จ่อลาก'นคร'ขึ้นศาล ปชป.ยัวะ!ฟ้องหมิ่นประมาทเตือนเห็นกงจักรเป็นดอกบัว


เพิ่มเพื่อน    

    จ่อฟ้อง “นคร มาชิน” แน่ รอไฟเขียวจาก “อภิสิทธิ์” เท่านั้น นิพิฏฐ์เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงน้องแซ่บถึงทรวง ระบุเดินตามรอย “ปึ้งศักดิ์” ทุกกระเบียดนิ้ว อวยยศนั่ง รมต.ก่อนสุดท้ายติดคุก  เตือนเห็นกงจักรเป็นดอกบัวระวังถูกตัดคอ “โอ๊ค” โผล่ชื่นชม “นคร” นักสู้ประชาธิปไตย ร่ายยาว 3  ปัจจัยพลังดูดต่างจากยุค “พ่อเหลี่ยม” ใช้นโยบายดึงดูดใจ อึ้ง! อนุสรณ์ลืมส่องกระจก ซัดพรรคกำนันรวมดาวคนมีคดี 
    เมื่อวันจันทร์ยังคงมีความต่อเนื่องจากกรณีนายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์  (ปชป.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กพาดพิง ปชป.ที่สมคบคิดล้มนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้า ปชป.ระบุว่า ทีมกฎหมายของพรรค 2-3 คนได้พูดคุยในเรื่องดังกล่าวแล้ว และมีความเห็นตรงกันว่าสิ่งที่นายนครกล่าวหามีมูล และสามารถฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาทได้ โดยอาจเป็นการร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือฟ้องเองก็ได้ ซึ่งฝ่ายกฎหมายจะทำความเห็นไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคเพื่อขอความเห็นชอบหรือไม่เสียก่อน
    ขณะเดียวกัน นายนิพิฏฐ์ยังได้โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อจดหมายเปิดผนึกถึงนายนครว่า หากนายทักษิณได้อ่านข้อความของนายนครแล้ว ก็อยากให้อ่านข้อความนี้บ้าง เพื่อเตือนสติว่าที่มีชะตากรรมอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เพราะขาดกัลยาณมิตร มีแต่ลูกน้องที่เยินยอว่าเป็นเสือติดปีก วิ่งก็ได้ บินก็ได้ จึงเคลิ้มลองกางแขนบินลงจากตึก สภาพก็เป็นดั่งที่เห็น ซึ่งนายนครกำลังส่งสัญญาณใหม่ว่านายทักษิณดำน้ำได้อย่างฉลาม โดยวันที่เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายทักษิณก็เป็นวันเดียวกับนายทักษิณได้รับหมายจับใบที่ 5 หากนายเชื่อคราวนี้ก็คงดำน้ำ และไม่โผล่อีกเลย
    “บุคคลที่เคยเป็นอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่เคยวิจารณ์คุณทักษิณแบบสาดเสียเทเสียมากที่สุดน่าจะมี 2 คน คนแรกคือ ดร.สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล คนนี้วิจารณ์ทั้งทางตรงและอ้อม จนถูกฟ้องหมิ่นประมาท พี่เป็นทนายความสู้คดีให้ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ปีกว่าจนชนะคดี เมื่อชนะคดีแล้ว ดร.สุรพงษ์ก็ย้ายจาก ปชป.ไปอยู่เพื่อไทย ได้ดิบได้ดีจนเป็นรัฐมนตรี รองนายกฯ และตำแหน่งสุดท้ายเป็นจำเลยติดคุกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และอยู่ระหว่างอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา น้องนครก็ใช่ย่อยเดินตามทางที่ ดร.สุรพงษ์เคยทำไว้ทุกกระเบียดนิ้ว นี่ฟังว่า ปชป.กำลังจะฟ้องน้องเป็นคดีอยู่ ก็คอยดูตอนจบก็แล้วกัน” นายนิพิฏฐ์โพสต์ไว้
