ลามตุลาการ-ทหาร 'นคร'ฟาดหางร่วมก๊วนโค่นแม้ว-ปู/วรงค์แฉบำเหน็จนั่ง'รมต.'


เพิ่มเพื่อน    

   โดดดูดเหมือนกัน! “นคร” ยอมรับเพื่อไทยชวนเข้าพรรค อ้างอุดมการณ์เดียวกัน ปูดทหารเคยค้นบ้านกล่อมกลับพรรคเดิม ท้าฟ้องศาลหากอยากได้หลักฐานสมคบคิดล้มรัฐบาล "ปชป." ซัดทรยศบ้านเก่าสร้างเรื่องเอาใจแม้ว ชี้ทหารยึดอำนาจเพราะพฤติกรรมชั่วของรัฐบาลจน ปชช.ออกมาขับไล่ คาดอนาคตอาจได้ปูนบำเหน็จรัฐมนตรีแต่ต้องติดคุก "สุเทพ" ย้ำ พท.ไม่ได้เป็นรัฐบาล "สามมิตร" ฟุ้งหนุน "บิ๊กตู่" เป็นนายกฯ อาจชนะพท.ขาด แกนนำ พท.ภาคเหนือแบไต๋ "ประดิษฐ์" มาเสริมทัพ
    เมื่อวันอาทิตย์ นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวภายหลังจากที่ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกล่าวหาพรรค ปชป.เข้าร่วมกระบวนการสมคบคิดล้มรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จนถูกตอบโต้จากแกนนำพรรค ปชป.อย่างต่อเนื่องว่า ขอถามกลับไปยังพรรค ปชป.ว่า ทำไมต้องมีการบอยคอตการเลือกตั้งถึง 2 ครั้ง และทำไมทหารจะต้องเข้ามายึดอำนาจทั้ง 2 ครั้ง ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับพรรค ปชป. แต่เป็นศัตรูกับระบอบเผด็จการ และเครือข่ายของเผด็จการ ไม่เข้าใจว่าทำไมพรรค ปชป.ถึงมาเดือดเนื้อร้อนใจอะไร 
    "ยอมรับว่าได้พูดคุยกับผู้ใหญ่บางท่านของพรรคเพื่อไทย แต่ยังไม่สามารถขยับอะไรได้ ซึ่งผู้ใหญ่ได้ทาบทามมายังผมว่า ถ้าเรามีอุดมการณ์เดียวกัน ก็มาร่วมต่อสู้ในวิถีทางประชาธิปไตย มาร่วมอุดมการณ์เดียวกันได้หรือไม่ โดยผมได้ตอบไปว่า ถ้าเรามีอุดมการณ์เดียวกัน และต่อต้านเผด็จการ เราก็มาร่วมกันได้ หากพรรคเพื่อไทยมีการเปลี่ยนจุดยืนทางการเมือง สนับสนุนรัฐบาลหรือคนนอกเป็นนายกฯ ผมก็ไม่ขอเข้าร่วมด้วย " นายนครกล่าวถึงกระแสข่าวจะไปอยู่สังกัดพรรคเพื่อไทย
    ผู้สื่อข่าวถามหลังจากนี้หากมีทหารติดต่อเพื่อเชิญไปพูดคุยหรือปรับทัศนคติพร้อมหรือไม่ นายนครกล่าวว่า ความจริงไม่ควรมีพฤติการณ์แบบนั้นแล้ว ตนเคยถูกเชิญให้ไปปรับทัศนคติ 2 ครั้ง แต่ตนได้ขอนำสื่อเข้าไปด้วย ซึ่งเขาบอกว่าไม่ได้ และให้นายทหารโทร.มายกเลิกนัด ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าได้เคยมีทหารมาตรวจค้นที่บ้านของตน ซึ่งทหารได้บอกผ่านทีมงานของตนว่าอยากให้ตนกลับไปอยู่ในสังกัดพรรคเดิม ไม่ต้องไปต่อสู้โต้แย้ง กลับไปเป็นพวกเดียวกับรัฐบาล แต่ถ้าไปอยู่ฝ่ายพรรคเพื่อไทย ก็เป็นฝ่ายตรงข้ามกัน ก็เหนื่อยหน่อย
    ส่วนกรณีพรรค ปชป.เรียกร้องให้แสดงหลักฐานว่าใครร่วมกันล้มสองพี่น้องตระกูลชินวัตรนั้น อดีต ส.ส.ปชป.ผู้นี้กล่าวว่า ยืนยันทุกอย่างจริง จะเปิดก็ต้องไปเปิดที่ศาล เห็นเขาขู่จะฟ้อง พร้อมเปิดทุกอย่างในชั้นศาล ฝากไปถึงพี่น้องฝ่ายการเมือง พี่ๆ น้องๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค ปชป. ซึ่งตนเคารพรักเหมือนเดิมว่า ปลายลูกธนูของตนต้องการพุ่งเป้าไปที่ใจกลางของระบอบเผด็จการ ไม่ต้องการมาเสียเวลาสาละวนโต้เถียงไปมา นี่ขนาดตนปิดช่องว่างเอาไว้ ไม่เปิดทั้งหมดเขาก็จะมาเล่นตนด้วย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อีก 
