ทรงห่วงใยโคลนถล่มจ.น่าน


เพิ่มเพื่อน    

    สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยครอบครัวผู้ประสบภัยโคลนถล่ม จ.น่าน โปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรีเชิญถุงพระราชทานมอบเป็นขวัญกำลังใจ "บิ๊กตู่" เสียใจ สั่งจังหวัดเยียวยาทุกครอบครัว "มท.1" เตรียมบินลงพื้นที่เกิดเหตุ "มทภ.3" ส่งทหารสำรวจ 4 จว.ภาคเหนือเสี่ยงดินถล่มอีก "อุตุฯ" เตือนทั่ว ปท.ระวังฝนตกหนัก-น้ำท่วมฉับพลัน  
    เมื่อวันที่ 29 ก.ค. เวลา 13.35 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา องคมนตรี ไปประชุมและติดตามการแก้ไขปัญหาการเกิดภัยพิบัติ (ดินโคลนถล่ม) ในพื้นที่บ้านห้วยขาบ หมู่ที่ 7 อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ณ หอประชุมที่ว่าการ อ.บ่อเกลือ เสร็จแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 261 ถุง ไปมอบแก่ครอบครัวผู้ประสบภัยพิบัติ (ดินโคลนถล่ม) ที่ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ซึ่งเกิดฝนตกหนักทำให้เกิดดินโคลนสไลด์ทับบ้านเรือนราษฎรบ้านห้วยขาบ หมู่ที่ 7 อ.บ่อเกลือ ทำให้ราษฎรเสียชีวิต 8 ราย บ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบ 261 ครอบครัว ณ หอประชุมโรงเรียนบ้านสะหว้า อ.บ่อเกลือ จ.น่าน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการดำรงชีวิตต่อไป 
         ในโอกาสนี้ องคมนตรีได้เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปกล่าวแก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดภัยพิบัติให้ได้รับทราบ ต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
    ขณะที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดินโคลนถล่มที่ จ.น่าน ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 8 ราย โดยเบื้องต้นได้รับรายงานสาเหตุของการเกิดดินโคลนถล่มในครั้งนี้ เกิดจากฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ดินภูเขาไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้ พร้อมทั้งได้สั่งการให้ทางจังหวัดช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่
    "นายกฯ เป็นห่วงพี่น้องประชาชนทั่วทุกภาคของประเทศ เพราะในช่วงนี้กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า จะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ทั้งภาคเหนือ อีสาน กลาง และใต้ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม หรือน้ำท่วมฉับพลันขึ้นได้ จึงได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ในแต่ละพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ" โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
    มีรายงานว่า ในวันที่ 30 ก.ค. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มีกำหนดลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนหลังจากเกิดเหตุดินถล่มที่อำเภอบ่อเกลือ จ.น่าน โดย พล.อ.อนุพงษ์จะออกเดินทางจาก บน.6 กองทัพอากาศ เวลา 07.00 น. และจะมุ่งหน้าไปที่เกิดเหตุทันที
    นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ได้กำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประสบสาธารณภัยที่ จ.น่าน และจังหวัดอื่นๆ ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยนายสมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รายงานให้ทราบว่าได้ประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่มีผู้ประสบภัยในเรื่องการมอบเงินช่วยเหลือ ทั้งในด้านการเสียชีวิต บ้านเรือนเสียหาย รวมทั้งช่วยเหลือเครื่องอุปโภค เครื่องใช้จำเป็น รัฐบาลมอบนโยบายว่าการมอบเงินและความช่วยเหลือด้านอื่นให้กระทำอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง ทั่วถึง
    ทั้งนี้ นายสมพาศกล่าวเสริมถึงมาตรการเยียวยาเหตุดินถล่มที่ จ.น่าน จนมีผู้เสียชีวิตจำนวน 8 รายว่า กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี จะจ่ายเงินช่วยเหลือเป็นค่าจัดงานศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตรายละ 5 หมื่นบาท ส่วนกรณีบ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง กองทุนจะจ่ายเงินเป็นค่าวัสดุซ่อมแซมบ้านหลังละไม่เกิน 2.3 แสนบาท กรณีบ้านเสียหายมาก หลังละไม่เกิน 7 หมื่นบาท และกรณีเสียหายเล็กน้อย หลังละไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท โดยเงินดังกล่าวสามารถนำจ่ายได้ทันที
