มต้นใช้เลข 7 ซึ่ง 70 ปีดูเหมือนสูงอายุ แต่กลับรู้สึกว่าผมอายุแค่ 40 เพราะเริ่มต้นมีการลงทุนต่างๆ มากมาย และเริ่มมีผลประกอบการที่ดี 
    "เพื่อนๆ ในเมืองไทยจำนวนมากอวยพรให้ ผมก็บอกว่าคงไม่สามารถไปหยุดยั้งเลข 6 ได้ แต่เราสามารถที่จะรักษาสุขภาพของเราให้ดีให้แข็งแรงได้ โดยการออกกำลังกาย การทานอาหารที่ดี เพราะถ้าคุณมีสุขภาพที่ดี คุณก็จะมีความสุข และความสุขที่สุดคือการได้กลับบ้าน คือสิ่งที่ดีที่สุด เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แต่เป็นสิ่งจำเป็น เรื่องสุขภาพก็ล้วนเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ คืนนี้ผมจึงมีความสุขมากๆ ที่ลูกหลานของผมและเพื่อนทุกคนมารวมกันอยู่ที่นี้ เป็นคืนเฉลิมฉลองวันเกิดที่คิดว่าผมมีความสุขมากที่สุดในชีวิตคืนหนึ่ง" 
พท.ชนะถล่มทลาย
    นายทักษิณกล่าวต่อว่า "ผมไม่ได้สนใจอะไรกับสิ่งที่เป็นไปในการเมืองขณะนี้ มันเริ่มต้นจากการที่รัฐประหารโดยผู้นำที่พยายามที่จะดึงการเลือกตั้งให้ยืดออกไป เขานึกว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ในขณะนี้จะได้รับความนิยม แต่ยิ่งอยู่นานเขายิ่งจะสูญเสีย เพราะเขาไม่สามารถเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของประชาชน เขาไม่เคยนั่งอยู่ในหัวใจของประชาชนเลย ไม่เคยรู้ว่าประชาชนต้องการอะไร จุดไหนที่เป็นความคาดหวังของประชาชน คนระดับกลางและระดับล่างทั่วโลกนั้นค่าใช้จ่ายในชีวิตความเป็นอยู่สูงขึ้น แต่รายได้ในอนาคตของเขามันตีบตัน นั่นคือทำไมเขาถึงต้องมองหาพรรคการเมืองที่จะมาแก้ปัญหาให้กับเขา ผมเชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย สไลด์มากกว่าแลนด์สไลด์ด้วยซ้ำ"
     "เราไม่ต้องกังวล เราอยู่ที่นี่ทุกคนเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกัน แม้เราจะรู้จักกัน เริ่มต้นจากทางการเมือง แต่เราก็ใกล้ชิดกันร่วมมือกันต่อสู้ไปด้วยกัน ดังนั้นในค่ำคืนนี้ขอให้ทุกคนจงมีความสุข ผมชอบที่จะชวนให้พวกเรามาดื่มเฉลิมฉลองวันเกิดด้วยกันอย่างมีความสุข" นายทักษิณกล่าว 
    วันเดียวกัน นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปไตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความ "จากใจนคร มาฉิม อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ถึงคนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ระบุว่า ก่อนหน้านี้ผมเป็น ส.ส.พิษณุโลกสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับท่าน ต้องยอมรับความจริงว่า ท่านบริหารชาติบ้านเมืองได้ดี มีนโยบายใหม่ๆ เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้านละ 1 ล้าน การลงทุนเฟื่องฟูเจริญรุ่งเรือง ต้องยอมให้ในการบริหารงานของท่านว่าเก่งมาก ทำให้พรรคไทยรักไทยโดยการนำของท่านชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย 377 เสียง ส.ส. จาก 500 ส.ส. เป็นประวัติศาสตร์ทางการเมือง ผมอยู่ฝ่ายตรงข้ามก็มองอย่างแปลกใจว่าเป็นไปได้อย่างไร ทำไมท่านจึงชนะใจประชาชน และเหตุใดพวกเราจึงพ่ายแพ้ต่อท่านอย่างยับเยิน 
    นายนครระบุว่า ขณะนั้นพวกเราตื่นตระหนกกันมาก จึงร่วมกันทุกฝ่ายระดมสรรพกำลัง ทั้งฝ่ายการเมือง ทั้งฝ่ายทหาร ฝ่ายข้าราชการประจำ และฝ่ายตุลาการระดับสูงบางคนที่เชื่อมั่นและศรัทธาฝ่ายเผด็จการอนุรักษนิยมในนามตุลาการภิวัฒน์ ร่วมกันขย้ำท่านให้ตายคามือ ยึดอำนาจด้วยปืน ยุบพรรคท่านทิ้งด้วยกฎหมาย ตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่ก็ชนะพวกเราอีก สุดท้ายพวกเราจึงปรึกษากันว่าคงจะต้องให้ทหารยึดอำนาจอีก และเพื่อตอกฝาโลง ก็ใช้กระบวนการยุติธรรมในมือตัดสินเอาผิดอีก ท่านกับน้องสาวจะต้องไม่อยู่ในประเทศ เพราะถ้าท่านอยู่ พวกเราคงจะไม่ได้มีโอกาสชนะ พวกเราขอแช่แข็งประเทศสัก 5-20ปีก่อน จนกว่าจะมั่นใจได้ว่าพวกเราจะบริหารจัดการอำนาจและปกครองแบบเบ็ดเสร็จ 