    "ที่ถามว่าทหารคนไหน ตุลาการคนไหน ใครบ้าง พวกเขารู้อยู่แก่ใจ ถ้าไม่อย่างนั้นจะนำไปสู่กระบวนการในการยึดอำนาจได้อย่างไร ถามกลับย้อนไปว่า ทำไมพรรคถึงบอยคอตการเลือกตั้ง ส่วนหลักฐานถ้าอยากจะได้ ที่ขู่ร่ำๆ จะฟ้องก็ให้ฟ้องมา ผมจะขอหมายศาลออกหมายเรียกไปทุกกลุ่มทุกฝ่าย เอาประวัติศาสตร์การเมืองมากางกันบนโต๊ะเลยว่าใครทำอะไรต่างๆ ซึ่งมันปรากฏชัดอยู่แล้ว" 
    นายนครกล่าวอีกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. และนายชวน หลีกภัย ในฐานะผู้มีบารมีในพรรค กล้าประกาศต่อสาธารณะ และกล้ายืนยันชัดๆ ไหมว่าเลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่เอานายกฯ คนนอก ไม่เอาพวก คสช.มาเป็นนายกฯ จะล้างระบอบเผด็จการด้วยกัน ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.มาเป็นนายกฯ มาร่วมกันล้างมรดกบาปด้วยกัน ถ้ากล้าประกาศ ประชาชนจะให้โอกาสประชาธิปัตย์ รวมถึงตนจะยอมคำนับให้ แต่หากไม่กล้าประกาศ เท่ากับทรยศประชาชน มันมีอะไรแฝงถึงไม่กล้า
ซัดสร้างเรื่องเอาใจแม้ว
     นายชวลิต วิชยสุทธิ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายนครเปิดโปงทฤษฎีสมคบคิดล้มล้างรัฐบาล ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในพรรคปชป. ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร แต่ประชาชนก็น่าจะเชื่อไปแล้วระดับหนึ่ง เพราะผู้เปิดเผยเคยเป็นคนใน ยิ่งถ้าจะมีการฟ้องร้องนายนครเกิดขึ้นจริง ความจริงลึกๆ ก็คงจะได้เปิดเผยในศาลมากกว่านี้ เพราะเท่าที่เคยฟังนายนครเล่าให้ฟัง ข้อมูลลึกกว่านี้มาก เช่น กรณีการสร้างเหตุการณ์ความวุ่นวายในสภา มีการมอบหมายแบ่งงานกันทำ คนนี้ลากเก้าอี้ประธานสภาฯ คนนั้นขว้างแฟ้มเอกสารกลางสภา ไม่ได้เกิดอย่างปัจจุบันทันด่วน แต่เป็นเรื่องที่เตี๊ยม เตรียมการกันมาก่อนทั้งสิ้น ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็น่าเศร้าใจ ที่เราไม่ร่วมกันรักษาบ้านของเรา 
    ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก  พรรค ปชป. กล่าวสรุปบทวิเคราะห์ผลของจดหมายนายนครถึงนายทักษิณ 7 ข้อ ว่า 1.นายนครใช้คำว่า "พวกเรา" ในจดหมาย เพื่อให้สังคมเข้าใจผิดว่าตนเองเป็นเบอร์ใหญ่ในพรรค ปชป. แต่ในความเป็นจริงเป็นบุคคลที่มีเพื่อนน้อย ไม่มีบทบาทใดๆ ในพรรค ทางที่ดีนายนครน่าจะระบุว่ามีใครบ้างที่นายนครไปร่วมปรึกษาหารือด้วย ถ้าไม่สามารถระบุได้ จะกลายเป็นว่าสร้างเรื่องขึ้นมาเพียงเพื่อเอาอกเอาใจนายทักษิณ 2.นายนครไม่สามารถแยกแยะฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายทุนสามานย์ได้ ในช่วงที่ผ่านมามีโครงการจำนำข้าวที่ทุจริตรุนแรงที่สุดตั้งแต่ตั้งประเทศไทย หลังจากศาลตัดสินจนฝ่ายการเมืองหนีคุกออกนอกประเทศ และหลายคนติดคุก ขณะนี้ยังมีคดียึดทรัพย์เครือข่ายเสี่ยเปี๋ยงอีกหลายคดีในศาลแพ่ง 
    3.ฝ่ายประชาธิปไตยจะเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นตัวตั้ง แต่ฝ่ายทุนสามานย์ทำเพื่อนายทุนเจ้าของพรรค เมื่อผ่านการเลือกตั้งแล้วจะมีลักษณะเหิมเกริมในอำนาจ และใช้อำนาจไม่ชอบ กล้าแม้ที่จะออกกฎหมายล้างผิดตนเอง ทุจริตเชิงนโยบาย ไม่เคารพกฎหมาย มีพฤติกรรมจาบจ้วง เป็นตัวทำลายประชาธิปไตยที่แท้จริง เป็นเหตุให้ประชาชนออกมาขับไล่ และจบด้วยรัฐประหาร 4.ผลของจดหมายนายทักษิณและเครือข่าย ได้ประโยชน์เต็มๆ แต่อาจได้ผลในช่วงแรก เพราะความจริงก็คือความจริง 5.แฟนๆ พรรค ปชป.จำนวนมากใน จ.พิษณุโลกและทั้งประเทศ มีความรู้สึกต่อต้านนายนคร หลายคนโทรศัพท์มาวิพากษ์วิจารณ์การทำตัวเช่นนี้ ซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้งของนายนครแน่ โดยเฉพาะการที่พยายามสร้างภาพว่าตนเองมีจุดยืน มีอุดมการณ์ แต่เปลี่ยนถึงสามพรรค ทำให้คิดได้ว่าใช้เงินเป็นตัวตั้ง ซึ่งชาวพิษณุโลกไม่ยอมรับ
    6.นายนครมีการทิ้งบอมบ์ไปสู่กลุ่มเป้าหมายหลายๆ กลุ่ม เป็นที่ถูกใจนายทักษิณและเครือข่ายมาก คนทั่วไปถือว่าเป็นการทรยศต่อพี่ หักหลังเพื่อน และเผาบ้านทิ้งครั้งรุนแรง นายทักษิณก็คงมองออก เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะทำกับพรรคเพื่อไทยเช่นนี้หรือไม่ คาดว่าสิ่งที่นายนครได้รับคือ ในระยะแรกต้องเร่งชูบทบาท ถ้าเป็นรัฐบาลต้องให้เป็นรัฐมนตรี แต่สุดท้ายคงจบด้วยการติดคุกเหมือนอีกหลายๆ คน เนื่องจากนายนครมีความขยัน แต่เพื่อนน้อย ถ้าหมดประโยชน์ทางการเมือง คงต้องมีความระแวดระวังต่อพฤติกรรม สุดท้ายต้องประหาร(ทางการเมือง) เพราะคงไม่กล้าส่งเสริมให้ดูแลพรรคแน่นอน
    7.ผลต่อพรรค ปชป. ช่วงแรกต้องได้รับผลกระทบ จากข้อมูลผิดๆ ที่มีการเขียนขึ้นมาเอง ระยะเวลาผ่านไป ประชาชนก็เข้าใจและมองออก ไม่มีใครที่จะทำอะไรพรรค ปชป.ได้แน่นอน เพราะ ปชป.มีประชาชนเป็นเจ้าของ แต่สิ่งที่ท้าทายพรรคของพวกเรานั่นคือไพร่พลย่อมมีทั้งดีและเลว จะช่วยกันดูแลอย่างไร 
     นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรค ปชป. กล่าวว่า ข้อกล่าวอ้างของนายนครที่ได้กล่าวให้ร้าย ล้วนแล้วแต่เป็นความเท็จทั้งสิ้น สร้างราคาสร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง เป็นนักกฎหมายที่ทรยศต่อความยุติธรรม ให้ร้ายตุลาการ ทรยศต่อบ้านเก่าที่เคยซุกหัวนอน ละทิ้งซึ่งอุดมการณ์ ไร้จริยธรรม ลูกผู้ชายคนดีๆ เขาไม่ทำกัน   พรรคเคยให้โอกาสเปรียบเสมือนผู้ให้กำเนิดวันนี้กลับมาด่าผู้ให้กำเนิดมนุษย์ดีๆ เขาไม่ทำกัน 
รบ.ชั่วทหารยึดอำนาจ
