หนุนกกต.ตั้งผู้ตรวจ77จว. ‘มาร์ค’สู่สมรภูมิฟัด‘นคร’


เพิ่มเพื่อน    

 “ประยุทธ์” ลั่นยังแข็งแรงเกินร้อย โวคนดีไม่มีวันตาย วิษณุหนุน กกต.ตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้ง 77 จังหวัด ทำให้งานเดินเร็วขึ้น “คสช.” ชี้ฟ้องอนาคตใหม่ไม่ได้กลั่นแกล้ง “มาร์ค” ยิ้มพร้อมเข้าสู่สมรภูมิฟัด “นคร มาชิน” กลุ่มสามมิตรลุยอีสาน เตรียมตีท้ายครัวก๊วนเนวิน เล็งประกาศซบพลังประชารัฐหรือไม่ ส.ค.นี้

เมื่อวันพฤหัสบดี ที่อาคารชาเลนเจอร์ 3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงานและปาฐกถา “Thailand Industry Expo 2018” ภายใต้แนวคิด “CHANGE to SHIFT เปลี่ยนเพื่อปรับ ยกระดับอุตสาหกรรมไทย" โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า การมาเปิดงานครั้งนี้ไม่อยากให้ทุกคนมองว่าเป็นพิธีกรรมและพิธีการ ไม่ได้หวังผลทางการเมืองใดๆ แต่เราต้องสานงานต่อไปเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง
พล.อ.ประยุทธ์ระบุอีกว่า นโยบายในต่างประเทศเขาจะมีเรื่องการสร้างงาน จ้างงาน 2-5 แสนคน ไม่ใช่เข้ามาวางนโยบายอะไรก็ไม่รู้ ประกาศนโยบายรัฐบาลออกมาดูเหมือนไม่ได้ทำเพื่อคนทั้งประเทศ นโยบายมันต้องมีแต่ละเรื่องว่าอย่างไร การหาเสียงครั้งต่อไปต้องเป็นอย่างนั้น ว่าจะไม่พูดแล้วเรื่องการเมือง แต่นี่เป็นเรื่องการทำงาน ไม่ใช่การเมือง ดังนั้นทุกคนต้องร่วมกันสนับสนุนการเมืองและประชาธิปไตยที่ถูกต้องมีธรรมาภิบาล 
“วันนี้พูดนอกเรื่องไปบ้าง หวังว่าคงไม่ทำให้ใครเสียอารมณ์ เพราะผมอารมณ์เสียทุกวันอยู่แล้ว แต่ทำงานได้หมดไม่เคยบ่น เป็นนายกฯ โกรธใครไม่ได้อยู่แล้ว นายกฯ ไม่ใช่ศัตรูใคร ก็บ่นพวกเราบ้าง แต่เมื่อเห็นรอยยิ้ม ก็แค่พูดไปขำๆ ไม่มีอะไร ผมยังแข็งแรงอยู่เกินร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องกลัวจะเจ็บ อย่างมากก็เป็นหวัดนิดหน่อย ทำความดีไม่ต้องไปกลัวใคร ทำความดีไว้เถอะ ฟังเพลงคนดีไม่มีวันตาย ฟังแล้วจะรู้สึก” นายกฯ กล่าว
ในช่วงท้าย นายกฯ ได้ถามกับผู้ที่มาร่วมงานว่า ที่พูดมาทั้งหมดมีใครไม่เห็นด้วยบ้าง ซึ่งไม่มีใครยกมือ แต่เมื่อถามว่าใครเห็นด้วย ปรากฏว่ามีคนพากันยกมือเป็นส่วนใหญ่ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า คงไม่เคยมีนายกฯ คนไหนบ้าไปถามแบบนี้ เขาหาว่าบ้าอำนาจ ไม่ใช่ ต้องการสร้างแนวร่วมทางความคิด 4 ปีที่ผ่านมาไม่เคยพูดอะไรที่ไม่ดี ก็วาดความฝันเหมือนกับประชาชน ต้องคิดว่าตนเองเป็นประชาชนต้องการอะไร จึงเป็นนโยบายที่ถ่ายทอดออกไป รัฐบาลต้องทำหน้าที่แบบนี้ ไม่ใช่อะไรก็ได้  
