เขื่อนน้ำ-เขื่อนการเมือง


เพิ่มเพื่อน    

 เห็นข่าวน้ำในเขื่อน 11 เขื่อนทั่วประเทศ...ชักจะล้น ชักจะเอ่อ ก็อดเสียวๆ ขึ้นมาอยู่มั่งเหมือนกัน บางเขื่อนว่ากันว่าปริมาณน้ำปาเข้าไปถึง 70-80 เปอร์เซ็นต์ของความจุ ความจำเป็นที่จะต้องเร่งระบาย กับการควบคุมผลกระทบจากปริมาณน้ำที่ถูกระบายออกมา ให้มันลงตัว เป็นไปด้วยดี คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องใช้ศิลปะ ความสามารถ ความรู้-ความเข้าใจ ตลอดไปจนความกล้าในการตัดสินใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน...

                                                           -----------------------------------------------

                อย่างเช่นปริมาณน้ำจากเขื่อนเขาแหลม หรือเขื่อนวชิราลงกรณ์...ที่อาจต้องระบายกันชนิดวันละ 36 ล้านลูกบาศก์เมตรเป็นอย่างน้อย จากที่เคยระบายอยู่แค่ประมาณ 28 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ถึงกระนั้นระดับ 36 ล้านลูกบาศก์เมตรอาจจะยังไม่พอ ถ้าว่ากันตามความคิด ความรู้สึก ของผู้เชี่ยวชาญภาคเอกชน อย่างอาจารย์ เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ดูเหมือนท่านอยากปล่อยให้ไหลๆ มากกว่านี้ แต่ก็นั่นแหละ...อะไรเหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร บรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐ-ภาคเอกชน น่าจะพอหา จุดลงตัว กันได้ เพราะขนาดอะไรที่ยากๆ ไปกว่านี้ อย่างกรณี หมูป่าอะคาเดมี ก็ยังสามารถ แฮปปี้เอ็นดิ้ง กันจนได้...

                                                              ----------------------------------------------

                เอาเป็นว่า...เรื่องของเขื่อน เรื่องของน้ำ หรือเรื่องของภัยพิบัติทางธรรมชาติ คงต้องปล่อยให้พวกผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ เขาว่าๆ กันไปเองนั่นแหละดี เพราะมันเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเทคนิค วิชาการ อะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะมากมาย แต่ภายใต้บรรยากาศที่งานใหญ่ งานช้าง ระดับ ถ้ำนางนอน ยังสามารถฝ่าด่าน ฝ่าอุปสรรค กันมาได้ งานอื่นๆ...ก็น่าจะไม่ถึงกับเหลือบ่ากว่าแรง โดยเฉพาะถ้าหากยึดเอาประโยชน์สุขของผู้อื่น คิดถึงความทุกข์ ความเดือดร้อน ของผู้ที่ต้องแบกรับชะตากรรมเป็นที่ตั้ง สุดท้าย...ก็น่าจะหมูป่าอะคาเดมี หรือ หมูป่าโมเดล ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์...

                                                               -----------------------------------------------

                แต่สำหรับเรื่อง ปริมาณน้ำการเมือง นี่สิ...อันนี้อาจไม่ใช่เรื่องเทคนิค วิชาการ มากมายซักเท่าไหร่ แต่หนักไปทาง วิชามาร นั่นแหละเป็นหลัก ซึ่งคงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ ว่าหลังจากที่โดน เก็บกัก มาประมาณ 4-5 ปี บรรดาปริมาณน้ำทางการเมืองในทุกวันนี้ มันน่าจะหนักกว่าน้ำในเขื่อนเขาแหลมช่วงนี้ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า คือน่าจะล้นเขื่อน ล้นสปริงเวย์มานานแล้ว ยิ่งใกล้จะถึง เลือกตั้งที่รัก ในปีหน้า ไม่ว่าต้นปี กลางปี หรือปลายปี บรรดาแรงอัด แรงดัน ก็น่าจะยิ่งเพิ่มขึ้นๆ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ และการที่รัฐบาล คสช.ท่านยังไม่คิดระบาย ยอมให้ไหลได้แค่กะปริบกะปรอย แค่ประมาณเยี่ยวหมา เยี่ยวแมว อะไรประมาณนั้น มันก็เลยน่าคิดอยู่ไม่น้อย ว่ามันจะเหมาะ-ไม่เหมาะ อันตราย-ไม่อันตราย และยังต้อง เถียงกันไม่เสร็จ จนตราบเท่าทุกวันนี้...