    รองโฆษก ปชป.ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า นายนครได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ปชป.ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2556 แล้วไปสังกัดพรรคชาติพัฒนา ตอนนี้สังกัดพรรคไหนไม่รู้ ที่กล่าวว่าพวกเราร่วมกับเครือข่าย นายทุน กลุ่มขุนศึก กลุ่มศักดินาอำมาตย์ และเครือข่ายข้าราชการ ทำลายทักษิณและยิ่งลักษณ์ ถ้าเป็นลูกผู้ชายออกมายืนยันให้ชัดว่าพวกเราหมายถึงพรรค ปชป. เพราะว่า ปชป.ไม่เคยใช้วิธีการเหล่านี้ ต้องกล้ายืนยันว่าตุลาการระดับสูงคนนั้นเป็นใคร ที่ขย้ำทักษิณและยิ่งลักษณ์ คดีทุกคดีที่ศาลได้ตัดสินล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมของคุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์ทั้งสิ้น ตัดสินอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย ถ้ามั่นใจว่าไม่ผิดกลับมาต่อสู้คดี คุณเป็นนักกฎหมาย อย่าทรยศต่อความยุติธรรม โดยการทำลายอำนาจตุลาการของบ้านเมือง ปชป.ไม่ได้สมคบคิดเพื่อให้ทหารออกมายึดอำนาจ ทหารออกมายึดอำนาจทั้งสองครั้งที่ผ่านมา เป็นเพราะการบริหารราชการการแผ่นดินที่เลวร้ายที่สุด มีการโกงกินประเทศอย่างเป็นกระบวนการ ไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง ทุกอย่างมีจารึกไว้เป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ทั้งนั้น  
    "พรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถสั่งทหารให้ออกมาปฏิวัติได้ ที่ทหารปฏิวัติมาจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงของรัฐบาลที่ผ่านมาแทบทั้งสิ้น ผมรับผิดชอบทุกคำพูด จะเวทีไหนนัดมา ผมคงไม่ใช้คำไม่สุภาพเช่นคุณนครที่ใช้คำว่า ไม่มึงก็กูอยู่กันไม่ได้ไปข้างหนึ่ง แต่ผมจะบอกด้วยคำสุภาพว่า พี่ครับข้างนอกกับข้างในคุกอยู่ตรงไหนในอนาคต ให้เลือกที่อยู่ได้สบายนะครับ" นายราเมศ กล่าว 
    นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรค ปชป.กล่าวว่า พรรค ปชป.ไม่เคยสนับสนุนหรือสมคบคิดกับใครให้มีการยึดอำนาจ ดังนั้นพรรค ปชป.จึงไม่ใช่ไส้ศึกประชาธิปไตยที่สนับสนุนให้มีการยึดอำนาจอย่างที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ใส่ความแต่อย่างใด ทั้ง 2 ครั้งที่มีการยึดอำนาจ ฝ่ายยึดอำนาจจะอ้างว่ามีการทุจริตคอร์รัปชันอย่างรุนแรงโดยรัฐบาลในขณะนั้น ทั้งรัฐบาลไทยรักไทยและเพื่อไทย แถมประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ก็เห็นคล้อยตาม จึงไม่ใช่เรื่องประชาธิปัตย์สมคบคิดกับใครให้ยึดอำนาจ แต่เป็นเรื่องรัฐบาลของพวกนายณัฐวุฒิเอง ลุแก่อำนาจ โกงจนมองไม่เห็นหัวประชาชน จนเป็นเหตุให้มีการยึดอำนาจ ทฤษฎีสมคบคิดทางการเมืองที่นายณัฐวุฒิพูดถึง น่าจะเป็นการสมคบคิดกันระหว่างนายนครกับนายณัฐวุฒิ เพื่อหาเหตุใส่ความพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า ประมาณว่า "นครชง ณัฐวุฒิตบ สมคบกันใส่ความประชาธิปัตย์ "
     นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา โฆษกพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า นายนครเคยมาเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนา เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2556 และลงสมัครรับเลือกตั้งในปี พ.ศ.2557 ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนั้นโมฆะ และภายหลัง นายนคร มาฉิม ก็ได้ลาออกจากพรรคชาติพัฒนาไปตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2559 แล้ว จึงขอเรียนให้ทราบว่านายนครไม่ได้สังกัดพรรคชาติพัฒนาเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว 
    นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวว่า การที่นายนครระบุว่าการทุจริตคอร์รัปชันของนายทักษิณเป็นแค่วาทกรรมนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะศาลพิพากษาว่าโกงและได้ข้อยุติในหลายๆ คดีไปแล้ว และหลายคดีมีใบเสร็จ มีหลักฐานคาหนังคาเขา จนนายทักษิณและน้องสาวต้องหลบหนี จนภาคประชาชนต้องลุกขึ้นมาต่อต้านเพื่อปกป้องชาติบ้านเมืองไว้ สมัยนายนครเป็นฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ตรวจสอบ ก็ทำหน้าที่บนข้อเท็จจริงเช่นนี้ มาวันนี้พูดอีกอย่าง เท่ากับนายนครไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกและรับผิดชอบต่อประชาชน 
คำพูดนครใบเสร็จการดูด
    "คนที่นายนครควรขอโทษไม่ใช่นายทักษิณ แต่ควรขอโทษประชาชนที่เลือกมาจะเหมาะสมกว่า นายนครมีสิทธิย้ายไปอยู่กับคุณทักษิณ แต่ก็ควรเคารพประชาชนที่เลือกนายนครที่ยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามและตรวจสอบคุณทักษิณในตอนนั้น เอาเข้าจริงๆ เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้มันเป็นแค่ผลพวงของการดูด สิ่งที่นายนครพูดมันก็เปรียบเสมือนใบเสร็จของการดูดนั่นละ แต่อาจพยายามสร้างวาทกรรมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของการดูดของพรรคที่กำลังด่าพรรคอื่น แต่กลับมาทำเสียเอง" นายสุริยะใส กล่าว 
    นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีต รมช.การคลัง เข้าร่วมพรรคเพื่อไทยว่า การได้นายประดิษฐ์ และนายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก ประชาธิปัตย์เข้ามา จะทำให้ภาคเหนือตอนล่างที่เรามีอดีต ส.ส.ไม่ครบแข็งแรงขึ้นแน่นอน ยืนยันไม่มีอดีต ส.ส.ภาคเหนือของพรรคเพื่อไทยออกจากพรรค มีแต่จะมีผู้สมัครเพิ่ม เพราะทุกคนรู้ใจประชาชนดี แม้แต่ภาคอีสานที่มีข่าวคนย้ายพรรคเยอะ แต่ถึงเวลาเชื่อว่าจำนวนจะไม่มากตามที่เป็นข่าว เพราะทุกคนมีประสบการณ์จากการไปร่วมพรรคทหารที่มีโอกาสสอบตกสูง
       มีรายงานว่า หลังจากแกนนำและอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยร่วมงานฉลองวันเกิดอายุ 69 ปีของนายทักษิณ  ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มอดีต ส.ส.ที่ใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังใช้เวลาพักผ่อนอยู่ที่ประเทศอังกฤษกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดย น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย โพสอินสตาแกรมสตอรี เป็นภาพน.