    ด้านนายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวเรื่องนี้ว่า บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 4 หลัง มีผู้เสียชีวิต 8 ราย ซึ่ง ปภ.จ.น่านได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนธิกำลังเข้าปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วน โดยได้อพยพประชาชนในพื้นที่กว่า 100 คนไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนบ้านสว้า ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ พร้อมให้การดูแลในเบื้องต้นแล้ว 
มทภ.3ห่วง4จว.ดินสไลด์
    ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้ประสบภัยดินโคลนถล่มบ้านห้วยขาบ ณ โรงเรียนบ้านสว้า จ.น่าน นายไพศาล วิมลรัตน์ ผู้ว่าฯ จ.น่าน พร้อมด้วยนางโศภาพรรณ วิมลรัตน์ นายกเหล่ากาชาด จ.น่าน พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ให้กำลังใจและมอบเงินช่วยเหลือแก่ญาติผู้เสียชีวิต พร้อมมอบถุงยังชีพ ผ้าห่ม แก่ผู้ประสบภัย จำนวน 120 ชุด
    นายไพศาลกล่าวว่า ขอให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัย และจะดำเนินการช่วยเหลือ เยียวยา ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยต่อไป ด้านการช่วยเหลือประชาชนนั้น มีทั้งภาครัฐภาคเอกชนร่วมให้การช่วยเหลือ อาทิ ด้านการดูแลรักษาสุขภาพร่างกาย จิตใจ เครื่องนอน ผ้าห่ม อาหาร น้ำอุปโภคบริโภค จากรถประปาเคลื่อนที่ เป็นต้น
    "สภาพอากาศในพื้นที่ขณะนี้ยังมีฝนตกในหลายพื้นที่ ทางจังหวัดได้มีการแจ้งเตือนไปยังพื้นที่เสี่ยงภัยในพื้นที่อื่นๆ ให้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ดินโคลนถล่มในระยะนี้อย่างใกล้ชิด" ผู้ว่าฯ จ.น่านกล่าว
    พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 (มทภ.3) กล่าวว่า ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่กองทัพภาคที่ 3 สำรวจจุดเสี่ยงในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือ ประกอบด้วย จ.ตาก แม่ฮ่องสอน น่าน และเพชรบูรณ์ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ดินสไลด์ถล่มเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา ที่มีการทับถมตามเส้นทางสัญจรต่างๆ โดยนำสถิติการเกิดเหตุมาเป็นแนวทาง และเหตุการณ์ที่ จ.น่าน ก็เป็นพื้นที่จุดเสี่ยงที่ทางกองทัพภาค 3 เฝ้าระวังอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาไม่เกิดเหตุการณ์ดินโคลนสไลด์ทับถล่มบ้านเรือนเหมือนในครั้งนี้
    "กองทัพภาคที่ 3 ได้ส่งทหารเข้าไปให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ ทั้งอาสาสมัครทหารพราน และทหารหลักที่อยู่ในพื้นที่ จ.น่าน ทั้งกองพันทหารม้าที่ 10 กองพันทหารม้าที่ 15 และกรมทหารพรานที่ 32 โดยมีมณฑลทหารบกที่ 38 เป็นผู้กำกับดูแล พร้อมส่งยุทโธปกรณ์เข้าไปเสริมการปฏิบัติงานในพื้นที่ด้วย และมีผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นอาสาสมัครทหารพรานประสบเหตุการณ์สูญเสียไป 1 ครอบครัวเช่นกัน" แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าว
    วันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศฉบับที่ 7 เรื่อง "คลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ และฝนตกหนักบริเวณประเทศไทยตอนบน" ระบุว่า ในช่วงวันที่ 29-31 ก.ค.61 ประเทศไทยยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย
    สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-4 เมตร และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าว สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันตกและภาคตะวันออก ให้ระวังคลื่นที่พัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย
    ทั้งนี้ เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ยและประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด 
    นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บก.ปภ.ช.) กล่าวว่า บก.ปภ.ช.ได้สั่งการให้จังหวัดเสี่ยงภัยรับมือฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม รวมถึงคลื่นลมแรงซัดชายฝั่ง กรณีเกิดฝนตกหนักในพื้นที่เสี่ยงภัยดินโคลนถล่มให้แจ้งเตือนประชาชนรับทราบ และชี้แจงถึงความจำเป็นในการต้องอพยพประชาชนไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย 
