สองก๊ก-สามก๊ก-หรือสี่ก๊ก???


เพิ่มเพื่อน    

      กลุ่ม สามมิตร ที่ชักจะมีแนวโน้มออกไปทาง สามช่า ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...คือประเภท เหมารอบ ออกมาเต้นโยกไป-โยกมา จนจังหวะอื่นๆ แทบไม่มีโอกาสได้วอลซ์ ได้ตะลุง บ้างเลย ก็ดูจะยังคงเดินหน้า ดูดด์ด์ด์ ต่อไปเรื่อยๆ อย่างชนิดไม่คิดจะบันยะบันยัง ไม่สนหน้าหน้าอินทร์-หน้าพรหม คลำไป-คลำมา มีหาง-ไม่มีหาง ต่างเป็นอันถูก บ๊วบ ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

                                                            -----------------------------------------------------

      ส่วนกลุ่มสี่ซ้าห้ามิตร...หรือกี่มิตรก็แล้วแต่ แต่ออกอาการเป็นมิตรกับท่านนายกฯ บิ๊กตู่ อยู่แล้วแน่ๆ ก็เริ่มอวดโชว์ศิลปะลีลาเต้นแทงโก้ เต้นรุมบ้า สอดใส่จินตลีลา กันมั่งแล้ว แต่ที่น่าคิด น่าสนใจ ก็คือว่า...แล้วพงศาวดารเมืองไทยในอนาคตข้างหน้า มันจะหนักไปทาง สามก๊ก หรือ สองก๊ก กันแน่!!! คือถ้า สองก๊ก นั้น...คงไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะมีอยู่แค่ ก๊กเอาบิ๊กตู่ กับ ก๊กไม่เอาบิ๊กตู่ แต่เพียงเท่านั้น แต่ถ้าว่ากันตามสายตา ตามมุมมอง ของอดีตนายกฯ ที่ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองยาวนานนับเป็นทศวรรษๆ อย่างท่านอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ หรือ คนเคยหล่อ มาตั้งแต่อดีต ท่านกลับเห็นของท่านว่า...น่าจะออกไปทาง สามก๊ก ซะล่ะมากกว่า...

                                                              -----------------------------------------------------

      ซึ่ง สามก๊ก ในทัศนะของท่านอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์  ไม่เพียงแต่ประกอบไปด้วย ก๊กเอาบิ๊กตู่ และ ก๊กไม่เอาบิ๊กตู่ เท่านั้น แต่ยังมี ก๊กประชาธิกัด ที่น่าจะอยู่ในสภาพ เอาบิ๊กตู่ก็ได้-ไม่เอาบิ๊กตู่ก็ได้ หรือ เอาก็ไม่ใช่-ไม่เอาก็ไม่เชิง ทำนองนั้น คือยังคงต้อง กั๊กไป-กั๊กมา จนตราบวินาทีสุดท้ายนั่นแหละ ถึงจะพอสรุปได้ว่าเอา-ไม่เอา อันย่อมน่าจะส่งผลให้ สมการทางการเมือง ยังคงต้องมี ตัวแปร ที่ต้องนำไปคิด คำนวณ ถอดรูท ถอดสมการ กันอีกเยอะ ไม่อาจตอบโจทย์แบบด่วนสรุปกันง่ายๆ ว่า 2+1 ต้องเป็น 3 หรือ 2+2 ต้องเป็น 4 อะไรประมาณนั้น....

                                                                --------------------------------------------------

      การที่ ก๊กที่สาม หรือ ก๊กประชาธิกัด ออกจะเป็นไปในแนว เอาก็ไม่ใช่-ไม่เอาก็ไม่เชิง แม้อาจเป็นอะไรที่ดู สลิ่ม หรือดู แมลงสาบ อยู่บ้าง แต่ถ้าว่าให้ลึกๆ ลงไปแล้ว...ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมอยู่ตามสมควร คืออย่างน้อย...ก็ยังพอมีอะไรถ่วงๆ รั้งๆ ไม่ให้เกิดการ สุดโต่ง ในด้านใด ด้านหนึ่ง จนเกินไป อีกทั้งยังอาจช่วยให้แรงเสียดสี เสียดทาน ระหว่าง พลังดูด กับ พลังดึง มันไม่ถึงกับทำปฏิกิริยากันและกัน จนต้องแตกหัก ต้องโค่นล้ม ทำลายกันและกัน แบบชนิดรุนแรงจนเกินไป คือยังอาจอาศัยอาการ กั๊กไป-กั๊กมา ของก๊กที่สาม หรือก๊กประชาธิกัดนี่แหละ เป็น สปิลเวย์ หรือเป็นทางระบายน้ำ บนสันเขื่อน หรือใต้สันเขื่อน ก็ตามที...

