ม้ามืด 'พรรคภูมิใจไทย' เลือกตั้ง...อย่ามองข้าม


เพิ่มเพื่อน    

 

การช่วงชิงจำนวน ส.ส.ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นไปอย่างดุเดือดเข้มข้น ระหว่างแชมป์เก่าพรรคเพื่อไทยของนายใหญ่ ทักษิณ ชินวัตร  และ พรรคพลังประชารัฐ ผ่านบริษัท recruitment  ของกลุ่มสามมิตร นำโดย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, สมศักดิ์ เทพสุทิน และสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จัดหา ส.ส.สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ หลังเลือกตั้ง 

การประเมินเบื้องต้นอาจเห็นเพียงสองพรรคชิงพื้นที่ แต่หากมองให้ถึงแก่นแท้ยังมี "พรรคภูมิใจไทย" พรรคอันดับ 2 ในพื้นที่ดังกล่าวจากการเลือกตั้งปี 2554 อาจเข้าไปสอดแทรกและจับพลัดจับผลูหยิบชิ้นปลามันไปกิน 

 เพราะ เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อาศัยจังหวะสองพรรคกำลังรบพุ่ง ลงพื้นที่โกยแต้มรับฟังปัญหาชาวบ้านในพื้นที่อีสาน พร้อมกำชับให้ผู้สมัครทำตัวติดดิน ดูแลความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน อย่าสนใจเล่นเกมการเมืองที่จะสร้างความขัดแย้ง

 ทั้งนี้มีจากการประเมิน ส.ส.เขต พรรคภูมิใจไทยยืนยันว่าไม่น้อยกว่าเดิมคือ 27 คนจากการเลือกตั้งปี 2554 และเพิ่มพื้นที่ใหม่ อาทิ บุรีรัมย์, สุรินทร์ (ที่เดิมยังได้ไม่ครบ), นครราชสีมา, อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ เป็นต้น (ไม่นับพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ)   

ส่วนที่เพิ่มขึ้นถือว่าเป็นกำไร โดยหวังจากนโยบายของพรรคผ่านมอตโต คือ ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน โดยแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อปากท้องของชาวบ้าน อาทิ ให้ผู้ใช้รถบ้านสามารถขับ Uber X และ GrabCar ได้ถูกกฎหมาย หรือให้บุคคลที่มีคอนโดมิเนียมปล่อยเช่ารายวันได้  ฯลฯ 

แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ อาทิ พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ที่มุ่งแก้ปัญหาการเมืองเป็นอันดับแรกๆ เช่น ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 60 และกฎหมายปฏิรูปประเทศ-ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

รวมทั้ง พรรคอนุทิน ยังสานต่อนโยบายเอาใจเด็ก เยาวชน และคนเริ่มทำงาน ซึ่งเป็นฐานเสียงใหญ่ที่ห่างหายจากการเลือกตั้งไปเกือบ 5 ปีหลัง คสช.ยึดอำนาจ คือพักหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา  (กยศ.) 5 ปี, ปลดล็อกผู้ค้ำประกัน กยศ. และสนับสนุนเรียนฟรีถึงปริญญาตรี

เล่นเอาเจ้าพ่อโครงการประชานิยมอย่างพรรคเพื่อไทย เกรงว่าภูมิใจไทยจะได้แต้มเกินหน้าเกินตา  จึงต้องมาขยับเล่นประเด็นเหล่านี้ตาม คือ "ให้จ่ายหนี้คืนเมื่อมีงานทำ-รายได้ไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่น"

แม้สุดท้าย ทั้งเพื่อไทยและภูมิใจไทยจะมีนโยบายทำนองเดียวกัน แต่จุดแข็งที่ "พรรคเสี่ยหนู"  ได้เปรียบกว่า 100% เพราะเป็นพรรคขนาดกลาง มีแนวโน้มได้เป็นรัฐบาลแน่นอน อีกทั้ “อนุทิน"  เข้าได้กับทุกฝ่าย เป็นมิตรกับทุกคน ในยุคที่ชาติต้องการความปรองดอง

แตกต่างจาก พรรคเพื่อไทย อริตลอดกาลของ คสช. จึงถูกรัฐธรรมนูญ 60 กดหัวไม่สามารถได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ อีกทั้งหากได้โควตา ส.ส.เต็ม คะแนนบัญชีรายชื่อยังไหลไปสู่  ส.ส.พรรคการเมืองระดับกลางและเล็ก

ไม่นับกับระเบิดจำนวนมากที่วางสกัดไว้ผ่านกฎหมายต่างๆ องค์กรอิสระ อาทิ กกต., ป.ป.ช., ศาลรธน.ที่เกิดขึ้นจาก สนช.และ ส.ว.สรรหา 250 คน ที่คอยตรวจสอบและลงโทษฝ่ายตรงข้ามอย่างเข้มข้น     

กลับมาในเรื่องการแย่งชิงพื้นที่โดยเฉพาะในภาคอีสาน จะมีใครทราบว่าพรรคภูมิใจไทยได้ประโยชน์เต็มๆ จากเดิมที่แพ้กระแสพรรคเพื่อไทยมาตลอด  

แต่จากปรากฏการณ์ พลังดูดกลุ่มสามมิตร  จึงทำให้แชมป์เก่าที่ย้ายไปซบ พรรคพลังประชารัฐ  กำลังอ่อนลงเพราะไม่มีกระแสพรรค อีกทั้งจะไปฝากกระแสของทหารส่วนใหญ่ชาวบ้านยังต่อต้านและไม่ยอมรับ  

เช่นเดียวกับทางด้าน ส.ส.เพื่อไทย ที่ขึ้นมาทดแทน ก็เป็นหน้าใหม่ไม่มีคะแนนส่วนตัว หรือหากประชาชนจะเลือกก็มีแนวโน้มเป็นฝ่ายค้านสูง นโยบายต่างๆ ก็ไม่ได้รับผลักดัน

หวยจึงมาออกที่ ตาอยู่พรรคภูมิใจไทย ดังเช่นเพลง ตาอินกะตานา ที่เดิมคะแนน ส.ส.ในพื้นที่เป็นรองแชมป์ จึงอาศัยประโยชน์เหล่านี้ที่ทั้งสองฝ่ายอ่อนแอ สอดแทรกเข้ามาผงาดเป็น ส.ส.อันดับ 1  หรือหากไม่สำเร็จ อนุทิน ก็ขอคะแนนเขตเป็นอันดับ 2 และ 3 เพิ่มคะแนนให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อแก่พรรค  สร้างอำนาจที่เข้มแข็งเป็นนั่งร้านในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ผลักดันนโยบายต่างๆ ครองใจชาวบ้านต่อไป

การเลือกตั้งปี 2562 ในพื้นที่ภาคอีสาน ใครก็ไม่ควรมองข้าม...พรรคภูมิใจไทย?

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"