     นายนิพิฏฐ์ยังระบุอีกว่า หากนายนครความจำไม่สั้นจนเกินไป ตอนออกจาก ปชป.ไปอยู่พรรคชาติพัฒนาได้โทร.มาขอโทษและบอกว่าย้ายเพราะมีความจำเป็นบางประการ แต่จริงๆ แล้วย้ายเพราะความต้องการมากกว่า เนื่องจากแยกไม่ออกระหว่างความจำเป็นกับความต้องการ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ก็คงต้องย้ายพรรคไปเรื่อยๆ ตามความจำเป็น ซึ่งนายนครก็เคยอยู่ ปชป.มาด้วยกัน ย่อมรู้ดีว่าตนเองไม่สนับสนุนการแก้ปัญหาด้วยการยึดอำนาจ และไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจด้วยกติกาที่ไม่เป็นธรรม และขอปฏิเสธว่า ปชป.ไม่เคยร่วมมือกับนายทุนขุนศึก ตุลาการชั้นสูงล้มพรรคเพื่อไทย แต่เราต่อต้านสิ่งที่เราไม่เห็นด้วยต่างหาก  
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า นายนครพูดคำว่าประชาธิปไตยหลายครั้ง แต่ก่อนรู้จักคำว่าประชาธิปไตย ต้องรู้จักคำว่าเผด็จการเสียก่อนว่าคืออะไร เหมือนคำเปรียบเปรยที่ว่าก่อนหาหนทางไปสวรรค์ต้องรู้จักทางจะไปนรกเสียก่อน อันเผด็จการนั้นมีหลายรูปแบบ ทั้งเผด็จการทหารที่มาจากการยึดอำนาจ และเผด็จการพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง ลำพังการมาจากการเลือกตั้งอย่างเดียวมิได้หมายความว่าเป็นประชาธิปไตยหรอก ส่วนใครเป็นเผด็จการบ้างก็ลองใช้วิจารณญาณคิดเอาเอง
เตือนกงจักรตัดคอ
    “ก่อนย้ายพรรคน้องนครก็กล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยเป็นเผด็จการบ่อยครั้ง แต่พอย้ายพรรคน้องก็กลับชื่นชมว่าเป็นประชาธิปไตยไปซะงั้น ถ้าจะว่าไปสิ่งที่น้องสวมอยู่บนหัว พี่ว่าไม่ใช่ดอกบัวหรอก แต่มันคือกงจักร ซึ่งสักวันหนึ่งมันจะตัดหัวน้องออกเป็นเสี่ยงๆ น้องจะชื่นชมคุณทักษิณก็ชื่นชมไป แต่การที่ใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ พี่ว่ามันเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลและไร้ข้อเท็จจริง แต่เราอย่าเถียงกันอีกเลย เราตัดสินแบบปัญญาชน เราเอาคดีนี้ขึ้นสู่ศาลดีกว่า และมาพิสูจน์กันให้สิ้นกระแสความว่าใครพูดเท็จใครพูดจริง พี่ขออวยพรให้น้องไปสู่ที่ชอบๆ ตามความจำเป็นของน้อง แล้วเราค่อยเจอกันในศาล" นายนิพิฏฐ์กล่าว
    ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์จะฟ้องร้องเอาผิดนายนครว่า ตนไม่ขอให้ความคิดเห็นต่อสิ่งที่นายนครโพสต์ในเฟซบุ๊ก รอให้คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคยังไม่ได้หารือกับตนถึงเรื่องนี้ คิดว่าเขาน่าจะส่งข้อมูลรายละเอียดต่างๆ มาให้ตนพิจารณาในวันที่ 31 ก.ค.นี้