ส.ยิ่งลักษณ์พากลุ่มอดีต ส.ส.ที่ใกล้ชิด อาทิ น.ส.ขัตติยา, น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์, นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ส.กทม., นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล  เดินเล่นใจกลางกรุงลอนดอน โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์มีสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับกล่าวว่า "คิดถึงทุกคน" 
    นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 5 ส.ค. เวลา 09.00 น.นี้ ที่โรงแรมแลนด์มาร์ค ถนนสุขุมวิท พรรค รปช.จะมีการประชุมผู้ร่วมก่อตั้งพรรคจำนวน 500 คน เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค ที่ประกอบด้วย หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เพื่อจะยื่นเรื่องต่อ กกต.ให้รับรองความเป็นพรรคการเมืองตามกฎหมายโดยสมบูรณ์  ส่วนใครจะเป็นหัวหน้าพรรคนั้น ก็ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมเป็นผู้เลือก ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีชื่อนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ และ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีต รมว.การคลัง เป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะต้องให้ที่ประชุมเป็นผู้คัดเลือก  
    "มั่นใจว่าพรรค รปช.จะได้เป็นรัฐบาลแน่นอน เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่มีพรรคการเมืองใดได้เสียงข้างมากเด็ดขาดเพียงพรรคเดียว ดังนั้นการจัดตั้งรัฐบาลจึงต้องเป็นพรรครัฐบาลผสม ดังนั้นพรรคการเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุด และเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง ในขณะนี้ก็มีเพียงพรรคเราเพียงพรรคเดียวที่ใครก็อยากจะเชิญไปร่วมรัฐบาลมากที่สุด"
    เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เสียงมากที่สุด รปช.จะไปร่วมตั้งรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายสุเทพกล่าวยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่ได้เป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน ส่วนที่นายทักษิณระบุว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะยิ่งกว่าแลนด์สไลด์นั้น นั่นนายทักษิณพูด แต่ตอนนี้คือนายสุเทพพูด
รวมมิตรฟุ้งชนะเพื่อไทย
     ที่ตลาดเทิดไท อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา นายภิรมย์ พลวิเศษ แกนนำและเลขาฯ กลุ่มสามมิตร กล่าวว่า กลุ่มสามมิตรจะต้องทำงานให้สำเร็จ ทั้งเรื่องปรองดอง เรื่องประชาชนชอบยุทธศาสตร์ชาติของกลุ่มสามมิตร คิดว่าอย่าว่าแต่ได้คนเลย เรามีโอกาสที่จะชนะพรรคเพื่อไทยขาดแน่นอนในภาคอีสาน ซึ่งเรายังเดินหน้าทุกวันทุกเวลาที่มีโอกาส เมื่อวันก่อนกลุ่ม นปช.หรือเสื้อแดง จ.