“พูดมา 4 ปี มีบางบริษัทถอดคำพูดตนออกมาได้กว่า 8 ล้านคำ ไม่สงสารบ้างหรือ ผมพูดไม่ฟังก็ไม่เป็นไร แต่ไปอ่านในหนังสือได้ เพราะนั่นเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศ เป็นการทำงานร่วมกัน ไม่มีรัฐบาลไหนมาพูดแบบนี้ ผมจำได้ เป็นทหารมากว่า 40 ปี เป็น ผบ.ทบ.มา 4 ปี ไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนมาพูดอย่างนี้แล้วไม่โดนด่า เรายิ่งพูดยิ่งทำยิ่งโดน ไม่รู้ว่ามันไปมีผลกระทบกับใครอย่างไรหรือเปล่า ผมไม่เข้าใจในการทำแบบนี้” พล.อ.ประยุทธ์ตัดพ้อ
สำหรับกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เลือกผู้ตรวจการเลือกตั้ง 77 จังหวัด โดยไม่รอ กกต.ชุดใหม่นั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า เมื่ออำนาจและกฎหมายเปิดทางให้ กกต.ทำได้ เขาก็ทำ จากนั้นก็ให้ กกต.ชุดใหม่เข้ามาดูเอง คิดว่าอาจไม่มีปัญหาก็ได้ เพราะผู้ตรวจที่เลือกกันมา ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่กลไกการเลือกนั้นดูดี มีการเลือกจากจังหวัดตัวเองและเลือกในจังหวัดข้างเคียงก็น่าจะไปได้ และเมื่อได้ชื่อแล้ว ก็ยังสามารถกลับส่งไปให้จังหวัด เพื่อตรวจสอบคนที่อาจไม่ชอบมาพากลได้อีก
วิษณุหนุนตั้งผู้ตรวจฯ
     “กกต.อ้างถึงเหตุผลที่ต้องรีบเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้ง เนื่องจากต้องทำงานแข่งกับเวลา หากรอ กกต.ชุดใหม่ ก็จะกระชั้นต่อการเลือกตั้ง และส่วนตัวเห็นว่าอะไรที่ทำให้เร็วได้ก็ดีทั้งนั้น” นายวิษณุระบุ
ขณะที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.กล่าวในเรื่องนี้ว่า เป็นการเตรียมความพร้อมในการรับ กกต.ใหม่ในช่วงรอยต่อ ซึ่ง กกต.ปัจจุบันเห็นว่าจำเป็นต้องคัดเลือกไปก่อน เพราะหากรอให้ กกต.ชุดใหม่เข้ามาดำเนินการ และเป็นช่วงใกล้เลือกตั้ง ก็อาจเกิดปัญหา และอาจเกิดคำถามว่าทำไม กกต.ชุดเก่าไม่ดำเนินการไว้ ซึ่งการคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งไม่ได้เป็นการวางคนของ กกต.ชุดนี้ไว้ เพราะเป็นการสรรหาและคัดเลือกทั้งประเทศ และผู้ตรวจเมื่อเวลาเลือกตั้งก็เหมือนเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ถ้าหากทำผิดก็ต้องโดนดำเนินคดีได้เหมือนกัน และหนักกว่าคนปกติทั่วไป และถ้า กกต.ชุดใหม่เห็นว่าไม่เหมาะสม ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ยังกล่าวถึงการที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ห่วงเรื่องการหาเสียงเลือกตั้งผ่านทางโซเชียลมีเดียว่า กกต.ได้ตั้งคณะกรรมการแล้ว และจะประชุมนัดแรกในวันที่ 22 ส.ค.นี้ โดยจะพิจารณาถึงขอบเขตการหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะการจัดการกับการใส่ร้ายว่าหากเกิดขึ้นจะดำเนินคดีกันอย่างไร 