                                                                   ---------------------------------------------------

      แต่อันที่จริงแล้ว...ไม่ว่าพงศาวดารการเมืองแห่งอนาคต จะออกไปทางสามก๊ก หรือสองก๊ก ก็แล้วแต่ สิ่งที่ใครต่อใครอาจลืมคิด หรือไม่อยากจะคิด ด้วยเหตุผลกลใด ก็เถอะ...ก็คือ ก๊กที่สี่ ที่แม้ไม่ได้เปิดเผยรูปร่าง หน้าตา ให้เห็นเป็นกลุ่มก้อน เป็นก๊วน หรือเป็นก๊ก แต่ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ มีอยู่จริง แถมยังมีศักยภาพ ประสิทธิภาพ และพลานุภาพมากพอ ที่จะหักโค่นทุกๆ ก๊ก ชนิดไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี เอาง่ายๆ และบรรดาพลังเหล่านี้...ก็เคยแสดงตัวให้เห็นเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว ผ่าน ปรากฏการณ์ ต่างๆ ที่ทำให้ ความเป็นไทย กับ ความเป็นธรรม นั้น สามารถก้าวเดินไปด้วยกัน อย่างชนิดแทบไม่น่าเชื่อ ก็ยังต้องเชื่อจนได้

                                                                  -----------------------------------------------------

      ไม่ว่าจะเป็น ปรากฏการณ์ตูน บอดี้สแลม หรือ ปรากฏการณ์หมูป่าอะคาเดมี ฯลฯ เป็นต้น...ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรเอาเลยกับการ เอาบิ๊กตู่ หรือ ไม่เอาบิ๊กตู่ อีกทั้งยังไม่ได้ออกไปทาง เอาก็ไม่ใช่-ไม่เอาก็ไม่เชิง ด้วยต่างหาก แต่ถ้าลอง เอา เมื่อไหร่แล้ว รับรองว่า...พลั่กๆๆ ออกัสซั่มกันไปทั้งบ้าน ทั้งเมือง เอาเลยถึงขั้นนั้น แถมยังไม่ใช่พลังที่มีเอาไว้ใช้แค่ช่วงระยะ 4 วินาที ในคูหาเลือกตั้งเท่านั้น ชนิดไม่ว่าใครจะแลนด์สไลด์ จะแอฟวะลานช์ กันเพียงใดก็เถอะ ถ้าหากลองไม่เข้าท่า เข้าทาง ไม่เอาเรื่อง เอาราว ไม่ดำเนินไปตามครรลองคลองธรรมกันอย่างจริงๆ จังๆ โอกาสที่จะโดนถล่มยิ่งกว่าหิมะถล่ม หรือโดนแผ่นดินไหว ธรณีสูบ ย่อมเป็นไปได้ทุกเมื่อ...

                                                                      ------------------------------------------------

      อันนี้นี่แหละ...ที่บรรดาทั้งสามก๊ก หรือสองก๊ก อาจลืมคิด หรือมองข้ามกันไปบ้าง เลยหันมาเต้นชะ-ชะ-ช่า เต้นสโลว์ เต้นแทงโก้ กันไปตามเรื่อง-ตามราว หรือตาม วาสนา (สันดาน) ที่ตัวเองเคยประพฤติ ปฏิบัติ มาโดยตลอด ทั้งที่โลกยุคใหม่ สมัยใหม่ มันเปลี่ยนแปลงไปเยอะแล้ว เยอะซะจนชนิด ประชาธิปไตย แบบเดิมๆ ระดับโคตรพ่อ โคตรแม่ประชาธิปไตยทั้งหลาย ยังหนีไม่พ้นต้องหงายท้อง กลิ้งไป-กลิ้งมา กลายเป็น ประชาธิป...ตาย กันไปเป็นแท่งๆ ด้ามๆ ด้วยเหตุเพราะแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย มันหันไปให้ค่ากับ คุณธรรม, ศีลธรรม หรือ ธรรมาภิบาล ยิ่งกว่าความเป็นไปประชาธิปไตยที่กินก็ไม่ได้ ทาก็ไม่ได้ ได้แค่อม-หยอด-สอด-เสียบ ให้พอหายบ้า หายคัน เท่านั้นเอง...

                                                                       ----------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก Gustave Flaubert... The whole dream of democracy is to raise the proletarian to the level of stupidity attained by the bourgeois.- ฝันทั้งหมดของประชาธิปไตย ก็คือการยกระดับชนชั้นล่าง ให้ขึ้นมาสู่ระดับความโง่ที่ทัดเทียมกับชนชั้นกลาง...

                                                                       --------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"