    "หากสถานการณ์รุนแรงเกินศักยภาพที่จังหวัดสามารถรับมือสถานการณ์ภัยได้ ให้แจ้ง บก.ปภ.ช.เพื่อประสานให้การช่วยเหลือประชาชนโดยด่วน รวมทั้งชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ตลอดจนนักท่องเที่ยวควรงดการประกอบกิจกรรมทางทะเลทุกประเภท" ปลัด มท.กล่าว
หลายจังหวัดเริ่มจมบาดาล
    จ.นครพนม นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าฯ จ.นครพนม กล่าวว่า ได้รับแจ้งเตือนจากโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาน้ำก่ำ อ.ธาตุพนม ให้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงติดลำน้ำก่ำและพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อป้องกันความเสียหาย ประชาชนควรขนย้ายสิ่งของ สัตว์เลี้ยงขึ้นที่สูง คือ 1.บ้านนาขาม ต.วังยาง 2.บ้านนาคู่ ต.นาคู่ อ.นาแก 3. บ้านน้ำก่ำ ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม 4.บ้านนาบัว ต.โคกหินแฮ่ อ.เรณูนคร 5.บ้านตับเต่า ต.หนองเทาใหญ่ อ.ปลาปาก 6.บ้านโพธิ์ทอง ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม และพื้นที่ใกล้เคียง 7.บ้านหนองบึง ต.นาด่านม่วงคำ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร
    "อำเภอธาตุพนมได้รายงานสถานการณ์แม่น้ำโขงได้ล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและเส้นทางจักรยานในพื้นที่หมู่ที่ 7 ต.ดอนนางหงส์ น้ำท่วมความยาวตามแนวตลิ่งประมาณ 2.7 กม. ส่วนพื้นที่การเกษตรริมโขงน้ำท่วมทั้งหมด และคาดว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ    แล้วน้ำจะล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ตั้งแต่ตำบลนาถ่อนเรื่อยมาจนถึงเขตธาตุพนม" ผู้ว่าฯ จ.นครพนมกล่าว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จ.นครพนมมีทั้งหมด 12 อำเภอ ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติแล้ว 8 อำเภอ คือ 1.ท่าอุเทน 2.เรณูนคร 3.ธาตุพนม 4.โพนสวรรค์ 5.บ้านแพง 6.ปลาปาก 7.เมืองนครพนม และ 8.นาแก 
    จ.สกลนคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนตกลงมาอย่างหนักใน จ.สกลนคร ส่งผลให้หลายพื้นที่มีปริมาณน้ำหนุนสูง ที่หมู่บ้านโพนแคใหญ่ หมู่ 2 ตำบลนาตงวัฒนา อำเภอโพนนาแก้ว ปริมาณน้ำลำห้วยซิ ได้เอ่อทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 40 หลังคาเรือน ชาวบ้านต้องอพยพขนข้าวของขึ้นที่สูง ส่วนใหญ่อาศัยอยู่บนชั้น 2 ของตัวบ้าน และต้องตัดไฟฟ้า เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และเคลื่อนย้ายสัตว์เลี้ยงออกไปที่แห้งเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากระดับน้ำบางส่วนท่วมสูงถึง 1 เมตร 30 เซนติเมตร ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนเก็บและเคลื่อนย้ายทรัพย์สินไม่ทัน การสัญจรในพื้นที่ขณะนี้ต้องพึ่งเรือและประชาชนต้องการเทียนไข ไฟฉาย อาหาร น้ำดื่ม เพราะไม่สามารถประกอบอาหารได้
    จ.กาญจนบุรี นายธนสาร ฐานะวุฑฒ์ วิศวกรระดับ 11 เขื่อนวชิราลงกรณ ทำการแทนผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้รายงานสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ถึงนายอารุณ ปินตา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดกาญจนบุรี ระบุว่า ปริมาณน้ำในเขื่อน ณ ปัจจุบัน
 อยู่ที่ 77% สูงกว่าเกณฑ์ควบคุม 2 เมตร เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำและช่วงเวลาเดียวกันกับสถิติปีก่อนหน้า (28 ก.ค.ของทุกปี) พบว่าปีนี้สูงที่สุดในรอบ 34 ปีเช่นเดียวกัน เหลือความจุรองรับน้ำได้อีก 2,056 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 23% รวมทั้งยังคงมีแนวโน้มน้ำไหลเข้าเขื่อนมากอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 00.00-12.00 น. มีน้ำไหลเข้าเขื่อนรวม 80 ล้านลูกบาศก์เมตร 
       "เพื่อบริหารจัดการน้ำในอ่างให้เหมาะสม เกิดผลกระทบในภาพรวมน้อยที่สุด อาจจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำมากขึ้นเพื่อทยอยพร่องน้ำออกไป เนื่องจากเขื่อนยังต้องรับน้ำที่จะมีมากตลอดฤดูกาลของฝนอีกกว่า 2 เดือน ดังนั้นเขื่อนวชิราลงกรณจะปรับแผนการระบายน้ำตามการประสานงานกับคณะกรรมการบริหารน้ำและชลประทาน และขอยืนยันว่าสภาพตัวเขื่อนมีความมั่นคงแข็งแรง มีความปลอดภัยสูง โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำตลอด 24 ชั่วโมง" วิศวกรเขื่อนวชิราลงกรณระบุ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"