    วันเดียวกัน พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีฝ่ายกฎหมาย คสช.แจ้งความให้เอาผิดเจ้าของเฟซบุ๊กพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และเฟซบุ๊กของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรค อนค. ตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ว่าเมื่อฝ่ายความมั่นคงตรวจพบว่าการกระทำใดๆ ที่ส่อไปในทางผิดกฎหมายและกระทบความมั่นคงก็ให้ฝ่ายกฎหมาย คสช.แจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ซึ่งไม่มีอะไรเป็นพิเศษ และไม่ได้กลั่นแกล้ง ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
เมื่อถามอีกว่า คสช.จะเตือนอะไรกับพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ พล.ต.ปิยพงศ์กล่าวว่า พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศติดตามการทำงานของ คสช.ที่จะตอบสนองต่อประชาชนคนส่วนใหญ่ แต่อาจมีบางบุคคล บางพวก บางกลุ่ม พยายามสร้างกระแส บิดเบือนข้อเท็จจริง นำไปสู่ความเข้าใจผิด รวมถึงสร้างความตื่นตระหนก คสช.ต้องออกมาสร้างความเข้าใจเป็นระยะ
ถามอีกว่า นายธนาธรระบุว่าสังคมไทยยังไม่พ้นวงจรรัฐประหาร พล.ต.ปิยพงศ์กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น และการแก้ไขปัญหา ประชาชนสามารถติดตามได้ ว่ารัฐบาล คสช. และกระทรวงต่างๆ ทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน และแก้ไขปัญหา รวมถึงการวางรากฐานอนาคต โดยเนื้องานจะเป็นตัวบอกคุณภาพของรัฐบาล คสช. และยืนยันว่าตอนนี้โรดแมปที่นำไปสู่การเลือกตั้งยังเป็นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  
เมื่อถามต่อว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงหากเกิดความขัดแย้งการเลือกตั้งอาจไม่เกิดขึ้น ทีมโฆษก คสช.กล่าวว่า อะไรก็ตาม ถ้าไม่สุขสงบ ไม่ร่มเย็น จะเป็นปัญหาที่ซ้อนขึ้นมา เราไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น ในเวลานี้ ทุกคน ทุกฝ่าย ต้องร่วมแรงร่วมใจ นำพาบ้านเมืองก้าวพ้นความยากลำบาก และทำให้บ้านเมืองเดินตามโรดแมป นำไปสู่การเลือกตั้ง และมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
“ในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน บรรยากาศความปรองดองหรือความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เราไม่จำเป็นต้องทะเลาะกัน เราควรยืนด้วยหลักการเหตุผล และเอาประเทศชาติเป็นหลัก เพื่อเดินหน้าร่วมกัน” พล.ต.ปิยพงศ์ระบุ
เมื่อถามถึงกรณีที่ คสช.เข้มงวดต่อการแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน พล.ต.ปิยพงศ์ยืนยันว่า ไม่ใช่เฉพาะกลุ่ม แต่ทุกเรื่องที่กระทบความมั่นคงหรืออาชญากรรมต่างๆ คสช.พยายามดูแล สร้างบรรยากาศความสงบสุข ทุกเรื่องต้องได้รับการแก้ไข ส่วนการส่งทหารไปพูดคุยทำความเข้าใจนักการเมืองมาปรับทัศนคตินั้น ช่วงนี้ไม่มี เพราะบรรยากาศตอนนี้คือการสร้างความปรองดอง ดังนั้นอะไรที่กระทบความรู้สึก หรือขัดกับการปรองดอง คสช.จะไม่ทำทั้งสิ้น
ลั่นทหารไม่นอกแถว!