                                                               -------------------------------------------------

                คือไม่ใช่แต่เฉพาะเรื่อง ปลดล็อก-ไม่ปลดล็อก ที่ถูกหยิบมาพูดถึงกันชนิดวันละ 3 เวลาหลังอาหาร แต่การเปิดช่อง เปิดโอกาสให้น้ำของพวกสนับสนุนรัฐบาล พวกที่เชียร์ บิ๊กตู่ ไหลจู๊ดๆ พลั่กๆ ออกัสซั่มกันไปเป็นภาคๆ  ในขณะที่น้ำของพวกฝ่ายต่อต้าน หรือพวกที่ยังกั๊กไป-กั๊กมา กลับต้องไหลแบบติดๆ ขัดๆ ประมาณคล้ายๆ พวกที่เป็นโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ ทำนองนั้น อันนี้มันจะเหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร คงต้องระดมผู้เชี่ยวชาญวิชามาร มาถกแถลงหาจุดลงตัวกันให้ได้ ไม่งั้น...ผลกระทบในขั้นตอนสุดท้าย มันก็คงมาลงอยู่ที่บรรดาปวงชนชาวไทยทั้งหลายอีกนั่นแล เพราะแรงเสียดสี เสียดทาน แรงกดดัน แรงดัน ระหว่างผู้ที่ต้องการช่วงชิงอำนาจรัฐด้วยกันทั้งหลาย ย่อมไม่ต่างอะไรไปจากเขื่อนและน้ำในเขื่อนแต่ละแห่ง แต่ละที่ นั่นเอง...

                                                                -----------------------------------------------------

                การปิดช่อง ปิดโอกาส ไม่ยอมให้อะไรต่อมิอะไรมันพอได้ระบายๆ กันได้มั่ง ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากการ เพิ่มอัตราเสี่ยง ให้กับตัวเขื่อน ไม่ว่าจะในระยะสั้น หรือระยะยาวก็ตาม แต่การเปิดช่อง เปิดโอกาส ให้ระบายโดยไม่ได้มีเทคนิค วิชาการ ไม่ได้มีอะไรรองรับเอาเลยแม้แต่น้อย มันก็อาจส่งผลเสียหายไปคนละแบบ ยิ่งถ้าเป็นการระบายแบบไม่ได้มีมาตรฐาน หรือออกไปทาง 2 มาตรฐาน ก็ยิ่งเสียหมา เสียมวย เสียรังวัด เข้าไปใหญ่ ด้วยเหตุนี้...ทุกสิ่งทุกอย่าง มันจึงขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ ปรีชาญาณ ศิลปะความรอบรู้ รวมทั้งความกล้าหาญในการตัดสินใจนั่นแหละเป็นหลัก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ อำนาจ ที่มันมีขึ้น-มีลง มีโอกาสเปลี่ยนแปรไปในสภาพไหนก็ย่อมได้...

                                                                   -------------------------------------------------------

                สรุปรวมความแล้ว...มาถึงขั้นนี้ คงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล คสช.เองนั่นแหละ ว่าจะเห็นไปในแนวไหน แต่ถ้าว่ากันในฐานะผู้สังเกตการณ์ วงนอก ปริมาณ น้ำการเมือง ใน เขื่อนประเทศไทย ทุกวันนี้...มันออกจะน่ากลัวพอๆ กับปริมาณน้ำในเขื่อน 11 เขื่อนนั่นแหละ และคงต้องอาศัยศิลปะ สติ-ปัญญาความสามารถ อันละเอียดประณีตและสุขุมลุ่มลึกมิใช่น้อย มันถึงจะพอผ่อนหนักเป็นเบา หรือพอควบคุม ป้องกัน ไม่ให้ เขื่อนแตก ขึ้นมาในวันใด วันหนึ่ง...

                                                                  -------------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก V.I. Lenin... It is impossible to predict the time and progress of revolution. It is governed by its own more or less mysterious laws. But when it comes it moves irresistibly. - มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำนายถึงห้วงเวลาแห่งการปฏิวัติ และความคืบหน้าของมัน เพราะการปฏิวัตินั้นถูกครอบงำด้วยกฎอันลี้ลับของตัวมันเองไม่มากก็น้อย แต่เมื่อถึงเวลาที่มันอุบัติขึ้นมา มันก็จะเดินหน้าโดยไม่มีอะไรทัดทานได้...

                                                                   -----------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"