    ด้านนายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวเรื่องนี้ว่า ความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะคนทั่วไปที่ติดตามการเมืองก็พอรู้กัน แต่ครั้งนี้คนที่เปิดเผยข้อมูลคือนายนครที่เคยอยู่ ปชป. ที่รู้ไส้รู้พุงกัน จึงเป็นที่ฮือฮา เมื่อคนเคยอยู่ด้วยกันออกมาพูดทำให้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น  และจากการติดตามข้อมูลนายนคร เขาไม่ได้ต้องการทำร้าย ปชป. เขามุ่งเรื่องต่อต้านเผด็จการ ปชป.เป็นหนึ่งในองค์ประกอบร่วม ถ้า ปชป.จะฟ้องก็เป็นสิทธิ์ และจะได้รู้ในศาลว่าใครทำไม่ดีอะไรอย่างไรไว้บ้าง  
    วันเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายนายทักษิณได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า ทอล์กออฟเดอะทาวน์ของคอการเมืองในช่วง 3-4 วันนี้ คงหนีไม่พ้นกรณีที่นายนคร ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มสมคบคิดทั้งหลายได้ขจัดอดีตนายกฯ จนพ้นทางไปแล้วถึง 4 คน ทักษิณ-สมัคร-สมชาย-ยิ่งลักษณ์ เป็นเหตุให้คุณพ่อและอาปูไม่สามารถอยู่ในเมืองไทยได้ และกลุ่มดังกล่าวยังวางแผนแช่แข็งประเทศไทยไปอีก 5-20 ปี จนกว่าจัดการอำนาจในการปกครองบริหารประเทศได้อย่างเบ็ดเสร็จตามข่าวที่แพร่หลายไปทั่ว 
    “ข่าวการเมืองในช่วงนี้มีแต่เรื่องการดูด ส.ส.ไปเข้ากับขั้วการเมืองที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการ ดังนั้นการโพสต์ของนายนครครั้งนี้ จึงถือเป็นการต่อต้านอำนาจเผด็จการอย่างสันติวิธีครับ  นายนครได้ยืนยันให้เห็นว่า ท่ามกลางข่าวกระแสดูดอย่างรุนแรง โดยมีผลประโยชน์และอำนาจรัฐเป็นเครื่องมือนั้น ยังมีคนที่ไม่หวั่นไหวพร้อมจะยืนอยู่บนหลักการแห่งความถูกต้อง โดยคนเหล่านั้นมีศูนย์กลางที่ยึดมั่นอยู่ที่พี่น้องประชาชนเท่านั้น จึงไม่หวั่นไหวต่อการดูดใดๆ ทั้งสิ้น” นายพานทองแท้กล่าว
    นายพานทองแท้โพสต์อีกว่า เท่าที่ได้ยินมาเครื่องมือที่ใช้ดูดประกอบด้วยปัจจัยอันทรงพลังทางด้านมืด 3 ด้าน ซึ่งไม่รู้ว่า 3 พลังดูดที่ว่านี้ไปเกี่ยวพันอะไรกับคำว่า 3 มิตรหรือเปล่า โดยพลังที่ว่านั้นได้แก่ 1.การใช้พลังเงิน ซึ่งไม่มีใครตอบได้ว่า ใครหาเงินเหล่านี้มาจากไหน และหามาด้วยวิธีใด กล่าว คือไม่มีที่มา อีกทางหนึ่งยังนำเงินงบประมาณมาถลุงในโครงการของรัฐที่ตั้งชื่อให้คล้ายชื่อพรรคตั้งใหม่พรรคหนึ่ง มาใช้หาเสียงควบคู่ไปด้วยกัน ระหว่างรัฐกับพรรคการเมือง 2.การใช้พลังองค์กรอิสระในการข่มขู่อดีต ส.ส.ว่าจะตรวจสอบทุกเรื่องที่สามารถจะหามาเอาผิดได้ และ 3.การใช้พลังของข้าราชการ ทั้งด้านการปกครอง การออกใบอนุญาต การให้คุณให้โทษทางด้านต่างๆ ที่อำนาจรัฐพึงกระทำได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม 
ยกก้นพ่อไม่ได้ดูด
    “3 พลังดูดที่ว่านี้ต่างจากตอนที่คุณพ่อผมตั้งพรรคไทยรักไทยโดยสิ้นเชิง ตอนนั้นคุณพ่อคิดนโยบายใหม่ๆ และมีวิธีการบริหารที่ชนะใจประชาชน จนเกิดกระแสคิดใหม่ทำใหม่ จึงทำให้ ส.ส.ยินดีย้ายพรรค เพราะช่วยให้ ส.ส.ชนะเลือกตั้งได้ง่ายขึ้น เงินทองที่นำมาใช้ก็มีที่มาที่ไป และใช้ลงพื้นที่เพื่อนำนโยบายไปนำเสนอต่อพี่น้องประชาชน ไม่ใช่ใช้เงินเพื่อซื้อตัวอดีต ส.ส.มาเพื่อให้หาคะแนนให้ปาร์ตี้ลิสต์ แต่ตัวผู้สมัครเองกลับสอบตก จากการมาสังกัดพรรคการเมืองที่ประชาชนไม่ต้องการ” นายพานทองแท้ระบุ