กาฬสินธุ์ ที่มีฉายาครูเฒ่า กับที่นายวัชระกับคณะแกนนำหลักเชิญตนไปแลกเปลี่ยนในแนวทางนโยบาย โดยถ้าให้กลุ่มสามมิตรนำเสนอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นวาระแห่งชาติ เขามีโอกาสที่จะมาร่วมงานกับเรา อย่างน้อยให้ตอบโจทย์ว่านโยบายแต่ละเรื่องสามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ ส่วนที่จะไปแลกเปลี่ยนกับ จ.บุรีรัมย์ รวมทั้งนายชิงชัย มงคลธรรม อดีตรัฐมนตรีศึกษาธิการนั้น  ได้นำเสนอความคิดกับตน เรื่องครูเป็นหนี้ปฏิญญาสารคาม เขาอยากให้รัฐบาลมาดูแลเขา ไม่ใช่ว่าเขาจะเบี้ยวหนี้สิน ได้แลกเปลี่ยนกับตนที่เป็นประโยชน์มาก และตนก็ได้คุยกับนายโสภณ เพชรสว่าง อดีตรองประธานสภาผู้แทนฯ ก็เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าวิธีการจะปรองดองต้องปรองดองกับพี่น้องประชาชนว่าเขาต้องการอะไร 
    ส่วนพรรคเพื่อไทยโจมตีว่าสามมิตรเอาเรื่องปรองดองมาบังหน้า แท้ที่จริงมีวาระซ่อนเร้น นายภิรมย์ กล่าวว่า จะมีวาระซ่อนเร้นอะไรตนไม่รู้ แต่ว่าตนเดินทางแต่ละวันในนามของสามมิตร เขาตอบรับหมด ส่วนนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. โจมตีว่าเดินสายดูดเพื่อปั่นราคาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อเหมือนกับการทำลายชาตินั้น มันจะทำลายชาติยังไงเนื่องจากวันนี้สามมิตรยังไม่ได้พูดสักครั้งว่าสนับสนุนเผด็จการ แต่จะสนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่ทำความดีกับประชาชนเรื่องปากเรื่องท้อง เขาคิดก้าวหน้ากว่าแกนนำที่กล่าวถึง 
    “คนอีสานเขารักทักษิณ แต่เขาก็รักบิ๊กตู่เหมือนกัน เพราะว่าถ้าข้อไหนดี นโยบายข้อไหนที่ชาวบ้านได้ประโยชน์จากรัฐบาลเขาก็รัก ถ้าเกิดว่ารัฐบาลทำงานดีอย่าว่าเป็นนายกรัฐมนตรีเลย บิ๊กตู่อาจเป็นนายกฯ ตลอดชีวิตก็ได้ พวกผมเดินได้ขนาดนี้ ทำให้เรตติ้ง พล.อ.ประยุทธ์เป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย เป็นรองเรื่องกระแสพรรคเพื่อไทยไม่ถึง 10% โดยยังไม่ตั้งพรรคเลย ถ้าพวกผมเดินอีก 2-3 เดือน หรือ 4-5 เดือนก่อนเลือกตั้ง มั่นใจว่าสามมิตรที่หนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อาจจะชนะพรรคเพื่อไทยขาดก็ได้ ส่วนที่ทางอดีตนายกฯ ทักษิณระบุว่าหลังเลือกตั้ง 62 แลนด์สไลด์ คำว่าแลนด์สไลด์มันไม่อยู่กับจำนวน ส.ส.ที่สังกัดพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่คือวัดที่พี่น้องประชาชนว่าต้องการอะไรเมื่อมีการเลือกตั้ง ผมมั่นใจว่าถ้าให้มีเวทีเดินแลกเปลี่ยนพี่น้องประชาชนในอีสาน อย่าว่าแต่อีสานเลย กรุงเทพฯ ภาคเหนือ เพื่อไทยแพ้สามมิตรแน่นอนครับ“ นายภิรมย์กล่าว