    "ซึ่งการสมคบคิด การวางแผนการยึดอำนาจ กระบวนการทำลายประชาธิปไตยมีอยู่จริง แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะนี่มันคือสงครามระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายเผด็จการ ในหลายๆ เรื่อง หลายๆ เหตุการณ์ ผมอยู่และรับรู้จากเหตุการณ์จริงนั้นด้วย แต่พอมีสติ พิจารณาศึกษาอย่างรอบด้าน จึงรู้ว่าเหตุผลที่ทำให้ท่านชนะ เพราะท่านทำเพื่อประชาชนในวิถีประชาธิปไตย เหตุผลที่ฝ่ายเราพ่ายแพ้ตลอด เพราะฝ่ายเราทำเพื่อนายทุน ขุนศึก และศักดินาอำมาตย์ซึ่งเป็นคนส่วนน้อย ไม่ได้ทำเพื่อประชาชนและประชาธิปไตย" 
ปชป.โต้"นคร"พูดเท็จ
    อดีต ส.ส.ปชป.ผู้นี้บอกว่า ผมขอโทษท่านและน้องสาวท่านด้วยที่เคยต่อสู้กับท่าน แต่เมื่อความจริงปรากฏ ความอยุติธรรมและเผด็จการปกครองครอบงำประเทศ ประชาชนเดือดร้อน ทุกข์ยากลำบาก สิทธิเสรีภาพสูญสิ้น ชาติบ้านเมืองของเราบอบช้ำ เข้าขั้นวิกฤติ ผมจึงขออนุญาตมาร่วมอุดมการณ์เดียวกันกับท่าน ขอร่วมสู้กับท่าน วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดครบ 69 ปีของท่าน ท่านอย่าพึ่งเป็นอะไรไปเสียก่อน เชื่อว่าอีกไม่นาน ฝ่ายประชาธิปไตยและประชาชนจะเป็นฝ่ายชนะฝ่ายเผด็จการแน่นอน ไม่ต้องรอชาติหน้า เพื่อเป็นของขวัญในวันเกิดของท่าน และขอให้ท่านและน้องสาวยิ่งลักษณ์ ได้กลับมาสู่อ้อมกอดของแผ่นดินแม่
    ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก ปชป. กล่าวว่า ตัวเองสนิทสนมกับนายนครเป็นอย่างมาก เพราะเป็นคนชวนตัวเองเข้ามาทำงานการเมืองภายใต้สังกัด ปชป. เพราะบอกว่าเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ทางการเมือง แต่ภายหลังไม่ทราบ และไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรกับนายนคร ถึงแสดงท่าทีเช่นนี้ ก่อนหน้านี้นายนครได้ลาออกจาก ปชป.ตั้งแต่ปี 56 และไปสังกัดพรรคชาติพัฒนา และพวกเราอดีต ส.ส.ปชป. ก็ยังแสดงความยินดี และเข้าใจการตัดสินใจของนายนคร เพราะท่านบอกว่าจำเป็นต้องดูแลพื้นที่ และต่อมาก็ชนะการเลือกตั้งในปี 57 แต่สุดท้ายผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ซึ่งช่วงนี้นายนครก็ไม่เคยต่อว่า ปชป. แต่มาบัดนี้กลับมีท่าทีตรงกันข้าม 
    ขณะที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป. กล่าวว่า เคยได้ยินนายนครพูดทำนองนี้มาก่อนแล้วในคลิปทีวีเสื้อแดง ทั้งนี้ นายนครเคยพูดว่า "เรื่องย้ายพรรคผมไม่เคยแม้แต่คิด การย้ายพรรคก็เหมือนกับการทรยศต่อประชาชน เพราะประชาชนเลือกเรามาในนาม ปชป. ถ้าย้ายพรรคไม่มี จะวางมือทางการเมืองไปเลย" นายนคร มาฉิม เคยกล่าวไว้เช่นนี้ ตนบันทึกไว้ในหนังสือทองแท้ไม่กลัวไฟ หน้า 343-344 สิ่งที่นายนครเขียนอวยพรนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นสิทธิของนายนคร แต่การใส่ความเท็จปชป.นานาประการนั้น ไม่แน่ใจว่านายนครมีสติดีหรือไม่ เพราะผมหรือ ปชป.ไม่เคยมีการประชุมวางแผนใดๆ ให้ทหารมายึดอำนาจอย่างที่นายนครกล่าวหา หรือจาบจ้วงกล่าวอ้างไปถึงตุลาการระดับสูงบางคนส่งผลให้สถาบันศาลได้รับความกระทบกระเทือน เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของตุลาการหรือไม่ 
    "เท่าที่ผมทราบและเห็นด้วยตาตนเอง ได้ยินกับหูคือนายนครด่าว่าวิพากษ์วิจารณ์นายทักษิณ ชินวัตรไม่มีชิ้นดีกลางสภา แล้ววันนี้มายกยอปอปั้นสรรเสริญในวันเกิด กลับเป็นคนละคนกันกับนายนครวันก่อน  อนิจจาคนหนอคน ยืนยันว่าสิ่งที่นายนครเขียนนั้นเป็นเท็จ และกล่าวร้ายให้ ปชป.และวงการตุลาการเสียหาย ผมพร้อมเผชิญหน้ากับนายนครทุกเวลา ให้เอาสัจจะความจริงมาพูดกัน อย่าหลงไปยกย่องทรราชที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ อย่าเห็นแก่เงินของคนชั่ว" นายวัชระกล่าว     
     นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกายกร่างแก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 จำนวน 4 แนวทางว่า นอกจากการให้แนวทางทั้ง 4 แนวทางดังกล่าว เรื่องอื่นไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะทั้งหมดมันนิ่งหมดแล้ว เหลือเพียงการจัดทำไพรมารีโหวต ขณะนี้ฟังอยู่ว่าใครแสดงความคิดเห็นอะไร.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"