    ในช่วงท้ายนายพานทองแท้ระบุว่า ทั้ง 3 ข้อของพลังดูดนี้ คือที่มาของคำพูดของคุณพ่อที่ว่าเข้าใจอดีต ส.ส.ที่ถูกดูดไป ว่าเขามีเหตุจำเป็น แต่ขณะเดียวกันก็บอกว่าถึงแม้จะดูดไป แต่เสียงส่วนใหญ่ของประเทศก็ยังอยู่ที่เดิม และจะมีคะแนนเสียงเทมามากขึ้นกว่าเดิมแบบแลนด์สไลด์ ซึ่งพ่อพูดตรงๆ แบบนี้  ถ้าเขารู้ว่าพรรคที่อุตส่าห์ตั้งชื่อกันมาให้เหมือนชื่อโครงการของภาครัฐจะแพ้หมดรูปขนาดนี้ ต้นปีหน้าจะกล้าจัดให้มีการเลือกตั้งเหรอ
    มีรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า หลังงานฉลองวันเกิดครบ 69 ปีของนายทักษิณที่ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังคงใช้เวลาพักผ่อนกับอดีต ส.ส.ที่ใกล้ชิด โดยล่าสุดนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปทานไอศกรีมที่ร้าน  Amorino UK ร่วมกับอดีต ส.ส.ที่ใกล้ชิด ทั้งนี้นายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางออกจากอังกฤษช่วงต้นเดือน ส.ค.ไปนครดูไบ และเดินทางมายังทวีปเอเชียต่อไป
    สำหรับความเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น นายโสภณ เพชรสว่าง รองหัวหน้าพรรคพลังพลเมืองไทย กล่าวถึงกรณีนายภิรมย์ พลวิเศษ เลขาฯ กลุ่มสามมิตรได้โทรศัพท์มาหาเพื่อเชื้อเชิญให้ไปอยู่กับกลุ่มสามมิตรว่า ได้ขอบคุณที่ให้เกียรติ แต่ไปไม่ได้เพราะอยู่เป็นรองหัวหน้าพรรคพลังพลเมืองไทยแล้ว ถ้าไปจะเสียผู้ใหญ่ ซึ่งนายภิรมย์ก็บอกว่าไม่เป็นไร เราเป็นพันธมิตรกันได้ ปรองดองกันได้ ซึ่งเมื่อเขาเสนอมาอย่างนี้ เลยตอบไปว่าถ้าเป็นพันธมิตรปรองดองไม่มีปัญหา ให้ผู้ใหญ่หรือหัวหน้าพรรคคุยกัน 
    ส่วนนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษก พท.กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ระบุว่า พท.จะไม่ได้เป็นรัฐบาล ในขณะที่ รปช.มีเสน่ห์ที่สุด ใครๆ ก็อยากเชิญไปร่วมรัฐบาล ว่าประชาชนตัดสินใจได้ว่าคำพูดของนายสุเทพน่าเชื่อถือเพียงใด  นายสุเทพเคยบอกไม่เล่นการเมืองก็ยังตระบัดสัตย์ และไม่รู้หลังจากนี้จะตระบัดสัตย์อะไรอีกหรือไม่ พรรค รปช.จะมีเสน่ห์หรือไม่อยู่ที่ประชาชนตัดสิน ไม่ใช่สมคบคิดกันระหว่างผู้ถืออำนาจรัฐกับพรรคการเมืองฝ่ายเดียวกันหรือไม่ และไม่ควรปรามาสหรือดูหมิ่นว่าประชาชนคนไทยลืมง่าย 
ซัดพรรคกำนันรวมดาว
    "ประชาชนจำได้ดีว่าใครไม่เชื่อมั่นระบบรัฐสภา เป่านกหวีดชัตดาวน์ประเทศ ชัตดาวน์ระบบราชการ ก่อจลาจลล้มการเลือกตั้ง จนนำพาประเทศมาถึงจุดนี้หรือไม่ เท่าที่ดูรายชื่อผู้ร่วมก่อตั้งพรรคกับนายสุเทพก็ถือว่าเป็นพรรครวมดาว เพราะมีทั้ง กปปส. ทั้งพันธมิตร ซึ่งต้องต่อสู้คดีในข้อหากบฏ ก่อการร้าย รวมทั้งคดียึดสนามบินที่ยังต้องหาเงินมาชดใช้ค่าเสียหาย 522 ล้านบาท ไม่แน่ใจว่านายสุเทพจะถือเอาจุดนี้มาเป็นเสน่ห์หรืออย่างไร" นายอนุสรณ์กล่าว
    นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน คณะทำงานเศรษฐกิจ พท.กล่าวว่า พรรคมีนโยบายพร้อมแล้ว ซึ่งจะเป็นนโยบายที่เพียบพร้อมในทุกด้านและขอยืนยันว่าสุดเจ๋ง โดยเฉพาะนโยบายทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะแก้ไขปัญหาให้ประชาชนส่วนใหญ่ที่กำลังลำบากอยู่ได้ และทำให้เงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นแน่นอน ไม่ใช่เพิ่มเงินเฉพาะกลุ่มคนรวยและนายทุนเหมือนในปัจจุบัน 
“หากติดตามแนวคิดที่ผมได้นำเสนอต่อสาธารณะมาโดยตลอด ก็น่าจะพอคาดเดาได้ว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยจะเป็นแนวคิดที่ทันสมัย นำกระแสโลก และเทคโนโลยีใหม่ๆ มาพัฒนา ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กกต.และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพัฒนาความคิดตามทันนโยบายใหม่ของพรรค และไม่พยายามขัดขวางการพัฒนาของประเทศและไม่ขัดความสุขของประชาชน ซึ่งถ้าหากต้องการทราบนโยบายก็ต้องเร่งให้รัฐบาลและ คสช.กำหนดวันเลือกตั้งโดยเร็ว จะได้พิสูจน์กันว่าการชนะอย่างถล่มทลายแบบ Avalanche นั้นเกิดได้จริง” นายพิชัยกล่าว
    ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการประชุมของว่าที่ กกต.ทั้ง 5 คนในวันที่ 31 ก.ค.ว่า สำนักงาน กกต.ได้รับแจ้งให้ไปชี้แจงในการประชุมของว่าที่ กกต.ทั้ง 5 คน โดยจะชี้แจงเรื่องภารกิจงานต่างๆ ของ กกต.และสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย  ซึ่งก่อนหน้านี้ได้จัดส่งรายละเอียดให้ว่าที่ กกต.ไปแล้ว แต่ถ้ามีข้อติดใจสงสัยก็จะชี้แจงให้ทราบ 
    “ส่วนข้อท้วงติงว่าไม่ควรเลือกประธาน กกต.เพราะยังไม่ครบ 7 คนนั้น เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาที่ต้องดูแล โดยสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาก็ไม่ได้สอบถามประเด็นข้อกฎหมายมา”
    นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้า ปชป.กล่าวประเด็นนี้ว่า อยากให้คณะกรรมการสรรหา กกต. และผู้เกี่ยวข้องกับการเลือกประธาน กกต.คนใหม่พิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบว่าควรเดินหน้าเลือกประธาน กกต.ในวันที่ 31 ก.ค.หรือชะลอออกไปก่อน เพราะถึงแม้ สนช.จะยืนยันว่าทำได้ แต่ก็มีมุมมองที่ต่างออกไปว่าการเลือกตั้งประธาน กกต.ในวันที่ 31 ก.ค.นี้อาจผิดมาตรา 12 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.เพราะยังเลือกไม่ครบ 7 คน
    “เพื่อให้กระบวนการการสรรหา กกต.และการเลือกประธาน กกต.เป็นไปด้วยความถูกต้องสมบูรณ์ รอบคอบมากที่สุด ไม่มีข้อครหาใดๆ จึงควรชะลอการเลือกประธาน กกต.ออกไปก่อน แล้วสรรหา กกต. ให้ครบ 7 คนจากนั้นจึงเลือกประธาน กกต.คนใหม่” นายองอาจกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"