     วันเดียวกัน นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง ประชาชนคิดอย่างไรต่อการเลือกตั้ง และคุณสมบัติของ ส.ส.ที่ดี  กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพ 1,147 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 20-28 ก.ค.2561 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.9 ระบุการเลือกตั้งเป็นเรื่องจำเป็น ในขณะที่ร้อยละ 18.1 ระบุไม่จำเป็น เมื่อถามถึงความเหมาะสมของช่วงวันเลือกตั้ง พบว่า เกินครึ่งหรือร้อยละ 54.8 ระบุการเลือกตั้งเหมาะสมช่วงต้นปีหน้า รองลงมาคือร้อยละ 30.1 ระบุการเลือกตั้งเหมาะสมช่วงกลางปีหน้า และร้อยละ 15.1 ระบุการเลือกตั้งเหมาะสมช่วงปลายปี ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.3 ยังไม่เข้าใจวิธีการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบใหม่ หรือไพรมารีโหวต ในขณะที่ร้อยละ 9.7 เข้าใจแล้ว 
    สวนดุสิตโพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "ประชาชนคิดอย่างไรกรณีผู้สมัคร ส.ส.ย้ายพรรค" จากความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 1,096 คน ระหว่างวันที่ 24-28 ก.ค.2561 สรุปผลได้ดังนี้ อันดับ 1 ระบุว่าเป็นเรื่องปกติทางการเมือง มีให้เห็นในช่วงเลือกตั้ง 47.04%, อันดับ 2ถูกจับตามอง น่าจะเกี่ยวข้องกับการดูด ส.ส. 31.19%,  อันดับ 3 เป็นสิทธิของผู้สมัครที่มีอิสระในการย้ายพรรค  30.28%, อันดับ 4    ทำให้ระบบพรรคการเมืองไม่เข้มแข็ง ต้องหาทางแก้ไข รับมือ 22.16% 
     ระหว่าง “ตัวผู้สมัคร ส.ส.” กับ “พรรคการเมือง” ประชาชนให้ความสำคัญอะไรมากกว่ากัน อันดับ 1 ระบุ พอๆ กัน 38.69% เพราะการทำงานจะมีประสิทธิภาพต้องอาศัยทั้งตัวผู้สมัคร และพรรคการเมืองที่ร่วมมือกัน สำคัญทั้งคู่ ฯลฯ, อันดับ 2 ตัวผู้สมัครมากกว่า     33.30% เพราะเป็นปากเสียงให้กับประชาชน เป็นผู้ปฏิบัติ รู้ปัญหาในพื้นที่ ทำงานใกล้ชิดประชาชน ฯลฯ,  อันดับ 3 พรรคที่สังกัดมากกว่า 28.01% เพราะถ้าพรรคเข้มแข็ง หัวหน้าพรรคดี มีนโยบายโดนใจ จะส่งเสริมการทำงานของผู้สมัครได้ดีขึ้น ฯลฯ
     ทำไม? ผู้สมัคร ส.ส.จึงย้ายพรรค อันดับ 1 ระบุว่า เป็นเรื่องผลประโยชน์ มองหาความมั่นคงและโอกาสที่ดีกว่า 38.90%, อันดับ 2 มีความขัดแย้งภายใน พรรคไม่มีเสถียรภาพ 32.89%, อันดับ 3 อุดมการณ์ แนวคิด ทัศนคติการทำงานไม่ตรงกัน 24.87%, อันดับ 4 ต้องการเปลี่ยนแปลง ลองหาประสบการณ์จากพรรคอื่น 19.52%, อันดับ 5 ถูกชักชวน รู้สึกว่าได้รับความสำคัญ และการยอมรับ 15.64%
     และเมื่อถามว่า ถ้าผู้สมัคร ส.ส.ที่เคยเลือกเมื่อการเลือกตั้งครั้งที่แล้วย้ายพรรค ประชาชนจะยังเลือกผู้สมัครคนนี้อีกหรือไม่ อันดับ 1 ไม่แน่ใจ 50.91% เพราะ คงต้องรอดูก่อนว่าย้ายไปพรรคไหน ใครเป็นหัวหน้าพรรค ดูนโยบาย พิจารณาจากหลายๆ ปัจจัย ฯลฯ,  อันดับ 2 เลือก 27.28% เพราะดูที่ตัวบุคคล ชื่นชอบ มีผลงานดี เป็นคนเก่ง มีความสามารถ มีประสบการณ์ เข้าใจปัญหาในพื้นที่ ฯลฯ, อันดับ 3 ไม่เลือก 21.81% เพราะรู้สึกผิดหวัง ไม่เชื่อมั่น เหมือนเป็นคนขาดอุดมการณ์ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่า ฯลฯ.           


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"