ถามถึงกรณีนายพิชัย และ ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง สมาชิกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า มีนายทหารยศพันเอกติดตามความเคลื่อนไหวนั้น พล.ต.ปิยพงศ์กล่าวว่า ไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ ขอไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่าเป็นอย่างไร เท่าที่ทราบทหารไม่ทำอะไรที่นอกลู่นอกทาง
ขณะเดียวกัน นายยอดชาย ศีลนำสุข ทนายความของนายพิชัย ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหมายเรียก หลังมีตัวแทน คสช.แจ้งความดำเนินคดีในความผิดฐานนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยนายยอดชายกล่าวภายหลังการเข้าพบว่า นายพิชัยติดภารกิจ ไม่สามารถเข้าพบพนักงานสอบสวนได้ เนื่องจากได้รับหมายเรียกมาเมื่อวันที่ 31 ก.ค. ซึ่งกระชั้นชิดไป โดยจะขอทำการนัดอีกครั้งวันที่ 16 ส.ค. เวลา 13.00 น. ยืนยันว่านายพิชัยจะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง
มีรายงานว่า พนักงานสอบสวนดำเนินคดีนายพิชัย จากกรณีที่โพสต์เฟซบุ๊กเรื่องห้ามจำหน่ายนิตยสารไทม์ในไทย และกรณีวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลในการดูดอดีต ส.ส.  
    สำหรับความคืบหน้ากรณีนายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก โพสต์เฟซบุ๊กพาดพิงเมื่อวันที่ 2 ส.ค.  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. ยืนยันว่า เนื้อหาที่นายนครพาดพิงพรรค ใช้คำว่า พวกเรา ซึ่งทำให้คนอ่านจำนวนมากเข้าใจว่าหมายถึงพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องฟ้องหมิ่นประมาท รวมทั้งการฟ้องตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่วนที่นายนครโพสต์ว่าพร้อมเปิดสงครามระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการอีกครั้ง ก็ยินดีต้อนรับสู่สมรภูมิ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับประชาธิปไตยกับเผด็จการ แต่เกี่ยวกับเรื่องความจริงกับความเท็จ เมื่อเขากล่าวเท็จและพาดพิงถึงคนอื่นให้เกิดความเสียหาย ก็ต้องรับผิดชอบกับคำพูด เท่านั้นเอง
     “ที่นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคเห็นว่าอย่าไปฟ้องให้เป็นคดีรกศาลนั้น ไม่มีใครอยากไปขึ้นศาล แต่ก็จำเป็นที่จะต้องปกป้องชื่อเสียง เพราะถ้าไม่ทำอะไร จะมีคนบอกว่าแสดงว่าที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง” นายอภิสิทธิ์ระบุ
นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและอดีตรองหัวหน้า ปชป.กล่าวเรื่องนี้ว่า เป็นสิทธิโดยชอบของ ปชป.ที่จะฟ้องร้องต่อศาลหรือแจ้งความดำเนินคดีเพื่อปกป้องชื่อเสียงเกียรติภูมิ เพราะข้อกล่าวหาว่าของนายนครรุนแรง และมีโทษร้ายแรงถึงขั้นยุบพรรค  
“เหตุผลที่นายนครยกขึ้นมานั้นเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว เหมือนด้านเดียวของเหรียญ แต่สิ่งที่นายนคร ไม่กล่าวถึงคือปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันและการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉล ในฐานะพี่จึงอยากแนะนำน้องนครว่าอย่าเข้าพรรคเพื่อไทย มิฉะนั้นจะถูกมองว่าการแสดงออกล่าสุดเป็นเพียงใบเบิกทางตีตั๋วเข้าพรรค โดยเผาบ้านเก่าทิ้งเท่านั้น” นายอลงกรณ์กล่าว
    ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองนั้น แหล่งข่าวจากแกนนำกลุ่มสามมิตรระบุว่า ในวันศุกร์ที่ 3 ส.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร พร้อมนายภิรมย์ พลวิเศษ ผู้ประสานงานกลุ่มสามมิตร และนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกฯ จะลงพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และขอนแก่น เพื่อรับฟังปัญหาและแลกเปลี่ยนความเห็นกับชาวบ้านในพื้นที่ และยังมีกำหนดการพบปะกับอดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และขอนแก่นด้วย ซึ่งคาดว่าจะมีการไปพบนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ อดีต รมช.คมนาคม หนึ่งในอดีต ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินด้วย 
สามมิตรซบใครชัด ส.ค.นี้
ด้านนายอนุชา นาคาศัย แกนนำกลุ่มสามมิตรกล่าวถึงการหารือกลับกลุ่มแท็กซี่ว่า เวลานี้ได้สรุปข้อเรียกร้องแล้ว ซึ่งมี 4 ประเด็น โดยจะส่งต่อให้รัฐบาลเร็วที่สุด และเมื่อมีความคืบหน้า จะได้นัดกลุ่มแท็กซี่แจ้งแนวทางต่างๆ ต่อไป โดยสิ่งสำคัญของกลุ่มตอนนี้ คือ การรับฟังปัญหาเดือดร้อนของประชาชน และพยายามแก้ไขปัญหาให้คนกลุ่มต่างๆ ก่อน ส่วนในเรื่องการเมืองเมื่อถึงเวลา ยังไงเราก็พร้อมอยู่แล้ว
“ความชัดเจนของกลุ่มสามมิตรกับพรรคพลังประชารัฐ เร็วๆ นี้คงชัดเจนอีกหลายระดับ ส่วนจะตัดสินใจร่วมพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ต้องรอดูเดือนนี้ และจะแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วย” นายอนุชากล่าว
นายชวน ชูจันทร์ ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรตลาดน้ำคลองลัดมะยม ในฐานะผู้จดแจ้งตั้งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า มีสมาชิกผู้ร่วมจัดตั้งพรรคแล้วกว่า 700 คน  ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะหารือกันอีกทีว่าจะจัดประชุมพรรคเมื่อใด ซึ่งเบื้องต้นกำหนดไว้ช่วงสิ้นเดือน ส.ค.นี้ โดยในวันที่ 14-15 ส.ค.นี้ จะไปขออนุญาตต่อ กกต.เพื่อขออนุญาตจัดการประชุมอย่างเป็นทางการ
“เรายินดีต้อนรับทุกคน ทุกกลุ่ม เพื่อร่วมกันผลักดันอุดมการณ์ ดำเนินการเศรษฐกิจแบบรากหญ้า ลดช่องว่าความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความหวังให้กับชาวบ้านร่วมกันพัฒนาประเทศ” นายชวนกล่าว
        นายสิระ พิมพ์กลาง ผู้ก่อตั้งพรรคเพื่อนไทย กล่าวว่า ได้รับการอนุญาตจาก คสช.ให้ประชุมได้ในวันที่ 5 ส.ค. เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งผู้ก่อตั้งพรรคและสมาชิกพรรคจะเดินทางมาประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค ที่โรงเรียนตะแบง ต.หัวฝาย อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ส่วนที่ทหารขอเข้ามาสังเกตการณ์ในขั้นตอนการประชุมและเลือกกรรมการบริหารพรรค พรรคไม่ขัดข้อง ยินดีอำนวยความสะดวก
      นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีที่แกนนำคนเสื้อแดงและมวลชนบางส่วนจะไปรอรับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ที่จะออกจากเรือนจำในวันที่ 4 ส.ค.ว่า ติดธุระไม่ได้เดินทางไปรับ ได้แต่ให้กำลังใจ ซึ่งไม่รู้ว่าออกมาข้างนอกได้นานหรือไม่ เพราะนายจตุพรมีคดีมากมาย ซึ่งตอนนายจตุพรอยู่ในเรือนจำ มีกำลังใจดี ธรรมะธัมโม ศึกษาธรรมะ ก็ขอให้นายจตุพรอดทน ขอเป็นกำลังใจให้ต่อสู้ต่อไป.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"